xs
xsm
sm
md
lg

พลิกปูม“พิสิฐชัย” ปูดข่าว“เงินทอนวัด”โยงเชือด“สมเด็จช่วง” **“บิ๊กตู่”ล้าง“คำสั่งม.44”คืนเก้าอี้ “4 นายก อบจ.” **“ดุสิตโพล”ปล่อยโพลขยี้คนไทยไม่แฮปปี้ “รัฐบาลลุงตู่” **“เอนก”แบะท่าพร้อมร่วมมือทุกพรรค ส่วน“กำนันเทือก”ยังพล่านหาแนวร่วมไม่เลิก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ขบวนการเสี้ยม!! พลิกปูม “พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร”ข้าราชการดีเอสไอ ผู้ปูดข่าว “เงินทอนวัด” โยงเชือด “สมเด็จช่วง” เคยเป็นทีมเจรจาธรรมกาย ท่ามกลางกระแสข่าว “เกลือเป็นหนอน” แถมยังทำงานใกล้ชิด “อดีตพระจำนงค์” มีชื่อเป็นแคนดิเดต ผอ.สำนักพุทธฯ ก่อนตั้งตัวเป็น “เจ้ากรมข่าวลือ” หวังก่อหวอด “ม็อบสงฆ์” ชน “ฝ่ายรัฐ”

ตาเถรตกใต้ถุน .. ข่าวความคืบหน้าปฏิบัติการ “กวาดลานวัด-ล้างธรณีสงฆ์” ที่ล่าสุดมีการปล่อยข่าวในทำนองว่า รายชื่อ “คดีเงินทอนวัด ล็อต 4” โยงไปถึง “3 -4 วัดดัง กทม.” .. พูดกันไปถึงขนาดว่า พนักงานสอบสวน ปปป. กำลังรอ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าแจ้งความในอีกไม่กี่วันนี้ .. ที่น่าตกใจก็ 3 -4 วัดดังใน กทม. ล้วนแล้วแต่เป็น “ระดับทอป”ทั้งสิ้น ตั้งแต่ “วัดปากน้ำภาษีเจริญ - วัดพิชยญาติการาม - วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร - วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร” .. ฟังดูเหมือนพอ “แต่งกิ่ง” ไล่บอนไซ “เถระผู้ใหญ่” หลายรายเสร็จ ก็ถึงเวลา “เด็ดยอด” เตรียมการโค่นทั้งต้น .. โฟกัสงานนี้หนีไม่พ้น “วัดปากน้ำภาษีเจริญ” ที่มีเจ้าอาวาสคือ “สมเด็จช่วง” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช .. แต่ก็ต้องเอะใจ ด้วยหนึ่งใน “ต้นตอข่าวปล่อย” ครั้งนี้ เป็นข้าราชการระดับสูง พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) .. ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “นลรรญา สว่างวัฒนากร” (ที่คาดว่าน่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อใหม่) ระบุครั้งแรก เมื่อ 8 มิ.ย. ว่า “ข่าว เตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯครับ” .. อีกครั้ง เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า “ข่าว ทำคดีเงินทอน เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดราชสิทธิครับ” ..
พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร และ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
จากข้าราชการดีเอสไอ ดันอุปโลกน์ตัวเป็น “เจ้ากรมข่าวลือ” งานนี้ไม่รอดสายตาตำรวจ จนถูกกองปราบฯ หิ้วตัวไปสอบปากคำ โทษฐานโพสต์ปลุกปั่นวงการสงฆ์ เพราะมีการนำโพสต์ของ “พิสิฐชัย” ไปส่งกันต่อในสังคมออนไลน์ .. ย้อนดูปูมหลัง พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ผู้ตั้งสมญาตัวเองว่า “ชัย วัฒนา” ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” .. เคยเป็นหัวหน้าทีมเจรจาของดีเอสไอ เมื่อครั้งล้อมกรอบ เข้าค้น “วัดพระธรรมกาย” แต่ก็คว้าน้ำเหลว จับตัว “ธัมมชโย”ไม่ได้ .. ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ในดีเอสไอ ควานหา “เกลือเป็นหนอน” ที่แจ้งความเคลื่อนไหวฝ่ายเจ้าหน้าที่ให้ทาง “สำนักจานบิน” รู้ล่วงหน้ากันให้วุ่น .. ยิ่งไปกว่านั้น “พิสิฐชัย” เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดต ผอ.สำนักพุทธฯ เมื่อคราว “พงศ์พร” พ้นตำแหน่งไปชั่วคราวอีกด้วย .. แล้ว “พิสิฐชัย” ผู้นี้เอง ก็เคยได้รับแต่งตั้งจากคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร หรือ “ทีมข่าวกรอง”ของ มหาเถรสมาคม (มส.) .. ซึ่งประธานอนุกรรมการฯ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “ป๋าจำนงค์”อดีตพระพรหมเมธี แห่งวัดสัมพันธวงศาราม ที่เพิ่ง “จีวรบิน”ไปขอลี้ภัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี .. ข้อความที่ “พิสิฐชัย” นำมาโพสต์นั้น จริงเท็จอย่างไร ยังไม่ทราบ แต่อย่างน้อยก็ขัดแย้งกับข่าวจาก ปปป. ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า “คดีเงินทอนวัดลอต 4” พบการทุจริตเงินทอนวัดประมาณ 30 วัด ส่วนใหญ่เป็นวัดทางภาคกลาง-ภาคเหนือ ไม่ได้เอ่ยถึงวัดใน กทม.แต่อย่างใด .. แต่ข้อความสั้นๆ ที่ไร้ที่มา ที่ไปนั้น ก็ได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางใน “หมู่สงฆ์” .. พูดกันไปถึงขนาดว่า “สมเด็จช่วง” อาจมีชะตากรรมไม่ต่างจากอดีตพระผู้ใหญ่หลายรูป ที่ต้องผลัดผ้าเหลือง นุ่งขาวอยู่ในซังเตตอนนี้ .. สำทับกับ“ข่าวใต้ดิน” ประเภท “ผอ.สำนักพุทธฯ”เป็นคนศาสนาอื่น กระทั่ง “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปลื่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ที่ร้อนจน “บิ๊กไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ถึงกับต้องออกมาแก้ข่าว .. เมื่อประมวลจากปูมหลังของ “เจ้ากรมข่าวลือ” ผสมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตีความไม่ยากว่า เป็น “ขบวนการเสี้ยม”ปลุกให้เกิดแรงต่อต้านจาก “วงการสงฆ์”ให้ลุกขึ้นมาชนกับ “ฝ่ายรัฐ” ในขณะนี้.
บุญเลิศ บูรณุปกรณ์  และ  เยาวภา วงศ์สวัสดิ์
**วิวัฒนาการพลังดูด!! “บิ๊กตู่”ประเดิม “คำสั่งนายกฯ” ล้าง“คำสั่งมาตรา 44” คืนเก้าอี้ “4 นายก อบจ.”พื้นที่อิทธิพล “เพื่อไทย”ล้วนๆ ขนาด “สายตรงเจ๊แดง” ยังได้อานิสงส์ “วัชระ” ปูด “สนช.”ไปตกปากคืนตำแหน่ง หากหนุน“พรรค คสช.” แถมโปรโมชันพิเศษ เคลียร์คดี ป.ป.ช.-ปปท.ให้หมด

