“ธนาธร-ปิยบุตร” หอบเอกสารยื่นจดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ยันไม่ร่วมวงถก คสช. ไม่สนโละ-ไม่โละไพรมารีโหวต คุยเดินหน้าสรรหาผู้สมัครพรรคตาม กม. ตบหน้าคุณอา “สุริยะ” เป็นฐานช่วย คสช.สืบทอดอำนาจเท่ากับทรยศจรรยาวิชาชีพ ปัดแสดงความเห็นเลิกโทษประหาร เหน็บรัฐประหารโทษถึงประหาร แต่ไม่เคยประหารใครได้
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรค นำเอกสารและรายชื่อสมาชิกจำนวน 670 คน มายื่นขอจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทุนประเดิมพรรค 1,082,679 บาท โดยนายปิยบุตรกล่าวว่า มั่นใจว่าเอกสารมาค่อนข้างสมบูรณ์ และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ กกต.คิดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบเอกสารประมาณ 45 วัน ดังนั้นอย่างช้าไม่เกินต้น ก.ย.นายทะเบียนพรรคการเมืองจะรับจดแจ้งให้อนาคตใหม่เป็นพรรคการโดยสมบูรณ์
ด้านนายธนาธรกล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะหารือกับพรรคการเมืองช่วงต้นสัปดาห์หน้าว่า อำนาจการกำหนดวันเลือกตั้ง กติกาต่างๆ อยู่ที่ คสช. เราพร้อมทำตามแม้จะไม่ไปร่วมประชุม โดยเรายังยืนยันว่าสิ่งที่ คสช.ต้องทำคือการคืนสิทธิเสรีภาพให้พรรคการเมืองและประชาชนให้ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเสรี คืนความปกติให้สังคมไทยอย่างที่เรียกร้องมาตลอด และอยากให้ทุกคนช่วยกันผลักดันให้การเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็ปอย่างที่รัฐบาลประกาศไว้ หากเดือน ก.ย.พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคอย่างสมบูรณ์ เราก็อยากทำกิจกรรมเหมือนพรรคการเมืองทั่วโลกที่เคลื่อนไหวได้ จัดประชุมสาขาพรรค ประชุมสมาชิกสรรหาผู้คัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ตามกระบวนการไพรมารีโหวต
เมื่อถามว่ารัฐบาลอาจใช้ ม.44 ยกเลิกการทำไพรมารีโหวต และก็จะไม่มีการปลดล็อก นายปิยบุตรกล่าวว่า สุดแท้แต่ คสช.เพราะมีอำนาจ แต่ไม่ว่าจะยกเลิกหรือไม่ก็ไม่กระทบต่อพรรค เพราะพรรคจะใช้กระบวนการไพรมารีโหวตคัดสรรผู้สมัครพรรคอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม คสช.ควรมีการยกเลิกคำสั่งทั้งหมดที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เป็นการเลือกตั้งที่ได้มาตรฐานตามแบบอย่างประชาธิปไตย ดังนั้นไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จะต้นปี กลางปี ปลายปีหน้า ก็ไม่มีเหตุผลที่ คสช.จะไม่ปลดล็อก
นายธนาธรยังมองกระแสการดูด ส.ส.ในขณะนี้เป็นเรื่องดี เพราะจะได้รู้ว่านักการเมืองคนไหนเลือกอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย หรือเผด็จการ
“นักการเมืองคนไหนอยากมีส่วนในการสืบทอดอำนาจให้ คสช.แสดงตัวออกมาเลย ประชาชนจะได้เห็น โดยการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นครั้งประวัติศาสตร์ว่าประชาชนจะตัดสินให้ คสช.สืบทอดอำนาจต่อหรือไม่ ดังนั้น คิดว่าทุกพรรคการเมืองควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ส่วนตัวเห็นว่าการที่มีนักการเมืองแสดงตัวชัดเจน ไปเข้าร่วมกับพรรคการเมืองที่แสดงตัวชัดเจนโดยทางตรงหรือทางอ้อมที่จะสนับสนุน คสช.นักการเมืองเป็นอาชีพที่เกิดจากระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่มีระบอบนี้ก็ไม่มีนักการเมือง ดังนั้นนักการเมืองที่รับใช้เผด็จการทอดทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย เท่ากับทรยศต่อจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวเอง”
เมื่อถามต่อว่าแม้หนึ่งในนั้นมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร อาของนายธนาธรร่วมด้วย นายธนาธรกล่าวว่า “ก็มองอย่างที่ผมกล่าวไป”
ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียหลังร่วมเวทีเสวนากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าในเวทีดังกล่าวให้พูดถึงความหวังและตนได้เสนอว่าการเลือกตั้งนี้สำคัญที่จะชี้ว่าเราจะอยู่ในระบอบนี้ต่อไปหรือไม่ การจะออกจากสังคมสิ้นหวังและนำความสงบสุขคืนมาได้ทางเดียวคือฝ่ายประชาธิปไตยต้องได้เสียง 3 ใน 4 หรือ 376 ที่นั่ง ดังนั้นพรรคการเมืองต้องร่วมกันสู้ถ้าอยากออกจากอนาคตเก่าที่มืดมนนี้
นายธนาธรยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อกระแสเรียกร้องยกเลิกโทษประหาร แต่กล่าวว่าการทำรัฐประหาร โทษก็คือประหารชีวิต แต่เรายังไม่เคยเห็นสักครั้งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
