ข่าวปนคน คนปนข่าว
**หัวหลักหัวตอ!! “เจ้าของโครงการ”ปล่อย 30 ครอบครัว ขรก.แอบอยู่ “หมู่บ้านป่าแหว่ง” เมินคำสั่งนายกฯ ที่ห้ามพักอาศัยเด็ดขาด “เจ้าป่าเจ้าเขา” ร่วมลงโทษ จนสภาพหมู่บ้านหรู เละเกินบรรยาย ประจานไม่เหมาะเข้าอยู่ด้วยประการทั้ง ถึงเวลายกเป็น“วาระแห่งชาติ”หมดเวลายื้อ ต้องรื้อสถานเดียว คืนป่าสมบูรณ์ ที่ “นายกฯตู่”ต้องออกหน้าลุยเอง เหตุ “เจ้าของโครงการ”แข็งเกินกว่าแค่ระดับ รมต.จะเอาอยู่
เละเกินบรรยาย .. สภาพ “หมู่บ้านป่าแหว่ง” โครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ ศาลอุทธรณ์ ภาค 5 ตีนดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ .. แค่เจอ “ฝนต้นฤดู” ไปเบาๆ ทำเอาภายในพื้นที่ก่อสร้าง เจอทั้งดินทรุด-ดินสไลด์-ต้นไม้ใหญ่โค่น-เสาไฟฟ้าล้ม ราวกับ “เจ้าป่าเจ้าเขา”ลงโทษ .. เป็นสภาพที่ไม่น่าเชื่อว่า เป็นช่วงก่อน “เดดไลน์”ส่งมอบงานกันในวันนี้ (18 มิ.ย.) ซึ่งก็ยืดออกมาจากสัญญาเดิมกว่า 3 ปีแล้วด้วย .. แล้วก็ยังไม่น่าเชื่อว่า เป็นโครงการที่ทุ่มทุนจาก “ภาษีประชาชน” ไปนับพันล้านบาท .. สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่า พื้นที่ตรงนั้นไม่มีความเหมาะสมต่อการสร้างถาวรวัตถุ หรือเข้าไปอยู่อาศัยอย่างสิ้นเชิง .. ตรงตาม “ข้อมูลทางวิศวกรรม-สถาปนิก” ที่มีการออกมาเตือนในหลายเวที แต่ “เจ้าของโครงการ”ก็ยังดันทุรังให้ก่อสร้างต่อ อ้างข้อผูกมัดสัญญากันมาเรื่อย .. เป็น “ข้อเท็จจริง”ที่ทำให้คำขอของ “ผู้รับเหมา" ที่ขอขยายสัญญาก่อสร้างออกไปถึงต้นเดือน ส.ค.61 ก็น่าจะถูกตีตกไปแบบไม่ต้องคิดมาก .. โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการระบุว่า “จุดอันตรายที่สุด”ของโครงการนี้ คือ “บ้านเดี่ยวสุดหรู”ที่อยู่บนสุด-วิวสวยที่สุด ที่มีอยู่ 7 หลัง เตรียมไว้สำหรับ 7 ประธานศาลสูงสุด ..
ที่น่าตกใจกว่านั้น ที่มีการปล่อยให้ข้าราชการตุลาการบางส่วนกว่า 30 ครอบครัว เข้าไปอยู่อาศัยกันแล้วด้วย .. จากที่เคยสับสนว่า อยู่หรือไม่อยู่กันแน่ ก่อนได้รับการคอนเฟิร์มจาก “เดอะโก้”สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต. สำนักนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบปัญหานี้ ยอมรับหน้าชื่นว่า มีคนเข้าไปอยู่จริง .. โดยเป็นส่วนของ “ข้าราชการชั้นผู้น้อย”ที่เข้าไปพักอาศัยในอาคารชุด ไม่ใช่บ้านเดี่ยว และเข้าไปอยู่ก่อนที่ “รมต.สุวพันธุ์”จะไปลงพื้นที่ เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา .. ก็เป็นคำเฉลยว่า เหตุใด “เจ้าของโครงการ”ถึงกีดกันไม่ให้ “ตัวแทนประชาชน”ที่เป็นกรรมการ หรืออนุกรรมการเข้าไปในพื้นที่ .. และแสดงว่ามีการเข้าไปอยู่อาศัยมานานแล้ว ขนาดรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจาก “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปสำรวจพื้นที่ ก็ยังไม่มีทีท่าจะย้ายออกอีกต่างหาก .. ราวกับคำสั่ง “ผู้นำประเทศ”ที่ห้ามคนเข้าไปอยู่-ห้ามใช้ประโยชน์เด็ดขาด และได้รับปากต่อสาธารณชนไว้ เป็นแค่ “หัวหลักหัวตอ” หรืออย่างไร ..