มันก็จะเหงาๆหน่อย .. ดูท่า ครม.สัญจร “พิจิตร-นครสวรรค์” รอบนี้คงไม่มีภาพ “นักการเมือง - นักเลือกตั้ง” มาซูฮกให้การต้อนรับ “พญาตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนอย่างพื้นที่อื่น .. ด้วยความที่พื้นที่นี้ ไม่มี “ซุ้มใหญ่”เป็นลักษณะผู้แทน “ดาวกระจาย” ไปตามพรรคต่างๆ ยิ่งไล่ดูรายชื่อ ก็ยังมีแต่ประเภท “ลอดช่อง” ของแสลง “พลังดูด” ที่ดูแล้ว “ดูดไม่ขึ้น” .. ขนาดสาย “คหบดี” ที่น่าจะถือเป็นโอกาสมาอี๋อ๋อ กับทีมเศรษฐกิจ อย่าง ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ยังเซย์โน .. ส่ง “เลขาฯส่วนตัว” แจ้งว่า “นายห้างประดิษฐ์” ติดการประชุมที่บริษัท ขณะที่น้องชาย วินัย ภัทรประสิทธิ์ ก็ยังอยู่ต่างประเทศ .. ที่เหลือก็เป็นประเภท สายตรง-สายแข็ง ของ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” งานนี้ “พลังดูด” ก็อาจจะไม่ได้ทำงาน .. แต่ก็ใช้ “พลังดูด คสช.” จะเว้นวรรคพักท่อ ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมี “ข่าวประหลาด” เมื่อจู่ๆ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ “คำสั่งนายกฯ” ล้างคำสั่ง “มาตรา 44” เป็นครั้งแรก .. ด้วยการคืนตำแหน่งให้กับ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จำนวน 4 ราย ที่เคยถูก “คำสั่งหัวหน้า คสช.” สั่งพักงาน ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า “ตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด” .. ประกอบด้วย “นายกฯป้อม” สถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร มลัยรัก ทองผา นายก อบจ.มุกดาหาร ชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร รวมทั้ง “เสี่ยโต๊ะ” บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ ..

