ไม่มีพลิก! สนช. มติเอกฉันท์ 197 เสียง ผ่านร่างงบปี 62 ชมรัฐตั้งงบเหมาะสม สอดคล้องภารกิจ มั่นใจ 7 ยุทธศาสตร์พาไทยแลนด์ยุค 4.0 ฉลุย สมาชิกบางส่วนติงบูรณาการงานรัฐยังมีปัญหา “สมชาย” โวยสื่อบิดเบือนรูป สนช. นั่งหลับ จี้ปฏิรูป “ประยุทธ์” พร้อมยกเลิกบางอย่าง แต่หลายอย่างออกอาวุธไปแล้วรอดูผล ยันจัดงบเน้นความเท่าเทียมท้าใครแก้ปัญหาได้ เสนอตัวเป็น รบ. พร้อมเลือก ติงสื่อต้องมีจรรยาบรรณ ปัดรังแกใคร
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จํานวน 3,000,000 ล้านบาท โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มากล่าวรายงานต่อสมาชิก พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรีที่มาร่วมรับฟังการอภิปรายแลชี้แจงในบางประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณปี 2562 มีการลดลงจากปี 2561 จํานวน 50,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.6 โดยวงเงินงบประมาณดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศ รายจ่ายประจำมีการกำหนดไว้เป็นจํานวน 2,261,488.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จํานวน 24,542.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 โดยรายจ่าย ประจำดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75.4 ของวงเงินงบประมาณ เทียบกับร้อยละ 73.3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 รายจ่ายลงทุนกำหนดไว้เป็นจํานวน 660,305.8 ล้านบาท ลดลงจาก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จํานวน 16,163.8 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.4 โดยรายจ่าย ลงทุนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22.0 ของวงเงินงบประมาณ เทียบกับร้อยละ 22.2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561. รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ได้จัดสรรไว้เป็นจำนวน 78,205.5 ล้านบาท ลดลงจาก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จําานวน 8,736.8 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.0 โดยรายจ่าย ชำระคืนเงินกู้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.6 ของวงเงินงบประมาณ เทียบกับร้อยละ 2.9 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ส่วนรายได้ในปีงบประมาณคาดว่าจะจัดเก็บรายได้ประเภทต่างๆ ได้จำนวน 3,032,600 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการจำแนกตามยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 2. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน 4. ยุทธศาสตร์ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างการเติบโตจากภายใน 5. ยุทธศาสตร์ด้านการจัดการน้ำและสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และ 6. ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
ในการอภิปรายของสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยกับวงเงินงบประมาณดังกล่าวรัฐบาลตั้งไว้พอเหมาะพอดีสอดคล้องกับภารกิจของรัฐบาล ทั้งการผลักดันโครงการไทยแลนด์ 4.0 การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เสริมสร้างศักยภาพของคนในประเทศ รวมถึงการพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ ขณะเดียวกัน การชำระคืนเงินกู้กว่า 7.8 หมื่นล้านบาท ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณ ปี 2561 ฝากไปยังกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการใช้งบปี 2561 ให้ลงสู่ประชาชน และเกิดประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจ เพราะยังมีหลายหน่วยงานที่เบิกงบไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ด้าน นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิก