ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มัวแต่เหนียม !! ดัน”ลุงตู่”คนเดียวไม่ได้ ต้องดันมือทำงาน”พรรคประชารัฐ” ให้โลกรู้บ้างว่า ข้าก็แน่ไม่แพ้ใคร
ถ้าจะวัดความเด่นของครม.นี้ ก็ต้องบอกว่า คนนี้ไปวัดไปวาได้ ไม่น่าเกลียด "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" รมว.พาณิชย์ ถือฤกษ์ดีครบ 6 เดือนที่ได้นั่งคุม “กระทรวงสนามบินน้ำ”ขอตั้งโต๊ะแถลงผลงานบ้าง .. ไล่เรียงเป็นฉากๆ ว่า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามที่ได้รับความไว้วางใจจาก “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อัพชั้นขึ้น “ว่าการ” เมื่อปลายปีที่แล้ว .. โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งให้กับ “เศรษฐกิจฐานราก” ตามนโยบายรัฐบาล .. ที่ต้องยกนิ้วให้ก็เรื่อง “ผลักดันราคาสินค้าเกษตร”จนหลายตัวทำ “สถิติราคาสูงสุด”ตัวสำคัญอย่าง “ข้าวเปลือกหอมมะลิ -มันสำปะหลัง” นี่ระดับทำ “นิวไฮ” ในรอบ 10 เลยทีเดียว .. ถึงขนาดที่ว่า “ชาวนา” พากันบ่นอุบ ไม่น่ารีบขายก่อน ถือไว้อีกหน่อยฟันกำไรเพิ่มอื้อซ่า .. ส่วน “มันสำปะหลัง” พุ่งปรึ๊ดโลละ 3.20 บาท เพิ่มขึ้นจากปีกลายเกือบเท่าตัว ไม่นับผลไม้ยอดฮิต “ทุเรียน-ลำไย” ที่ขายเทน้ำเทท่า จน “ก.พาณิชย์” ถูกตำหนิด้วยซ้ำว่า ทำให้ราคาแพงเกินไป ..
ที่ดูจะเป็น “ผลงานโบว์แดง” เข้ายุคสมัย ก็คงเป็น “โครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ”ที่ช่วยทั้ง “ร้านโชห่วย”ที่อยู่เกือบสูญพันธุ์ให้ฟื้นตัวได้ เกิดเงินหมุนเวียนเป็นแสนล้านบาท .. แล้วยังบูทให้ “โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ”เข้าเป้า ทำให้ผู้ถือบัตรที่มีอยู่ 11.4 ล้านคนยิ้มกริ่ม ที่รัฐเข้ามาช่วย “ลดค่าครองชีพ” .. ยังไม่หยุดแค่นั้น เตรียมเสริมระบบโลจิกติกส์-ระบบรูดบัตร-คิวอาร์โค้ด ดันให้เป็น “โชห่วยไฮบริด”ที่ทำเอา “ร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง” มีสะดุ้งกันบ้าง .. ส่วนเรื่อง “ส่งออก” นี่หายห่วง อานิสงส์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอยู่แล้ว จนทำเป้าสูงสุดในรอบ 7 ปี เป้าหมายปีนี้ที่จะให้โต 8% บอกเลยจิ๊บๆ .. แล้วต้องไม่ลืมโปรเจกต์ใหญ่ “ไทยเทรดดอทคอม”แพลตฟอร์มใหม่สไตล์ไทย ที่กำลังจะมาเป็นตัวช่วยผู้ประกอบการ ยกระดับธุรกิจไทย โกอินเตอร์ไปแชร์ตลาดค้าออนไลน์ ระดับประเทศ .. ก็น่าจะเป็นข่าวดีๆ ในช่วงเรตติ้งรัฐบาลหัวตก แทบทุกด้าน