ที่ว่าประหลาด ก็ขนาด “ชัยมงคล” ยังยอมรับเองว่า ยังงงๆ ว่าหลุดจากข้อหาได้ยังไง .. ทั้ง 4 จังหวัด ถือเป็นพื้นที่อิทธิพลของ “พรรคเพื่อไทย”ทั้งสิ้น จึงน่าสนใจว่าเหตุใด จึงเลือกใช้เป็นพื้นที่ประเดิม “ลบล้าง” คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่สุดแสนจะศักดิ์สิทธิ์ .. โดยเฉพาะรายของ “เสี่ยโต๊ะ” พี่ใหญ่แห่งตระกูลบูรณุปกรณ์ นี่ก็ระดับ “สายตรงเจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หากจำกันได้ ถูกเล่นงานเรื่อง “ใบปลิวโจมตีร่างรัฐธรรมนูญ” .. แถมด้วยข้อหา “ผู้มีอิทธิพล”ที่เจอไล้ค้นบ้าน-ออฟฟิส อย่างเอาเป็นเอาตาย จู่ๆ ก็หลุดจากข้อหาไม่มีปี่มีขลุ่ย .. ตามคิวที่ “เดอะแจ๊ค”วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ออกมาดักคอว่า มี “สมาชิก สนช.”บางคน ไปพูดกับชาวบ้านไว้ว่า จะให้ คสช.คืนตำแหน่งให้ นายก อบจ.บางจังหวัด หากยอมหนุน “พรรคเครือข่าย คสช.” .. ไม่เพียงแต่คืนตำแหน่งให้เท่านั้น หากมีค้างใน ป.ป.ช.หรือ ป.ป.ท. ก็จะหลุดหมดทุกคดี อีกด้วย .. ยิ่งเมื่อฟังจาก วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ยิ่งเข้าเค้า เมื่อระบุว่า การคืนเก้าอี้ 4 นายก อบจ. ครั้งเป็น “ล็อตแรก” จากนี้ จะทยอยคืนตำแหน่งให้กับผู้นำท้องถิ่นรายอื่นๆ ที่ถูกพักงานตามคำสั่ง มาตรา 44 ของ หัวหน้า คสช. .. จนต้องจับตาว่า นี่อาจจะเป็นวิวัฒนาการ “พลังดูด”ที่ใช่ว่าจะก้มหน้าก้มตา “ตกเขียว” เพียงอย่างเดียว มีการปรับกลยุทธ์เป็นถอน “ไม้แข็ง” ยื่น “ไม้นวม”ซื้อใจกันไว้ก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
**แย่กว่านี้ไม่มีแล้ว!! “ดุสิตโพล”ปล่อยโพลขยี้คนไทยไม่แฮปปี้ “รัฐบาลลุงตู่” เชื่อหลังเลือกตั้งได้รัฐบาลที่ดีกว่านี้ แนวรบก้าน “การข่าว” แย่หนัก “ไอโอทหาร” ต้าน “ไอโอใต้ดิน”ไม่ไหว เจอข่าวปล่อยสารพัด ต้องคอยไล่แก้ข่าว แล้วยังหลงเกมไปผุด “เพจนิรนาม”ไล่ “ลากไส้” ขั้วตรงข้าม แต่ก็ไม่ “เปรี้ยงปร้าง”สมชื่อ

