xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 3-9 มิ.ย.2561

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คลิกที่นี่เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1.“สุเทพ” หลั่งน้ำตาร่วมเปิดตัวพรรค รปช.-ยอมโดนโจมตีตระบัดสัตย์ ด้าน “หม่อมเต่า” ร่วมด้วย ขณะที่ “ยุทธนา” ผู้กำกับดัง ประกาศเลิกเชียร์!
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. พรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ได้ประชุมเปิดตัวผู้ก่อตั้งพรรคและผู้สนับสนุนพรรคที่มหาวิทยาลัยรังสิต โดยผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย, นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านการเมือง, นายธานี เทือกสุบรรณ, นายเชน เทือกสุบรรณ, นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.), นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย(สปท.),นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ทนายความของนายสุเทพ, น.ส.เพชรชมพู กิจบูรณะ และ ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มาพรรคนี้เพื่อเป็นหัวหน้าพรรค หรือรัฐมนตรี หรืออะไรทั้งสิ้น แต่มาทำพรรคเพราะอยากเห็นบ้านเมืองมีโอกาส มีทางรอด คนไทยต้องการประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นธรรมาธิปไตย ไม่ใช่ฉ้อฉล “ผมไม่เคยกลัวแพ้ เพราะการทำการเมืองครั้งนี้ไม่มีแพ้ เพราะเป็นการทำการเมืองเพื่อบ้านเมือง เพื่อแผ่นดิน และเป็นการทดแทนบุญคุณให้แก่แผ่นดินที่ผมรักและภาคภูมิใจ เราจะปฏิรูป ไม่ปฏิวัติ ไม่โค่นล้ม ไม่ชิงชังใคร แต่เราจะทำการเมืองแบบรู้รักสามัคคี”

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นเวทีกล่าวทั้งน้ำตาว่า นึกถึงคนที่เสียชีวิต อยากให้คนเหล่านั้นได้เห็นภาพวันนี้ วันที่พวกเรารำลึกถึงพวกเขาด้วยความเคารพในความเสียสละ และวันที่คนอย่างพวกเราประกาศสืบสานปณิธานของพี่น้องผู้เสียสละ ไม่ง่ายเลยที่จะสร้างพรรคที่เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริงในประเทศนี้ หลายคนไม่คิดว่าจะเข้ามาการเมือง เช่น ม.ร.ว.จตุมงคล เป็นข้าราชการปากหนัก ไม่ชอบนักการเมือง แต่ก็เดินเข้ามาหาถามว่า จริงหรือเปล่าที่มีคนอยากตั้งพรรคเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง สุดท้ายก็มาร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า “ผมระวังตัวมากตั้งแต่ตัดสินใจลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อร่วมต่อสู้กับประชาชน และประกาศว่าจะไม่เป็น ส.ส. ไม่อยากรับตำแหน่งทางการเมือง แต่เมื่อพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์อยากตั้งพรรคเพื่อประชาชน ผมรู้เลยว่าต้องเข้ามาร่วม แม้ผมรู้ว่าตัวเองจะเป็นจุดด้อยจุดอ่อนของพรรคนี้ ให้คนนำมาโจมตีว่าผมตระบัดสัตย์ ผมขอประกาศเลยว่า จะไม่อยู่เบื้องหลัง แต่ผมจะยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน และผมไม่สนใจคำวิจารณ์เหล่านั้น จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ขออาสาเป็นขี้ข้า เป็นผู้รับใช้ประชาชน ผมจะเอาประสบการณ์นักการเมืองกว่า 40 ปี มาร่วมตั้งพรรคของประชาชนให้เกิดขึ้นให้ได้ ทันทีที่ได้รับอนุญาตจาก คสช.ให้รณรงค์ต่างๆ ได้ ผมจะเดินไปทุกจังหวัดทั่วประเทศด้วยตนเอง”

นายสุเทพยังพูดถึงกรณีที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ด้วยว่า นับจากวันนี้ ไม่ใช่คนที่มีเสรีที่อยากจะพูดอะไรก็ได้แล้ว เพราะได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรค รปช.แล้ว จากนี้การพูดหรือการใดต้องเป็นของพรรค รปช. ซึ่งต้องมาจากประชาชนที่เป็นเจ้าของพรรคทุกคน

