ไฟเขียว สคบ.ควบคุมสัญญาห้องเช่า ศาลปกครองกลางไม่รับคำขอผู้ประกอบการธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่อที่อยู่อาศัย ชี้หากระงับประกาศฯตามคำขอ ทำ สคบ.ขาดกลไกคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้เช่า
วันนี้ (14 มิ.ย.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอให้ศาลพิจารณาไต่สวนเพื่อมีคำสั่งระงับการบังคับใช้ ประกาศสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรื่องให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาจนถึงที่สุด ในคดีหมายเลขดำที่ 1006/2561 หจก.ธนกฤตพร เครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่อที่อยู่อาศัยยื่นฟ้องคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา และ สคบ. ต่อศาลปกครองกลางว่าร่วมกันออกประกาศ สคบ.เรื่องให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า การที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนดให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา เพื่อให้ สคบ.ใช้เป็นมาตรการในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคจากการทำสัญญาเช่าให้บรรลุผลและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย หากศาลมีคำสั่งทุเลาตามคำร้องก็จะทำให้ สคบ.ขาดกลไกที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้เช่าในฐานะที่เป็นผู้บริโภคจากการตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในสัญญาเช่า และทำให้ สคบ.ไม่สามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบได้ทันท่วงที เนื่องจากปัจจุบันมี เพียง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 เป็นกฎหมายฉบับเดียวที่ใช้คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคก่อนการทำสัญญา ส่วน พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 เป็นมาตรการที่ใช้คุ้มครองผู้บริโภคหลังจากมีสัญญาแล้วเท่านั้น ดังนั้น การมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวจึงเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานและการบริการสาธารณะของ สคบ. ส่วนการออกประกาศดังกล่าวจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะต้องพิจารณาพิพากษาต่อไป