อาจจะมีข้ออ้างว่า ต้องแสดง “ความเห็นใจ”ว่าเป็น “สวัสดิการ”ที่อยู่อาศัยของ “ชั้นผู้น้อย” ..ในทางกลับกันถือเป็น “ความอำมหิต” มากกว่าที่ปล่อยให้ “ลูกน้อง”ต้องเสี่ยงกับความไม่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ไปใช้ชีวิตอยู่ในอาคารที่สุ่มเสี่ยงจะถล่มได้ทุกเมื่อ .. อีกทั้งก็เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ที่เรื่องแดงขึ้นมา และมี “คำประกาศิต”จาก “ท่านผู้นำ”ห้ามใช้ประโยชน์ใดๆ ใน “พื้นที่ต้องห้าม”อย่างเด็ดขาด แต่กลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ จาก “เจ้าของโครงการ” ในการหามาตรการเยียวยา หรือหาที่อยู่อาศัยทดแทนให้กับ “ลูกน้องและครอบครัว” .. ท่าทีที่ไม่ยี่หระต่อคำสั่ง “ฝ่ายบริหาร” คล้ายต้องการ “ลากถ่วง”จนกว่าเรื่องจะเงียบ ก็พิสูจน์แล้วว่า “เจ้าของโครงการ”แข็งเกินกว่าที่ “รมต.สุวพันธุ์”จะรับมือไหว .. และจำเป็นต้องยกระดับปัญหาเป็น “วาระแห่งชาติ”ที่ “นายกฯตู่”ต้องออกโรงเอง เพื่อเคลียร์คัท ตัดปัญหาให้จบโดยเร็ว ไม่ให้เรื้อรังเป็นผลลบต่อรัฐบาลซะแล้ว .. ชูเป็นแคมเปญ “หมดเวลายื้อ ต้องรื้อสถานเดียว คืนป่าสมบูรณ์”ที่ “ลุงตู่”เคยให้คำมั่นไว้กับคนเชียงใหม่ และคนไทยด้วย .. อ้อ แล้วก็อย่าลืมไปไล่เบี้ยหาตัวต้นตอของเรื่อง ที่เสกให้ “ป่าสมบูรณ์”กลายเป็น “ป่าเสื่อมโทรม”ปูทางให้เข้าไปสร้างตำหนิให้ผืนป่าดอยสุเทพด้วยนะ ท่านนะ
** ป้ายหน้าธรรมกาย!! “สาวกจานบิน” เริ่มขยับ รับข่าวปฏิบัติการค้น “ธรรมกาย” อีกรอบเร็วๆ นี้ งานนี้ไม่ใช่แค่ล่าหัว “ธัมมชโย” แต่เพื่อขจัดมารขวางทางปฏิรูปผ้าเหลือง พร้อมคุมกำเนิด “พุทธพาณิชย์” ปรับหลักธรรม-คำสอน ให้เข้าที่เข้าทาง แล้วยังได้ “ต่อที่สอง” ตัดกำลัง “ฐานแดง” เตรียมลุยเลือกตั้งด้วย
เริ่มเคลื่อนไหวแปลกๆ .. แม้จะไม่มี “สาวกจานบิน” วัดพระธรรมกาย เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับ “คดีทุจริตเงินทอนวัด” ในช่วงที่ผ่านมา .. แต่หมู่นี้ดูเหมือน “ลิ่วล้อธรรมกาย” เริ่มมีปฏิบัติการ “ปลุกเร้า” มวลชน โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดีย เสมือนขยับแข้งขยับขารอเอาไว้ .. “ศิษย์เอกค่ายคลองสาม” อย่าง อัยย์ เพชรทอง ถึงขนาดออกมา โพสต์เฟซ บุ๊กส่วนตัว หลังห่างหายไปนาน ประมาณว่า “ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา” .. เรื่องของเรื่อง แม้คดีเงินทอนวัดจะไม่เกี่ยวข้องกับธรรมกาย แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวหลุดออกมาว่า ป้อมค่ายย่านปทุมธานี