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยว่า นายสุเทพต้องขอโทษประชาชนก่อนหรือไม่ ที่เป็นผู้นำในการชัตดาวน์ประเทศ ก่อจลาจลขัดขวางการเลือกตั้ง ทำให้ประเทศเสียหาย ถ้าไม่มีการล้มการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ประเทศไทยก็คงไม่มาถึงจุดนี้ และว่า ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่า การตั้งพรรคครั้งนี้ของนายสุเทพจะเป็นไปเพื่อเตรียมการเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ตั้งพรรคเพื่อป่วนประเทศหรือเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง เพราะนายสุเทพเคยประกาศจะไม่เล่นการเมือง ก็กลับมาเล่น ประกาศไม่ตั้งพรรคการเมือง ก็กลับไปกลับมาหลายครั้งจนในที่สุดก็ตั้งพรรค

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงการเปิดตัวพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มีนายสุเทพและนายเอนกร่วมก่อตั้งพรรคว่า “ไม่ว่าจะพรรคใคร พรรคของนายสุเทพ หรืออะไรต่างๆ ถ้ามีความตั้งใจจริง ก็ขอให้ประสบความสำเร็จ จะแสดงความยินดีด้วย พรรคใดก็ได้ที่จะนำพาประเทศชาติให้เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล มีการปฏิรูปตามยุทธศาสตร์ชาติ นั่นคือสิ่งที่ผมสนับสนุนทุกพรรคไม่ใช่เพราะเขามาสนับสนุนผม รัฐบาล คสช.แล้วผมจะต้องสนับสนุนเขากลับ แต่ผมสนับสนุนทุกพรรค ถ้ามีความสร้างสรรค์”

เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยกล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร้องไห้ระหว่างกล่าวในงานเปิดตัวพรรครวมพลังประชาชาติไทยว่า "ลุงกำนันนี่เจ้าน้ำตานะ เปลี่ยนใจเปลี่ยนคำพูดก็ชี้แจงความจำเป็นและนโยบายชัดๆ ดีกว่า น้ำตาไม่แก้ปัญหาโกหกหรอก!!!" นายยุทธนายังโพสต์อีกว่า เป็นแฟนคลับของนายสุเทพ แต่จะไม่เชียร์นายสุเทพอีกต่อไป โดยระบุว่า "ตระบัดสัตย์เพื่อชาติได้ ต่อไปก็โกงกินเพื่อชาติได้ ตรรกะเดียวกัน! ผมน่ะ FC ลุงกำนัน แต่จะไม่ยอมตระบัดสัตย์เชียร์ต่อไป!! อายตัวเอง 555"

2.“จักรทิพย์” วืดไม่ได้ตัว “อดีตพระพรหมเมธี” กลับไทย หลังยื่นขอลี้ภัยที่เยอรมนี ลุ้นจะได้ลี้ภัยหรือไม่!
(ซ้าย) อดีตพระพรหมเมธี หรือพระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตเงินทอนวัด (ขวา) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ความคืบหน้าการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี หรือพระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตเงินทอนวัด หลังมีผู้พาหลบหนีไปประเทศลาว และต่อมา มีข่าวว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศเยอรมนีได้คุมตัวอดีตพระพรหมเมธีเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 2 มิ.ย.ที่ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต หลังไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับที่ทางตำรวจไทยประสานตำรวจสากลไว้แล้ว เบื้องต้นตำรวจเยอรมนีประสานมาทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย อดีตพระพรหมเมธีจึงถูกควบคุมตัว

หลังจากนั้น วันต่อมา 3 มิ.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำทีมตำรวจและผู้แทนอัยการบินด่วนไปยังท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ตเพื่อสอบปากคำอดีตพระพรหมเมธี และนำตัวกลับประเทศไทย โดยมีรายงานว่า อดีตพระพรหมเมธีเดินทางออกจากลาวพร้อมกับหลานชาย ก่อนบินไปกัมพูชา และต่อไปยังประเทศกาตาร์ และต่อเครื่องไปยังเยอรมนี

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่สามารถนำตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับไทยได้ เนื่องจากอดีตพระพรหมเมธีได้ยื่นขอลี้ภัยกับทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเยอรมนีทันทีทีเดินทางไปถึง ซึ่งขณะนี้ ตม.เยอรมนีได้ส่งคำร้องขอลี้ภัยของอดีตพระพรหมเมธีไปยังสำนักงานดูแลผู้อพยพและผู้ลี้ภัยแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีแล้ว ขั้นตอนต่อไป จะต้องมีการสัมภาษณ์ สอบประวัติ และซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุที่ยื่นขอลี้ภัย

เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์และคณะที่บินไปเยอรมนี ไม่มีโอกาสได้พบอดีตพระพรหมเมธีแต่อย่างใด เนื่องจาก ตม.เยอรมนีทำตามความต้องการของอดีตพระพรหมเมธีที่ไม่ต้องการพบคณะของ พล.ต.อ.จักรทิพย์