**เจาะเมืองหลวงชินวัตร!! คสช. เดินเกมเสี่ยง ปล่อยผี “บุญเลิศ”รับข่าว “พี่ใหญ่บูรณุปกรณ์”แตกหัก “เจ๊แดง” ที่จ่อถีบหัว ส่ง “ม้าใช้ใหม่”คุมท้องถิ่นเชียงใหม่ ขยี้ปม “น้องสาวแม้ว”ไม่เหลียวแล “ลิ่วล้อ”ทั้ง “บุญทรง - เกษม”ที่จบไม่สวยซักราย
ตีความไปต่างๆ นานา .. คิวที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ควักปากกาเซ็น “คำสั่งนายกฯ” ล้าง “คำสั่งหัวหน้า คสช.” ..คืนตำแหน่งให้กับ 4 นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เคยถูกอิทธิฤทธิ์ “มาตรา 44”สั่งแขวนเก้าอี้ .. แถม “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ก็หลุดปากออกมาแล้วว่า นี่แค่ลอตแรก ยังมีลอตต่อไปตามมาอีก .. กับข้อครหา “ยื่นหมูยื่นแมว”ในการปลดล็อกคืนตำแหน่งให้ “บิ๊กท้องถิ่น”แลกกับการสนับสนุน “พรรค คสช.”หรือเปล่า .. โฟกัสจับจ้องไปที่ “เสี่ยโต๊ะ” บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ ที่ต้องมลทินจาก “คดีความมั่นคง”ถูกกกล่าวหาว่า “บิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ”เป็นพิเศษ .. ก็ด้วย “พี่ใหญ่” แห่งตระกูลบูรณุปกรณ์ เป็นระดับ “สายตรงเจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เติบโตทางการเมืองอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยนู่น .. สำคัญกว่านั้น “เชียงใหม่”ที่ถูกยกให้เป็น “เมืองหลวงของตระกูลชินวัตร”เลยทีเดียว ..
การปลดล็อคให้กับ “พี่ใหญ่บูรณุปกรณ์”หนนี้ ก็เลยถูกมองว่า เพื่อต้องการเขย่าฐานอำนาจ “ตระกูลชินวัตร”และ “กลุ่มวังบัวบาน”ของ “เจ๊แดง” .. แว่วๆ ว่า ระยะหลัง “เสี่ยโต๊ะ” ขุ่นเคืองกับ “เจ๊แดง”ไม่น้อย ด้วยกำลัง “หัวเน่า”ถูก “แทงจำหน่าย”ว่าหมดอนาคตทางการเมือง .. แล้ว “น้องสาวนายใหญ่”เตรียมนำ “ม้าใช้”ตัวใหม่ จากมุ้งอื่นลงชิงชัยสนามท้องถิ่นเชียงใหม่แข่งกับ “ตระกูลบูรณุปกรณ์” ..ทั้งเก้าอี้นายก อบจ.ของ “เสี่ยโต๊ะ” รวมทั้งเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ที่ “นายกฯไก่”ทัศนัย บูรณุปกรณ์ หลานชายของ “บุญเลิศ”นั่งอยู่ .. กลายเป็นปมในใจระหว่างกัน โทษฐานไม่เหลียวแลเยียวยา “ตระกูลบูรณุปกรณ์”ที่ถูก คสช.เล่นงานอย่างหนัก .. ข่าวอาจหลุดไปถึงหู “บิ๊ก คสช.”ก็เลยเลือกปลดล็อกให้กับ “บุญเลิศ” ที่อาจจะเหมือน “ปล่อยเสือเข้าป่า” แต่ก็คุ้มที่จะเสี่ยงหาก “ข่าวเมาท์” เป็นจริง .. อย่างน้อยก็อาจจะได้ “ตอกลิ่ม”ความขัดแย้งระหว่าง “เสี่ยโต๊ะ - เจ๊แดง”ให้หนักขึ้น .. เทียบกับ “ลิ่วล้อเจ๊แดง” รายอื่นๆ ที่รับเคราะห์กรรม โดยไร้การเหลียวแลจากผู้เป็นนาย ทั้ง บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เจ้าของวลี “กูพูดไม่ได้” ที่ต้องโทษจำคุก 42 ปี ฐานทุจริตระบายข้าวจีทูจี ที่ว่ากันว่ามี “ตัวใหญ่กว่า”ยังลอยนวล .. หรือ อดีตสารถีคู่ใจ เกษม นิมมลรัตน์ ที่ติดคุกแบบไม่รอลงอาญา และถูกยึดทรัพย์ 168 ล้านบาท ฐานร่ำรวยผิดปกติ โดยเชื่อกันว่า เงินทองทรัพย์สินที่งอกมานั้น ก็ไม่ใช่ของ “เกษม” เองเสียด้วย .. เป็นทีของ “ขุนทหาร”ที่รุกหนักวางเป้าใหญ่ กะเจาะไข่แดงปักธงที่ “เมืองหลวงชินวัตร”กันเลยทีเดียว.