สนช. อภิปรายว่า คสช. พยายามรวมหน้าที่และภารกิจ เพื่อบูรณาการการทำงานของส่วนราชการเข้าด้วยกัน แต่อุปสรรคที่สำคัญคือเชิงโครงสร้าง ความเป็นนิติบุคคลของส่วนราชการระดับกรม กระทรวง ที่มีอำนาจหน้าที่เฉพาะ แม้จะทำแผนบูรณาการร่วมกัน แต่ยังทำงานแยกส่วน ทำให้ในทางปฏิบัติการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ยังพบว่าส่วนราชการยังทำงานเฉพาะส่วนตามอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการชี้แจงร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ของนายกรัฐมนตรี มีสมาชิก สนช. นั่งหลับหลายราย โดยสื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพดังกล่าว กระทั่งถึงการอภิปรายของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ได้ลุกขึ้นอภิปรายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ถึงการเผยแพร่ภาพดังกล่าว โดยกล่าวว่า มีการบิดเบือนโจมตีการทำงานของแม่น้ำ 5 สาย นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ภาพ สนช. นั่งหลับทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนเห็นว่าสิ่งเดียวที่ไม่เคยปฏิรูปตัวเองเลย คือสื่อมวลชนที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความบิดเบือน สร้างความขัดแย้ง ที่จริงมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซนต์เป็นสื่อดี
หลังจากมีการอภิปรายร่วม 7 ชั่วโมง ที่ประชุมได้ลงมติเอกฉันท์ รับหลักการวาระ 1 ด้วยคะแนน 197 เสียงงดออกเสียง 3 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา 50 คน ใช้่เวลาพิจารณา 90 วัน แปรญัตติ 15 วัน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวภายหลังการลงมติของ สนช. ว่าขอขอบคุณสมาชิกที่ผ่านงบประมาณครั้งนี้ จะรับข้อเสนอของ สนช. ไปพิจารณาซึ่งสามารถเพิ่มได้ลดได้ในชั้นของ กมธ. โดยต้องดูว่าที่ผ่านมา 4 ปีแล้ว อะไรดีทำต่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ หลายอย่างออกอาวุธไปแล้วก็ต้องรอดูผล บางอย่างทำแล้วไม่ดีหรือไม่สัมฤทธิ์ผลก็ต้องยกเลิก แต่บางอย่างมันจำเป็นยกเลิกไม่ได้ก็ต้องทำต่อไป แต่จะให้ย้อนไปเปรียบเทียบกับ 8 ปี 10 ปีที่แล้วคงไม่ได้ เพราะโลกมันเปลี่ยนไปมาก ทั้งนี้ การจัดงบประมาณเน้นความเท่าเทียมซึ่งไม่ใช่เกลี่ยให้เท่ากันหรือเท่าเทียมกันทั้ง 70 ล้านคน แต่คือเท่าเทียมทางโอกาส ซึ่งจะเท่าเทียมได้ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบ กฎหมาย งบประมาณเครื่องมือสำคัญขับเคลือส่วนราชการ ซึ่งจะทำให้เกิดความโปร่งใสมีประสิทธิภาพ และจัดงบให้แต่ละภาคมีงบใกล้เคียงกัน
“สิ่งที่ขอมาผมก็อยากให้หมดจะ 8 ล้านล้านบาท หรือ 10 ล้านล้านบาท แต่หาเงินมาใช้หนี้เขาได้หรือไม่ รัฐบาลหน้าจะว่าอย่างไร ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่วันนี้พยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค เพราะทุกอย่างเป็นของประชาชนทั้งสิ้น และหากใครพูดว่าแก้ไขปัญหาได้ก็มาเลย วันหน้ามาสมัครเป็นรัฐบาลให้หน่อย ผมจะเลือกเลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงหนึ่งนายกฯ ได้กล่าวติงการทำงานของสื่อ ว่า สื่อต้องมีจรรยาบรรณ ควรเสนอข่าว 2 ทาง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและอีกฝ่าย ตนขอแค่เรื่องจรรยาบรรณก็อย่าให้มันเกินเลยไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน ตนไม่เคยไปรังแกใคร คนทำผิดกฎหมายแล้วหนีไปต่างประเทศ ก็ออกไปเพราะหนีคดีการเมืองทั้งนั้น แล้วบอกว่าถูกรังแก ทั้งที่ตนไม่เคยรังแกใครทุกอย่างว่าไปตามกฎหมาย ดูแล้วไม่เป็นธรรม ทำให้ประเทศเสียหาย แต่สื่อก็ตีทุกวัน พอไปเจรจาขอตัวกลับมาดำเนินคดี เขาก็ไม่ให้ มันลำบากนะ แต่ก็ต้องดำเนินคดี กฎหมายเขาว่าอย่างนั้น นี่แหละสื่อ คนหนีก็ต้องลี้ภัยไปตลอด