มีรายงานว่า หากอดีตพระพรหมเมธีได้ลี้ภัย 3 เดือนแรกจะถูกจำกัดเขตพื้นที่ในการเดินทาง โดยห้ามออกนอกพื้นที่ที่กำหนด หลังจาก 3 เดือน สามารถเดินทางไปได้ทั่วเยอรมนี โดยระหว่างพิจารณาคำขอลี้ภัยนี้ ทางการเยอรมนีจะจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ผู้ยื่นขอลี้ภัย จะมีทนายความชาวเยอรมมันช่วยเหลือดูแลเรื่องขอลี้ภัย และหากได้รับการอนุมัติให้ลี้ภัย ช่วงแรกจะได้รับอนุญาตให้พักอยู่ในเยอรมนีได้เป็นเวลา 3 ปีก่อน

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่า ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่เยอรมนีช่วยเร่งพิจารณากรณีอดีตพระพรหมเมธีขอลี้ภัยให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลานานถึง 2 เดือน

ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อยู่ที่เยอรมนีต่อ เพื่อทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะเดินทางกลับไทยแล้ว แต่ก็ไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการติดตามตัวหรือการขอลี้ภัยของอดีตพระพรหมเมธีแต่อย่างใด โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า “ไม่มีอะไร อากาศดี” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้เจอตัวอดีตพระพรหมเมธีหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ตอบว่า “ไม่ได้เดินทางไปพบท่าน”

ส่วนการดำเนินคดีผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือหรือพาอดีตพระพรหมเมธีหลบหนีนั้น เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ศาลจังหวัดนครพนมได้อนุมัติหมายจับผู้มีส่วนช่วยเหลือ 5 คน ประกอบด้วย 1.นางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือสีกาจุ๋ม อายุ 54 ปี สีกาคนสนิทอดีตพระพรหมเมธี ซึ่งมีรายงานว่า สีกาจุ๋มได้เดินทางออกจากไทยไปประเทศอังกฤษแล้วตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2.นายพีรวิช ศรีศรัทธา อายุ 28 ปี ลูกศิษย์คนสนิทของอดีตพระพรหมเมธี 3.นางจันทนา รัตนวงศ์ 4.นางจิตติมา ลัดตะมะวง และ 5.นายน้อย รัตนวงศ์

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ที่รับผิดชอบด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ที่อดีตพระพรหมเมธีใช้เป็นเส้นทางหลบหนีเมื่อวันที่ 24 พ.ค. โดยมีนางศศิร์อร หรือสีกาจุ๋ม ช่วยเหลือใช้พาสปอร์ตขออนุญาตนั่งรถยนต์ส่วนตัวเดินทางข้ามแดนอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่ได้หลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติ ถือว่าเจ้าหน้าที่ ตม.ละเลยบกพร่องต่อหน้าที่ โดยตำรวจทั้ง 2 นายเป็นระดับสารวัตรและรองสารวัตร

ส่วนความคืบหน้าอาการป่วยของอดีตพระพุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ ซ่องโจร และปลอมพระปรมาภิไธย ที่ป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทและมีภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารนั้น เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้นำตัวอดีตพระพุทธะอิสระไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ด้วยวิธีส่องกล้องในระบบทางเดินอาหารเพื่อหาสาเหตุเลือดออกในกระเพาะอาหาร “ผลการส่องกล้อง ไม่พบอะไรที่น่าเป็นห่วง ในกระเพาะอาหารตอนบนและลำไส้ไม่มีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อร้าย มีเพียงแผลในกระเพาะอาหาร หลังการตรวจ แพทย์ได้ให้ยาและส่งตัวกลับเข้าคุมขังในเรือนจำ โดยไม่จำเป็นต้องพักรักษาในโรงพยาบาล”

3.ศาล รธน.ชี้แล้ว คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ไม่ขัด รธน. ด้าน พท.จี้ คสช. รีบปลดล็อกพรรคการเมืองเพื่อหาสมาชิก!
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมพิจารณากรณีผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 140 และ 141 วรรคหนึ่ง (5) และวรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 25, 26, 27 และ 45 หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ นักการเมืองหลายพรรควิพากษ์วิจารณ์ว่า การแก้ไข พ.ร.ป.ดังกล่าวโดยคำสั่ง คสช.ส่งผลเหมือนกับเป็นการรีเซตสมาชิกพรรค ซึ่งไม่เป็นธรรมกับพรรคเก่าที่มีสมาชิกจำนวนมาก

ทั้งนี้ ผลการพิจารณา ปรากฏว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า มาตรา 140 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนมาตรา 141 ตุลาการฯ มีมติเอกฉันท์ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่า ทั้งสองมาตราดังกล่าว ไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมแก่บุคคล