**เพื่อนพารวย-เพื่อนพาซวย!! สืบสาแหรก “อดีตผู้การเลย” ยักเงินลูกน้อง 229 ล้าน ไปลงทุนตลาดหุ้น กับเครือข่ายระดับประเทศ ที่แท้จบ นรต.39 รุ่นเดียวกับ “บรรยิน ตั้งภากรณ์” ผู้ต้องหาฆ่า “เสี่ยจืด”โดยไตร่ตรอง จากปมปลอมใบโอนหุ้น รู้แบบนี้ก็หายสงสัยทันว่าไปเอาไอเดียหลอกลูกน้องมาจากไหน
เหมือนโบราณว่าไว้ไม่ผิด .. ที่ว่า“คบคนแบบไหน เราก็จะเป็นแบบนั้น”จากกรณี “ผู้การไก่”พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการการสำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เลย ที่ไปต้ม “ลูกน้อง”จนสุก .. พฤติการณ์เข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกง ให้ “ลูกน้อง”ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ ร่วมโครงการรวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย ไม่ต่างจาก “แชร์ลูกโซ่”.. ตกพุ่มซวยกันไป 192 นาย ก่อหนี้รวมกัน 229 ล้านบาท ซึ่งจากข้อมูลทางการสืบของ “ตำรวจภาค 4”พบว่าถูก “ยัก”เอาไปลงทุนใน “ตลาดหุ้น” ..จาก “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ริทำตัวเป็น “เซียนหุ้น”สุดท้ายดันกลายเป็น “นักต้มตุ๋น” .. ตามที่ “เดอะหม่อง” พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 ไล่เรียงว่าทำเป็น “ขบวนการ” .. บอกด้วยว่าเป็นเครือข่ายระดับประเทศ มีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท แต่ก็อุบไว้ว่า “ไอ้โม่ง”ที่เป็น “คนยักเงิน”ไปลงทุนเป็นใคร .. เอาเข้าจริงเชื่อเถอะว่า ทางตำรวจรู้ว่า “ไอ้โม่ง”เป็นใคร แค่คิดว่า ไม่น่าเกี่ยวกับกรณีที่ “ผู้การไก่” ไปหลอกลวง “ลูกน้อง” ก็เลยไม่บอกออกมาตรงๆ มากกว่า ..
ก็ด้วยใน “สังคมสีกากี” รู้กันดีว่า “ผู้การไก่” มีเพื่อนสนิทร่วมรุ่น นรต.39 คนหนึ่งชื่อ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตตำรวจที่หันไปเล่นการเมือง จนได้ดีเป็นถึงรัฐมนตรีมาแล้ว .. เป็น “บรรยิน”คนเดียวกับที่ตกเป็น “ผู้ต้องหา”ในคดีฆาตกรรม “เสี่ยจืด” ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง โดยไตร่ตรองไว้ก่อน .. ซึ่งเหตุจูงใจ น่าจะมาจากเรื่องปลอมแปลง “ใบโอนหุ้น”ของ “เสี่ยจืด” มูลค่า 300 ล้านบาท ที่ “บรรยิน” ถูกฟ้องอยู่ด้วย .. อีกทั้งยังมีข้อมูลระบุด้วยว่า “ผู้การไก่” เริ่มเข้าวงการ “หมุมเงิน” ในลักษณะ “แชร์ลูกโซ่” มาตั้งแต่สมัยเป็น“ผู้การหนองบัวลำภู” .. เป็นช่วงปี 58-59 ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพราง จัดฉากสังหาร “เสี่ยจืด” ที่เกิดเมื่อ มิ.ย.58 .. อีกทั้งยังมีคนจับได้ คลับคลับคลาว่า ก่อนที่คดีฆาตกรรมอำพรางจะแดงขึ้นมา “เสี่ยบรรยิน”ก็เคยควง “ผู้การไก่” ไปเป็น “คนกลาง”เคลียร์กับ “ครอบครัวเสี่ยจืด”อีกต่างหาก.