มีคิวจะต้องรับ “ศึกใหญ่” อีกครั้ง .. หลังมีรายงานว่า เร็วๆ นี้ “เจ้าหน้าที่รัฐ” เตรียมจะยกพลกันไปตรวจค้น “อาณาจักรจานบิน” กันอีกรอบ เพื่อเป็นการต่อยอดจากคดีเดิม กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่วันนี้ “ธัมมชโย” ยังใช้ญาณวิเศษล่องหนอยู่ .. แรกๆ ก็ชวนสงสัย จะไปทำไม เพราะหาก “ธัมมชโย” ยังกบดานอยู่ในวัด เป็นเช่นนี้คงไม่อยู่รอให้จับแน่ มีคิวจะได้ “แห้วกระป๋อง” เอามาให้คนเย้ยหยันกันอีก .. ทว่า งานนี้ “ฝ่ายรัฐ” คงไม่บ้องตื้น ทุ่มทุนสร้าง ทั้งที่รู้ว่า จะต้องโดนด่า แต่การไปหนนี้น่าจับตายิ่ง .. นั่นเพราะช่วงนี้คดีจับสึก “พระผู้ใหญ่” กำลังฮอตฮิตติดลมบน วัดดังทั่วประเทศที่มีเรื่องอื้อฉาวกำลังหนาวๆ ร้อนๆ จ่อคิวงานเข้าเพียบ .. เป็นสัญญาณถึงเป้าหมายที่น่าจะใหญ่กว่าตัว “ธัมมชโย” ไปแล้ว แต่น่าจะครอบคลุมถึงการสังคายนาวงการผ้าเหลืองของประเทศ ..
ด้วยความที่ “ธรรมกาย” ถือเป็นปฐมบทของเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่คนตั้งข้อสงสัยเรื่อง “พระจับเงิน” จนนำไปสู่สมมติฐาน และการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดต่างๆ ในเวลาต่อมา .. ต่อให้จับพระผู้ใหญ่ที่พัวพันการทุจริตหมดได้ แต่ถ้า “หลักพุทธพาณิชย์” คำสอนที่บิดเบือนของ “ธรรมกาย” ยังคงอยู่ จะพูดได้ไม่เต็มปากว่า ปฏิรูปสำเร็จ .. ช่วงนี้ถือเป็นทางลมที่ดีที่ “ฝ่ายรัฐ” จะมี “ข้ออ้าง” ในการเข้าตรวจค้น เพราะประเด็นเรื่องเงิน - ทองของวัด กำลังอยู่ในกระแส .. “ธรรมกาย” เองเป็นอาณาจักรที่มั่งคั่ง แถมยังมีคดีค้างเก่าให้ชำระสะสาง การเข้าไปตรวจสอบ ตรวจค้นอีกสักหนึ่งคำรบ ย่อมชอบธรรม .. คงไม่ถึงขั้นจะทำลาย “วัดพระธรรมกาย” กันให้สูญพันธุ์ แต่หลังจากนี้น่าจะมีการ “ชำระล้าง” ใหญ่ เพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ยึดหลักคำสอนที่ถูกต้อง .. โบราณว่า “ตีเหล็ก ต้องตีตอนร้อน” ช่วงนี้กอบกู้ภาพลักษณ์พระพุทธศาสนา มวลชนฝั่งธรรมกายถือเป็นอุปสรรคยิ่ง .. ดังจะเห็นว่า ออกมาเคลื่อนไหวปกป้องพระผู้ใหญ่กันเยอะ ฮึ่มๆ กันทุกเครือข่าย ประหนึ่งจะปลุกระดมคนมาล่อรัฐบาล .. ป้อมค่าย “คลองสาม” ยังแข็งแกร่ง เหมือน “ตีนภูเขาน้ำแข็ง” ที่สำคัญในการปฏิรูป ถ้ารื้อไปไม่ถึง สิ่งที่ทำก็ได้แค่ชำระสะสาง “ยอดภูเขาทอง - ยอดภูเขาน้ำแข็ง” เท่านั้น .. อีกทางหนึ่ง ยังได้ตัดกำลัง “ฐานแดง” ในการเลือกตั้งคราวหน้า เพราะดูท่าถ้าปล่อยเอาไว้ ชาวอาณาจักรธรรมกายพร้อมทุ่มทุกสรรพกำลังเทให้ “ฝั่งตรงข้ามทหาร” ไม่ให้กลับมารังแกกันอีก.