ด้านนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงมติของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 แก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญ เพราะตามข้อเท็จจริง หากไม่มีคำสั่งที่ 53/2560 บทบัญญัติของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็กำหนดให้ต้องตรวจสอบและปรับปรุงฐานข้อมูลของสมาชิกพรรคตามกฎหมายใหม่อยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อมีคำสั่ง คสช.ออกมาพร้อมกับการกำหนดเวลา จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะสร้างผลกระทบใดกับพรรคการเมือง

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า คำสั่ง คสช.ดังกล่าว เป็นการรีเซตสมาชิกพรรค และอาจมีผลกระทบกับการเลือกตั้งชั้นต้นเพื่อหาผู้สมัคร ส.ส.หรือไพรมารีโหวตนั้น นายอุดม ยืนยันว่า เป็นคนละประเด็น เพราะส่วนตัวมองว่า จำนวนสมาชิกที่ใช้เป็นฐานทำไพรมารีโหวต พรรคใหญ่จะไม่มีปัญหา เพราะมีสมาชิกพรรคยืนยันเป็นจำนวนมากพอ แต่พรรคเล็กเท่านั้นที่จะมีปัญหา โดยเฉพาะพรรคที่มีสมาชิกหลักร้อย อาจจะส่งผลให้สิ้นสภาพและไม่สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้

ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย คณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงมติของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า ไม่เหนือความคาดหมาย และว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยทำได้อย่างเดียว คือรอให้มีการปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ เมื่อปลดล็อกแล้ว จะได้รับสมัครสมาชิกเพื่อให้สามารถทำไพรมารีโหวตได้ จึงขอเรียกร้องให้ทาง คสช.เร่งปลดล็อกให้พรรคการเมือง เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และจะส่งผลให้มีการปลดล็อกทางการเมืองหรือไม่ว่า การปลดล็อกเป็นเรื่องของตนที่จะพิจารณา หากจะปลดก็ต้องปลดเป็นกิจกรรมไป ถ้าปลดล็อกทั้งหมด ท่านรับรองได้หรือไม่ว่าจะไม่มีปัญหา แต่เดี๋ยวก็จะปลดล็อก ซึ่งต้องมีการพิจารณาหารือกันว่าจะปลดล็อกอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ให้อิสระเสรี แล้วใครจะรับรองได้ว่ามันจะไม่เกิดเหตุเดิมขึ้นอีก

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีการนัดพูดคุยกับพรรคการเมือง จะต้องมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไข อยากคุยก็มาคุย การคุยทำไมต้องมีเงื่อนไข ถ้าไม่มาก็อย่ามา ตนไม่ได้ง้อให้ใครมา ถ้าไม่มา ประชาชนและสื่อก็ตัดสินว่าทำไมไม่มา เมื่อถามต่อว่า พรรคอนาคตใหม่มีเงื่อนไขว่า จะมาร่วมถ้าได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลมีเดีย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอดูก่อน ขอดูความจริงใจก่อน เมื่อถามย้ำว่า ในเดือน มิ.ย.นี้ จะได้คุยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น

4.อัยการส่งฟ้อง “บรรยิน” คดีฆ่า “ชูวงษ์” แล้ว ด้านศาลให้ประกัน แต่ห้ามยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน-ห้ามออกนอกประเทศ!
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน โดยไตร่ตรองไว้ก่อน
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้ากรณีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 5 มีคำสั่งให้ฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคไทยรักไทย ฐานร่วมกันฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน เมื่อปี 2558 ว่า อัยการได้นำตัว พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมสำนวนไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพระโขนงแล้วในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดจากการที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฏหมายอาญา ม.289 (4) (7) ซึ่งต้องระวางโทษประหารชีวิต

ทั้งนี้ ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดี นอกจากนี้ท้ายคำฟ้อง อัยการยังขอให้ศาลนับโทษ พ.ต.ท.บรรยิน ต่อจากคดีที่อัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกรวม 3 คน ในคดีร่วมกันปลอมเเละใช้เอกสารสิทธิปลอมของนายชูวงษ์ ในการโอนหุ้นมูลค่า 300 ล้านบาทด้วย ด้านศาลได้นัดสอบคำให้การ พ.ต.ท.บรรยิน ในวันที่ 9 ก.ค. นี้ เวลา 09.00 น.

