เมืองไทย 360 องศา
ก็เป็นอันว่าชัดเจนเต็มร้อยสำหรับการเลือกตั้งที่ยืนยันกำหนดการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องเกิดขึ้นในเดือนกมภาพันธ์ 2562 เพราะนั่นเป็นคำยืนยันล่าสุดออกมาจากปากของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม
เมื่อ “พี่ใหญ่” ออกมาการันตีแบบนี้มันก็ต้องเชื่อได้ว่าคงไม่ตุกติก เพราะมีการถามย้ำแล้วว่าจะทันตามกำหนดหรือไม่ เพราะมีกรอบเรื่องกฎหมายตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญที่ต้องเลือกตั้งภายในกรอบ 150 วัน แต่เขาก็ยืนยันว่าทันประเภทที่ว่า “เอานะ เขาพยายามจะทำให้ทัน ส่วนจะใช้มาตรา 44 หรือไม่ ผมคิดว่าไม่ต้อง”
เป็นความมั่นใจที่เขาย้ำให้เห็นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกำหนด และไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจจะมีขึ้นข้างหน้า
ดังนั้น เมื่อยืนยันแบบรับประกันแบบนี้ก็ต้องเชื่อไว้ก่อน เพราะขนาด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่นาทีนี้ถือว่าเป็น “เบอร์ 1” หรือว่า “เบอร์ 2” ระดับศูนย์กลางอำนาจการันตีกันชัดเจนแบบนี้ก็ต้องถือว่า “พูดมัดคอ” ตัวเองไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ยืนยันไปพร้อมๆ กันไปครั้งหนึ่งแล้ว ว่า ต้องเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าในช่วงที่ “เด็กๆ อยากเลือกตั้ง” ออกมาชุมนุมเมื่อวันครบ 4 ปี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
แน่นอนว่า นั่นคือ โรดแมปที่เดินไปตามกำหนดเดิม แต่เมื่อร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และล่าสุด ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติแล้วว่าไม่ข้ดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญก็ยิ่งทำให้กำหนดการทุกอย่างเดินหน้าไปตามกำหนดเดิม
อย่างไรก็ดี ในมุมของฝ่ายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องยืนยันกำหนดการเลือกตั้งดังกล่าวจะเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ในใจลึกๆ แล้วคงจะหยั่งถึงยาก แต่อีกด้านหนึ่งมันเหมือนกับว่า “ยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว” จนเกิดความเข้าใจว่าหากยังอิดออดแล้วมันก็อาจ “ได้ไม่คุ้มเสีย”
เพราะหากพิจารณาจากองค์ประกอบอื่นๆ รอบตัวแล้ว ในเวลานี้และต่อเนื่องไปจนถึงอนาคตก็ต้องบอกว่า “มันไม่เป็นใจ” ให้กับ คสช. ไม่เว้นแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าได้ผ่าน “จุดพีค” สุดมาแล้ว อาจจะเป็นเพราะทำตัวเอง ทำลายศรัทธาที่ชาวบ้านเคยมอบให้อย่างเต็มเปี่ยม แต่มาวันนี้แม้ว่ายังมีเหลืออยู่ แต่รับรองว่ามันลดน้อยถอยลงไปมาก และเวลานี้เหลืออยู่เพียงน้อยนิดในช่วงไม่กี่เดือนนี้มันจะฟื้นคืนกลับมาได้แค่ไหนยังคงเป็นคำถาม
นอกเหนือจากนี้ เชื่อว่า หลายคนคงได้เห็นสัญญาณการปรับตัวของระดับ “บิ๊ก” ของรัฐบาล และ คสช. ที่เปลี่ยนแปลงวิธีสำหรับการ “สืบทอดอำนาจ” จากเดิมที่เชื่อกันว่าจะมาแบบ “นายกฯคนนอก” ที่เคยออกแบบกลไกของรัฐธรรมนูญรองรับไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อแรงต้านเริ่มมากขึ้น ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงไป นั่นคือ แนวทาง “คนใน” เพื่อลดเงื่อนไข พร้อมๆ กับข่าวการตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมา และ “ดูด” อดีต ส.ส. เข้ามาร่วม จนกระทั่งเมื่อเริ่มมีเสียงโวยวายจากพรรคการเมืองที่ถูกดูด ส.ส. ออกไป พวกเขาก็เปลี่ยนแนวทางใหม่ นั่นคือ “ไม่ต้องย้ายพรรค” แต่ให้อยู่กับพรรคเดิม เพียงแต่เจรจาขอเสียงสนับสนุนให้โหวตเป็นนายกฯเท่านั้น ซึ่งความเคลื่อนไหวอย่างหลังมีให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น หากโฟกัสเฉพาะการเลือกตั้งยังมั่นใจว่านาทีนี้ต้องเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าค่อนข้างแน่ เพราะเมื่อรับประกันขนาดนี้ หากเบี้ยวหรือยืดออกไปอีก หรือถ้าเลื่อนต้องเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้นเท่านั้น เพราะถ้ายืดออกอีกทั้ง “บิ๊กป้อม” และ “บิ๊กตู่” คงจะจมดินเป็นแน่แท้ เพราะฝ่ายตรงข้ามคงไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน!!