ขยี้กันเข้าไป .. ระยะหลังดูเหมือน “โพลอวย”จะหายสาบสูญไปเฉยๆ ผลการสำรวจความเห็นประชาชนจาก “สำนักหลัก” ดูจะไม่เข้า “รัฐบาล คสช.” เลย .. ล่าสุดกับ “ดุสิตโพล”ในประเด็น “สถานการณ์ทางการเมือง” ที่ตีความไม่ยากว่า อิดหนาระอาใจกับ “รัฐบาลนายพล” แล้ว .. เมื่อราว 40% เริ่มคร่ำครวญหาการเลือกตั้ง ขณะที่อีกกว่า 34% ไม่แฮปปี้การบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมองว่า ผลงานไม่เข้าตา ปัญหาหลายเรื่องไม่ได้รับการแก้ไข .. ที่ชัดที่สุดของการสำรวจงวดนี้ ก็ “มากกว่าครึ่ง”ที่คิดว่ารัฐบาลใหม่ที่จะได้หลังจากการเลือกตั้ง “ดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา” มีเพียง 7% ที่คิดว่าจะ “แย่กว่า” .. เอาเข้าจริงผลจาก “โพลหลัก” ยังดีกว่าผลจาก “โพลเฟซบุ๊ก” หลายแห่งด้วยซ้ำ .. ก็ช่วงหลังไม่ว่าสำรวจกี่ครั้งๆ ดูเหมือน “นายกฯประยุทธ์”จะไม่ใช่ “ตัวเลือกที่ดีที่สุด” ในใจประชาชนคนไทยอีกแล้ว ในอารมณ์ “ยิ่งอยู่ยาวยิ่งแย่" ..

กระทั่ง “โพลเพจติ่งลุงตู่”ที่เปลี่ยนเพจก็แล้ว เปลี่ยนหัวข้อก็แล้ว ก็ยังไม่รอด สรุปมากกว่า 90% ไม่ปลื้ม “ลุงตู่”ไร้ความสุขตลอดช่วง 4 ปีในยุค คสช. .. แนวรบด้านโพลพังยับ ด้านการข่าวยิ่งแย่หนัก เมื่อ “ไอโอทหาร”ท่าจะต้าน “ไอโอใต้ดิน” ไม่ไหว .. ยิ่งเจอถล่มผลงานจับต้องไม่ได้ ทุกเรื่องเลยกลาย “เซนซิทีฟ”ไปหมด ข่าวปล่อยประเภท “ไร้สาระ”ยังต้องร้อนถึง “คนในรัฐบาล” ต้องออกมาแก้ข่าวรายวัน .. ขนาดคนใจแกร่งดุจภูผาอย่าง “นายกฯตู่” ยังออกอาการ “หัวร้อน” บ่นเป็น “หมีกินรังแตน” มาทั้งสัปดาห์ หลังเผลอเข้าไปท่องโลกโซเชียล แล้วรับไม่ได้กับการถูกก่นด่า ต้องออกปากปกป้องเกียรติ “นายกรัฐมนตรี” อ้าง “ความเป็นมนุษย์” ในหลายเวที .. ไม่ว่าเรื่องนายกฯ นับถืออิสลาม หรือไล่ให้ไปเติมน้ำเปล่าแทนเติมน้ำมัน ที่ต้องให้ “บิ๊กไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ออกมาแก้ข่าวเป็นรายวัน .. หนักเข้าไม่รู้จะแก้เกมยังไง ก็เลยหลงลงไปเล่น “เกมใต้เข็มขัด” กับเขาอีก ทุ่ม “งบลับ” ปล่อย “เพจนิรนาม” ที่ดูแล้ว “ไม่เป็นธรรมชาติ” ออกมาสู้ .. อย่างล่าสุดเปิดเพจ “ลากไส้” ขั้วตรงข้าม แต่ก็เหมือนเพจเก่าๆที่ดู “ไม่เปรี้ยงปร้าง” ซักเท่าไร
สุเทพ เทือกสุบรรณ  และ เอนก เหล่าธรรมทัศน์
**ชั่วโมงนี้อะไรก็เอา!! “เอนก”ประกาศจุดยืนแบบไร้จุดยืน แบะท่าพร้อมร่วมมือทุกพรรค ส่วน “กำนันเทือก” ยังพล่านหาแนวร่วมไม่เลิก สะท้อน “ความจนตรอก” ของ “พรรค รปช.” ที่เพิ่งเปิดตัวแท้ๆ จากที่เคยจะขาย “การเมืองแบบใหม่”กลายเป็น “การเมืองอะไรก็ได้” อาการเหมือน “คนกำลังจมน้ำ”ที่ตะเกียกตะกายคว้าทุกสิ่ง