หลังถูกยื่นฟ้องและตกเป็นจำเลยพ.ต.ท.บรรยิน ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เนื้อที่กว่า 13 ไร่ ราคาประเมิน 5 ล้านบาทเศษ เพื่อขอประกันตัว ด้านศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 2 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

อนึ่ง นอกจากคดีนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ถูกนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ยื่นฟ้องในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยศาลจังหวัดพระโขนงได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2560 และนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 19 มิ.ย. นี้

ส่วนคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล อายุ 29 ปี อดีตพริตตี้, น.ส.อุรชา หรือ ป้อนข้าว วชิรกุลฑล อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.หลักทรัพย์ เออีซีเอส และ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268 นั้น ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดสืบพยานในเดือน ก.ย. นี้

5.ขนมจีนคลุกน้ำปลาให้ นร.กินพ่นพิษ ผลสอบพบ ผอ.รร.บ้านท่าใหม่ผิดวินัยร้ายแรง 5 ข้อ!
ภาพจากคลิปเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าใหม่กินขนมจีนคลุกน้ำปลา
ความคืบหน้ากรณีมีผู้เผยแพร่คลิปโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ม.17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ให้เด็กนักเรียนอนุบาลกินขนมจีนคลุกน้ำปลาในถาดหลุม ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย พร้อมตั้งคำถามว่า เกิดการทุจริตในโครงการอาหารกลางวันหรือไม่ และเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง กระทั่งต่อมาได้มีคำสั่งย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ออกจากพื้นที่ ไปช่วยราชการประจำ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 2 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ทางเขตพื้นที่การศึกษาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนให้ตรวจสอบความผิดของผู้อำนวยการโรงเรียนจำนวน 10 ข้อ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. พล.ท.โกศล ปทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านท่าใหม่ เพื่อรับฟังผลสรุปของคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านร้องเรียน 10 เรื่อง

ทั้งนี้ นายจักรรินทร์ อภิสมัย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสืบสวนข้อเท็จจริง สรุปผลการสอบสวนว่า มีมูลความผิดร้ายแรงจำนวน 5 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ทุจริตโครงการอาหารกลางวัน 2.ทุจริตก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในโรงเรียน 3.ขายน้ำอัดลม 4.ขายปาล์มน้ำมันโรงเรียนนำเงินไปใช้ส่วนตัว 5.โครงการปักเสาไฟฟ้า สำหรับเรื่องที่ 6 มีมูลแต่ไม่ร้ายแรง คือ การปรับปรุงอาคารเรียน ไม่ทำตามระเบียบ ส่วนอีก 4 เรื่องไม่มีมูล ประกอบด้วย การซ่อมแซมบ้านพักครู ปูกระเบื้องอาคารเรียน โครงการเลี้ยงไก่ และโครงการเลี้ยงปลาดุก โดยทางคณะกรรมการจะสรุปผลเสนอศึกษาธิการจังหวัด เพื่อพิจารณาให้ออกหรือไล่ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจะสามารถเสนอได้ในวันจันทร์ที่ 11 มิ.ย.นี้

ด้าน พล.ท.โกศล ปทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ ทางศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานีต้องรีบเสนอผลสอบ 5 เรื่องที่ผิดวินัยร้ายแรงดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมพิจารณามีคำสั่งต่อไป

ขณะที่นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปเป็นการตั้งกรรมการสอบวินัย และคาดว่าจะเริ่มสอบวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันที่นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าวจะต้องมาปฏิบัติงานวันแรกที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 2 หลังจากลากิจครบกำหนด

เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ท.โกศล ได้พูดคุยกับครูและเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจรับพัสดุอย่างน้อย 4 คน ทุกคนต่างร้องไห้และขอความช่วยเหลือจาก พล.ท.โกศลว่า ครูที่ปรากฏหลักฐานเป็นผู้ร่วมลงนามตรวจรับพัสดุ จนทำให้มีส่วนในการกระทำความผิดร่วมกับ ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ เป็นข้าราชการบรรจุใหม่ ถูกสั่งให้ทำหน้าที่ตรวจรับพัสดุ ทั้งที่ไม่มีความรู้ในการตรวจรับ อีกทั้งถูกข่มขู่ให้ลงนามตรวจรับพัสดุ โดยอ้างว่าถ้าไม่เซ็นจะไม่ผ่านการประเมิน ซึ่งที่ผ่านมารับทราบว่ามีการทุจริตมาตลอด แต่ไม่สามารถพูดหรือร้องเรียนได้ เนื่องจาก ผอ.ข่มขู่ว่าหากเรื่องแดงขึ้นมา พวกตนจะมีความผิดด้วย ซึ่ง พล.ท.โกศล รับปากว่าจะประสานไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้สอบปากคำให้เห็นถึงเจตนา หากครูกระทำไปโดยขาดเจตนา จะหาทางช่วยเหลือ


กำลังโหลดความคิดเห็น