xs
xsm
sm
md
lg

คุมเข้มโซเชียล-ชี้แจงเร็วไม้ตายใหม่ “บิ๊กตู่” ดิ้นสู้ขาลง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

ถือว่ามีความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีการแถลงไปก่อนหน้านี้ทั้งในเชิงเตือนแบบขู่เข้มว่าจะเอาผิดกับใครก็ตามที่โพสต์ข้อความ หรือตัดต่อภาพเพื่อบิดเบือนหรือใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ซึ่งในที่นี้ก็ย่อมหมายถึงคนในรัฐบาลและคสช. นั่นแหละ เพราะถือว่าระดับหัวแถวล้วนเป็นคนเดียวกัน

จากนั้นก็มีการรับลูกเชื่อมต่อกันจากรัฐบาลที่มีท่าทีสอดคล้องกัน นั้นคือ ความหมายในแบบที่ว่านับจากนี้ไปจะมีการเข้มงวดกับสื่อโซเชียลให้เข้มข้นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการนำเอากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาบังคับใช้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ย้ำในเรื่องดังกล่าวระหว่างประชุมผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ อย่างชัดเจนอีกครั้ง ให้มีความระมัดระวังในการทำงานอย่าให้เกิดข้อผิดพลาด ขณะเดียวกัน หากมีการบิดเบือนหรือมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นในสื่อโซเชียลก็ให้รีบชี้แจงโดยเร็วและทันการณ์

หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวย่อมสะท้อนให้เห็นในสองสามแง่มุม อย่างแรก รัฐบาลและคสช. ได้เห็นถึงความสำคัญถึงอิทธิพลของสื่อสังคมโซเชียลที่สร้างผลกระทบทั้งในทางบวกและลบกับรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

สอง การตักเตือนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาด อาจรวมไปถึงการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอื้อฉาวจนนำไปสู่ความเสื่อมให้กับรัฐบาลเพิ่มขึ้นไปอีก และ สาม เมื่อผิดพลาดแล้วหรือถูกบิดเบือนเข้าใจผิดเกิดขึ้นแล้วก็ต้องรีบชี้แจงโดยเร็ว ซึ่งก็อาจใช้สื่อโซเชียลนั่นแหละย้อนศรเพื่อชี้แจงแก้ปัญหาโดยเร็ว

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐบาล “ประยุทธ์ 5” ใหม่ๆ ก็เคยมีความเคลื่อนไหวในการปรับรูปแบบของ “ทีมงานโฆษกรัฐบาล” ให้อยู่ภายใต้การดูแลของ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มีการชี้แจงอย่างรวดเร็ว และใช้ภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่าย

แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวย่อมมีที่มาที่ไป โดยเฉพาะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเวลานี้ทั้งรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้วนตกอยู่ในสภาวะขาลง ถูกวิจารณ์ต่างๆ นานา และนับวันยิ่งมีสัญญาณรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุอาจเป็นเพราะ “อยู่มานาน” เกิน 4 ปีแล้ว เมื่ออยู่นานก็ย่อมมีจุดอ่อน ทั้งจุดอ่อนดั้งเดิมและจุดอ่อนใหม่ที่ประดังเข้ามาเพิ่ม เวลานี้ที่กำลังถูกวิจารณ์หนักมาอย่างต่อเนื่องก็คือปัญหา “ค่าครองชีพ” และล่าสุด ยังหนุนเนื่องมาจากเรื่องปัญหาราคาน้ำมันและแก๊สหุงต้มที่ราคาพุ่งสูง ซึ่งทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ฝ่ายที่ตกเป็นจำเลยทุกครั้ง ก็คือ ปตท. รวมไปถึงกระทรวงพลังงาน และตัวนายกรัฐมนตรีที่บริหารผิดพลาด บิดเบือนกลไกตลาด และเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนพลังงาน เป็นต้น

ซึ่งเรื่องแบบนี้ย่อมอ่อนไหวต่อความรู้สึกของชาวบ้าน เพราะมันเกี่ยวข้องกับเรื่อง “ปากท้อง” และรายรับรายจ่ายประจำวัน ทำให้เกิดอารมณ์คล้อยตามได้ไม่ยาก ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะฝ่ายรัฐบาลยังไม่เคยจัดระบบชี้แจง หรือแจกแจงอธิบายให้ชาวบ้านได้เข้าใจได้ดีพอ จนทำให้ตกอยู่ภาวะเป็นรอง ขณะเดียวกัน อาจเป็นเพราะ “จนมุม” เถียงไม่ออก เพราะอีกฝ่ายที่โจมตีก็กางหลักฐานอ้างอิงเปรียบเทียบจนน่าเชื่อถือ

แต่หากแยกออกมาโฟกัสเฉพาะกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานรัฐรีบออกมาชี้แจงข้อสงสัยโดยเร็วและทันการณ์ ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งการบังคับใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์อย่างเข้มข้นผิดปกติในช่วงนี้ มันก็เหมือนกับการ “ปราม” หรือ “ปิดปาก” ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ออกมาโจมตีรัฐบาล ลักษณะจึงไม่ต่างจากการดิ้นสู้ภาวะ “ขาลง” อย่างเต็มที่

สิ่งที่จะเห็นต่อไปนี้ก็จะเป็นการขับเคี่ยวกับแบบถึงน้ำถึงเนื้อ ฝ่ายรัฐบาลก็คงไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่งถูกวิจารณ์ฝ่ายเดียว ต้องตอบโต้ทุกดอก ส่วนจะได้ผล หรือเป็นการเติมเชื้อฟืนลงในกองไฟให้ร้อนแรงไปอีก ก็น่าติดตาม แต่เมื่อเข้าสู่ภาวะขาลงแล้วโดยทั่วไปแล้วมันฟื้นกลับมาแบบเดิมไดยาก!!


กำลังโหลดความคิดเห็น