**แดนสนธยาเน่าใน!! ผลประโยชน์มหาศาลทำ “การท่าเรือฯ”ป่วนไม่เลิก สะพัดข่าว “ประธานบอร์ด”เตรียมไขก๊อก รับข่าว“สตง. - ป.ป.ช.” แตก มือสอบจัดซื้อ “ระบบไอที” แถมหน่วยงานเมืองนอก กำลังเข้าตรวจมาตรฐานความปลอดภัยที่ส่อ “สอบตก”มีหวังกระทบ “ส่งออก” รายได้หลักของประเทศ
ถือเป็นแดนสนธยาอีกแห่ง .. สำหรับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่ว่ากันว่า ที่มีความข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์มูลค่ามหาศาล .. เอาแค่ในยุค คสช. ที่ส่งสายตรงมาเป็น “คณะกรรมการบริหาร”หรือ “บอร์ด” แต่ก็เกิดเรื่องบ่อย ชนิดที่พูดกันว่า “เอาไม่อยู่” .. เช่นเดียวกับผู้ที่ได้ขึ้นตำแหน่ง “ผู้อำนวยการ” เบอร์ 1 ในส่วนงานบริหาร ก็ “ไปไม่รอด” มีอันต้องไขก๊อกออกจากตำแหน่งกระทันหันแทบทั้งนั้น .. โดยสาเหตุหลักๆ ก็หนีไม่พ้นผลประโยชน์มูลค่ามหาศาล รวมทั้งเรื่องฉาวโฉ่ เกี่ยวกับ “ปมทุจริต” ที่แตะตรงไหนก็เป็นเรื่อง .. แว่วว่า สุรงค์ บูลกุล ประธานบอร์ด กทท. คนปัจจุบัน กำลังจะตัดสินใจครั้งสำคัญในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ .. ท่ามกลางกระแสข่าว “สลับเก้าอี้”กับ พล.อ.วิวรรธน์ สุชาติ ที่เพิ่งลาออกจากประธานบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มาหมาดๆ .. สอดรับกับข่าวที่ “สตง. - ป.ป.ช.”กำลังเข้ามาตรวจสอบหลายเรื่องที่เข้าข่าย “ไม่โปร่งใส” หลักๆ ล็อกเป้าเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างระบบไอที ..
ไม่เท่านั้น ยังมีนัดหมายกับ หน่วยงานตรวจมาตรฐานความปลอดภัยของท่าเรือและการขนส่งทางน้ำ ที่รู้จักกันในวงการว่า “ISPS CODE”ที่กำลังจะเข้ามาตรวจสอบการทำงานของ กทท. ในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย .. ซึ่ง “คนใน” มองว่า “รอดยาก”มี “จุดบอด” สำคัญอยู่ที่ “ระบบไอที” ที่ “เละตุ้มเป๊ะ” เกินเยียวยา .. จึงมีโอกาสสูงที่จะได้เห็น “การท่าเรือฯ” สอบตกเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย .. แล้วมันไม่ใช่เรื่องสอบได้-สอบตก ในองค์กรเท่านั้น จะจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ “การส่งออกของประเทศ” .. ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ต้องบอกว่าเหมือนกับที่ “การบินไทย” เคยโดน ICAO สอบตกเรื่องมาตรฐานการบิน .. เพียงแต่ต้องคูณไป 2 เท่า เพราะอย่าลืมว่า ประเทศไทยพึ่งรายได้จากการส่งออกถึง 70% ของจีดีพี หากโดนแบนการขนส่งทางเรือขึ้นมา ก็เจ๊งน่ะสิครับท่าน .. เรื่องแบบนี้ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ที่กำกับดูแลการท่าเรือฯ น่าจะสอบถาม “คน ปตท.เก่า”ด้วยกันอย่าง “สุรงค์” ดูบ้างนะท่านนะ
ช.ชฎา