เริ่มขยับบ้างแล้ว .. ท่าทีของ “อดีตหนุ่มซินตึ๊ง”เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และว่าที่หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) .. ที่หลังจากเปิดตัวพรรค ก็ปล่อยให้ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรคอีกคน วาดลวดลายเคลื่อนไหวอยู่คนเดียว จนทำให้ยิ่งสลัดภาพ “เจ้าของพรรค”ไม่หลุด .. “ดร.เอนก” เริ่มขยับโดยการโพสต์เฟซบุ๊กยาวเหยียด เพื่อแสดง “จุดยืน” ของพรรค ใจความสำคัญน่าจะอยู่ตรง “...จะไม่ผูกขั้วเป็นศัตรู หรือเป็นปรปักษ์กับพรรคใดๆ ฝ่ายใดๆ สีใดๆ ไม่ผูกมัดตัวเองก่อนเวลาเกินไปว่าจะรวมกับใคร ไม่รวมกับใคร...” .. ไม่เท่านั้น ยังต้องอ้างไปถึงเจ้าของพรรคอย่าง “กำนันเทือก” ด้วยว่า เดินมาถึงจุดที่พร้อมยื่นมือไปร่วมมือปรองดองกับแทบ “ทุกพรรค-ฝ่าย” พร้อมยก “คาถาอมตะ” ว่า “มุ่งเน้นทำการเมืองแห่งความรู้รักสามัคคี” .. ตีความได้ว่า พร้อมยื่นไมตรีให้กับทุกพรรค-ทุกฝ่าย ซึ่งยิ่งสะท้อนให้เห็นถึง “ความกลวงโบ๋” ของพรรค รปช. ที่แสดง “จุดยืน”ว่า “ไม่มีจุดยืน” ใดๆ เลย .. เข้านิยามที่ว่า “สาระไม่มี” อย่างที่ “เฮียตือ” สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แห่งค่ายชาติไทย เย้ยหยันไว้ ..

แล้วก็ยังเข้าทาง “เสี่ยเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ที่ตอกกลับว่า “ดร.เอนก” เคยเป็น “แม่งานปรองดอง” ของ “เรือแป๊ะ” มาก่อน .. หรือหากพูดให้ถูก “วาระปรองดอง -วาระปฏิรูป” ที่ไม่เกิดในยุค คสช.ครองเมือง “ดร.เอนก” เองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยไม่มากก็น้อย .. ด้วยเคยสวมหมวก อดีตประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง ของสปช. .. ถัดมาก็มาเป็น ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ที่ คสช. ตั้งขึ้นอีก .. แต่พอมาตั้งพรรคการเมือง กลับเอาเรื่องที่ตัวเองเคยทำไม่สำเร็จ มาเป็น “จุดขาย”ซะงั้น .. เมื่อผนวกกับอาการ “พล่าน”ของ “กำนันเทือก”ที่วิ่งวุ่น หาแนวร่วมอยู่ในตอนนี้ มันสะท้อนถึง “ความจนตรอก” ตั้งแต่เริ่มของพรรค รปช. .. จากพรรคที่ฉาบหน้าด้วย “การเมืองแบบใหม่” กลายเป็น “การเมืองอะไรก็ได้” คล้ายกับ “คนกำลังจมน้ำ” ที่ตะเกียกตะกายคว้าทุกสิ่งเป็นเครื่องยึด .. จนสงสัยว่าแล้วเป้า “3.5 ล้านคะแนน ส.ส. 50 ที่นั่ง” ที่ “กำนันเทือก”ไปคุยฟุ้งไว้กับทาง “โพสต์ทูเดย์”จะไปเอามาจากที่ไหน.


ช.ชฎา


ปาหี่ปราบโกง-ล่อจับธัมมชโย สองเรื่องเหลวชาวบ้านรู้ทันจุดไฟไม่ติด !!
หากบอกว่าทั้งสองเรื่องดูไปดูมามันก็เหมือนคนละเรื่องเดียวกัน มีแบ็กกราวด์จากเดียวกันนั่นคือทั้งวัดพระธรรมกาย ธัมมชโย กับ ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวล้วนเป็นพวกเดียวกันสนับสนุนเกื้อกูลกันมาตั้งแต่ในอดีต ส่วนพวก นปช.และพรรคเพื่อไทยไม่ต้องอธิบายอะไรรู้กันดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวที่มีจังหวะใกล้เคียงกันเหมือนกับการรับส่งลูกและหวังให้กระพือพร้อมกัน มันไม่ได้ผล เป็นเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่รู้ทันและเบื่อกับอีกทางหนึ่งมีการสกัดเสียก่อนไม่ให้ปลุกระดมบิดเบือน ทุกอย่างเลยแป้กอย่างที่เห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น