xs
xsm
sm
md
lg

ของแพง-ค่าครองชีพพุ่ง ซ้ำเติมจุดอ่อน “ลุงตู่” เสี่ยงหักมุมตอนจบ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



เรียกว่าเป็นข่าวร้ายตั้งแต่ช่วงกลางปีไปจนถึงปลายปีก็ว่าได้ สำหรับราคาพลังงานที่ปรับราคาสูงขึ้นแบบพรวดพราด และแน่นอนว่า เมื่อราคาน้ำมันดีเซลที่จ่อทะลุลิตรละ 30 บาท มันก็เป็นเกณฑ์หรือธรรมเนียมไปแล้วว่าต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าแทบทุกประเภท เช่น เครื่องอุปโภคบริโภค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาแก๊สหุงต้มที่พุ่งกระฉูด ก็ทำให้ต้นทุนของพวกแม่ค้าริมทาง รวมทั้งร้านอาหารต่างๆ ที่จะอ้างต้นทุนเพิ่มเพื่อขึ้นราคาสินค้าทุกประเภท

ขณะเดียวกัน จากคำทำนายหรือการคาดการณ์อันน่าตื่นตระหนกของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานที่ระบุว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะยานขึ้นไปถึงใกล้แตะ 100 เหรียญสหรัฐฯในปลายปีนี้ หากเป็นจริงก็ต้องบอกว่าเป็นข่าวร้ายจริงๆ

แน่นอนว่า นี่ก็ย่อมเป็นข่าวร้ายของทั้งคนไทยและรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เช่นเดียวกัน สำหรับชาวบ้านรับรองว่าต้องเข้าขั้น “อ่วมอรทัย” เพราะที่ผ่านมาสำหรับบรรดาที่เรียกว่า “รากหญ้า” ทั้งหลายต่างก็ทนทุกข์ทรมาณกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นทุกวันอยู่แล้ว ขณะที่รายได้หลักของพวกเขาที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าการเกษตรก็มีราคาตกต่ำมาตลอด แม้ว่าในปีนี้พวกชาวนาอาจจะขายข้าวได้ราคาดี แต่ก็เกิดคำถามว่าเวลานี้มีข้าวที่เหลืออยู่ในมือชาวนามากแค่ไหนกันแน่ และในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งก็คือ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปต้องบริโภคข้าวสารในราคาที่แพงขึ้น โดยล่าสุด ผู้ผลิตได้ขอปรับราคาข้าวบรรจุถุง 5 กิโลกรัม อีกถุงละไม่ต่ำกว่า 30 บาท

เป็นอันว่าหากราคาน้ำมันและแก๊สหุงต้มไม่ลดราคาในอนาคตอันใกล้นี้ หรือในทางตรงกันข้ามราคาพุ่งทะยานต่อไป ชาวบ้านก็ต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสมากขึ้นไปอีก

แม้ว่าล่าสุดรัฐบาลมีการแถลงตัวเลขการส่งออกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่เติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พยายามตีปี๊บรัฐบาลได้แก้ปัญหาตั้งแต่เศรษฐกิจต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนมาถึงปัจจุบัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปเงินในกระเป๋าของชาวบ้านจะเพิ่มขึ้น หรือค่าครองชีพจะถูกลง เพราะที่ผ่านมาถูกมองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวล้วนกระจุกตัวอยู่แต่กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่เท่านั้น

ชาวบ้านส่วนใหญ่ โดยเฉพาะภาคเกษตรกลับแทบไม่มีขับเคลื่อนเลย ราคาสินค้าตัวหลัก เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ยังไม่ดีขึ้น

อีกด้านหนึ่งในฟากฝั่งของรัฐบาล คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับรู้กันมานานแล้วว่าเรื่องปากท้อง เรื่องค่าครองชีพสูงถือเป็น “จุดอ่อน” ของรฐบาลนี้ พิสูจน์ได้จากผลการสำรวจออกมาทุกสำนักตรงกันทุกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จนเกือบล่วงเข้า 4 ปีนี้

เมื่อต้องมาเจอกับปัญหาราคาน้ำมัน และแก๊สหุงต้มแพงประดังเข้ามาอีก แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพยายามออกตัวว่าเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุม เป็นเรื่องของกลไกราคาในตลาดโลก เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่อ้างเรื่องราคาสินค้าเกษตร เช่น ราคายางพารา เป็นต้น ซึ่งมันก็อาจจะจริง แต่มันก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด เพราะต้องมีวิธีการบริหารจัดการที่ต้องมีมาตรการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผ่อนคลายความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน อีกทั้งข้ออ้างดังกล่าวพูดไปก็เท่านั้น เพราะชาวบ้านคงไม่สนใจ สนใจแต่เพียงว่าเรามีรัฐบาลเอาไว้ทำไมหากแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ไม่ได้ ทุกอย่างจะมองกันที่ปัญหาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าประจำวันเท่านั้น

ดังนั้น เมื่อต้องมาเจอกับปัญหาราคาพลังงานที่ขยับตัวสูงขึ้นแบบนี้ ยิ่งในภาวะที่ รัฐบาล คสช. ถูกวิจารณ์ในแง่ลบมาตลอดมันก็เหมือนกับต้องเจอกับ “สองเด้งใหญ่” ประดังเข้ามา และที่ผ่านมา จะสามารถคุมเกมเอาไว้ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้จากพวก “ม็อบเด็กๆ” ที่มีกลุ่มพวกคนในพรรคเพื่อไทยและนักการเมืองเขี้ยวลากดินหนุนหลังจะต้องล่าถอยไม่เป็นไปตามแผนป่วน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทางข้างหน้าจะราบเรียบ

เพราะตราบใดที่ยังแก้ “จุดอ่อน” เรื่องของแพง - ค่าครองชีพสูงไม่ตก ชาวบ้านยังเกิดความรู้สึกแบบเดิมอยู่มันก็มีโอกาสหักมุมในตอนท้ายได้ทุกเมื่อ และแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะจะลากยาวไปจนถึงเลือกตั้งตามโรดแมปในต้นปีหน้าก็ตาม แต่โอกาสที่จะ “ไปต่อ” มันย่อมตีบตัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น