** อย่ามาเนียน!! จับพิรุธปม “โกงคนยากไร้” คำสั่ง “อธิบดี พส.” ย้าย 65 ผอ.เปิดทางสอบ ออกคำสั่งช้าไม่ว่า ยังเจอเพจดังแฉว่าแค่ “ย้ายสลับที่ คืนตำแหน่งคนโกง” สลับตำแหน่งวนเวียนจังหวัดที่โกง 41 ราย คืนตำแหน่งให้พวกที่ถูกแขวน 17 ราย พีคที่สุด 6 รายถูกสอบ “วินัยร้ายแรง” กลับได้คืนตำแหน่งหน้าตาเฉย
ดูเหมือนจะดี .. คำสั่ง นภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ที่ย้าย ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จำนวน 65 คน ออกจากพื้นที่ .. เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนการตรวจสอบทุจริตเงินผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง .. อย่างแรกต้องบอกว่า “ช้าไปหน่อย” คิดดูเรื่องฉาว “โกงเงินคนไร้ที่พึ่ง” ร้องเรียนกันมาตั้งแต่เมื่อปปลายปีที่แล้ว หลายเดือนที่ผ่านมาก็เป็นข่าวดังกระหึ่ม .. อีกทั้งผลสอบยังพบว่า “โกงเห็นๆ” ตามที่ พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เคยระบุว่า พบความผิดค่อนประเทศ เงินตกหล่นไม่ถึงมือคนยากไร้ 80-90% .. มีผลให้ผู้บริหารกระทรวง “หมดอนาคต” ทั้ง พุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ณรงค์ คงคำ อดีต รองปลัด พม. และ ธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการ พม. .. โดยทั้งออกจากราชการ ตามด้วยดาบสอง ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์ทั้ง 3 บิ๊ก รวมมูลค่า 88 ล้านบาท ..
แจ่มแจ้งแดงแจ๋ขนาดนี้ “เจ๊นภา” เพิ่งขยับสั่งเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ให้ย้าย 65 ผอ.ศูนย์ฯออกจากพื้นที่ .. แล้วก็ยังมา “โป๊ะแตก” อีก เมื่อเพจดัง “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” แฉตลบหลังอีกดอก ว่า คำสั่งของ “อธิบดีนภาฯ” ที่แท้แค่ “ย้ายสสับที่” .. ร้ายกว่านั้นก็ยังมีสอดไส้ “คืนตำแหน่งคนโกง” ด้วยพบว่า ผอ.ที่ถูกแขวนในกรมก่อนหน้านี้ .. สำหรับคำสั่งย้ายครั้งนี้พบว่า 41 รายเป็นการย้ายสลับตำแหน่งวนเวียนไปมาระหว่างจังหวัดที่มีการทุจริต .. มี 19 รายที่ย้ายสลับจังหวัดใกล้ ๆ หรือในภาคเดียวกัน 17 ราย ป็นการคืนตำแหน่งผู้อำนวยการให้กับพวกที่เคยถูกเด้งไปแขวนในกรม .. และใน 17 รายที่ว่านี้ มีอย่างน้อย 6 คน อยู่ระหว่างการถูกสอบ “วินัยร้ายแรง” กลับได้คืนตำแหน่งหน้าตาเฉย .. ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร “เจ๊นภา” คงรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่รู้ว่า “บิ๊กโย่ง” พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม. หรือ ปรเมธี วิมลศิริ ปลัด พม.คนใหม่ รู้เรื่องบ้างไหม.