ข่าวปนคน คนปนข่าว
** จะถูก”กำนัน” หลอกรอบ 3 กันอีกรึเปล่า กับพรรคใหม่ถอดด้าม อ้างสืบทอดเจตนารมณ์ปฏิรูป แต่เนื้อแท้ไม่มีอะไรมากไปกว่า ชูจั๊กกะแร้หนุน "ลุงตู่"
ปากคว่ำ น้ำตานอง .. ท่าไม้ตายตามสคริปต์ที่ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่สะอึกสะอื้น บีบน้ำตา อรรถาธิบายเหตุผล-ความจำเป็น ในการร่วมก่อตั้ง “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” .. แล้วยังออกตัวว่า ที่ต้อง “กลืนน้ำลาย” ตามที่เคยประกาศว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก เพราะจำเป็นต้องสานต่อเจตนารมณ์ของ กปปส. .. อ้าปาก ก็เห็นลิ้นไก่ ข้ออ้างสานต่อเจตนารมณ์ กปปส. พูดเป็น “แผ่นเสียงตกร่อง” มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เห็นจะทำอะไร .. โดยเฉพาะ “วาระปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ธงที่ชูมาตลอด ตั้งแต่เป็นผู้นำมวลชน กปปส. ก็ถูก “ขุนทหาร คสช.”ทำเมิน ปฏิรูปไม่คืบหน้าซักด้าน ทั้งๆ ที่มี “อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด” .. แล้วแทนที่ “สุเทพ” จะเดือดร้อนเป็นฟืน เป็นไฟ กลับมุ่งทำหน้าที่ “องครักษ์” พิทักษ์ “รัฐบาลนายพล” อย่างสุดลิ่ม “ดีครับผม เหมาะสมครับนาย” ไปเรื่อย ..
เอาเข้าจริงการสานต่อเจตนารมณ์ใดๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมีหัว มีหาง หรือมีพรรคการเมือง ถ้า 4 ปีที่ผ่านมา คิดที่ต่อสู้อะไรเพื่อส่วนรวมบ้าง .. หากแต่การหวนโดดขึ้นเวทีการเมือง พร้อมเป็นหุ้นส่วนพรรคใหม่ ที่คงมีนโยบายสวยหรู สารพัด แต่เป้าหมายก็แค่เป็น “นั่งร้าน”ให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รีเทิร์นเก้าอี้ผู้นำประเทศอีกหน ก็เท่านั้น .. แล้วการที่โดดเข้าร่วมพรรคการเมือง ลืมคำประกาศสมัยครองผ้าเหลืองเป็น “หลวงลุงกำนัน” ก็ด้วยหวังเกาะเกี่ยว-ต่อรองประโยชน์เท่านั้น .. ถึงขนาดยอม “กลืนน้ำลาย”ทั้งที่รู้ว่าเป็น “จุดด้อย-จุดอ่อน”ตั้งแต่เริ่มแรกของพรรค แต่ก็มีความจำเป็น ด้วยบุคคลที่ร่วมก่อตั้งพรรค ต่างโยงใยมาถึง “กำนันเทือก” ทั้งสิ้น .. หากเล่นบท “อีแอบ” อยู่เบื้องหลัง ก็เกรงว่า จะถูกใช้เล่นงาน ข้อหา “คนนอก” ครอบงำพรรค จนอาจสะดุดถึงขั้นถูก “ยุบพรรค” ได้ .. ยิ่งเมื่อเทียบสิ่งที่ “สุเทพ” เคยพูดไว้สมัยนำม็อบ กปปส. ที่เคยถูกยกเป็น “ฮีโร่กู้ชาติ” กับความเป็นจริง ก็ต้องบอกว่า คนนี้ๆไม่ต่างจาก “โมฆบุรุษ” ผู้ไร้ราคาทางการเมือง .. เอาแค่เรื่องไม่รักษาคำพูด กลืนน้ำลายซ้ำซาก แล้วมากลบความผิดด้วยวาทกรรมสวยหรู “ตระบัดสัตย์เพื่อชาติ” .. แบบนี้อย่ามาอวดตัวว่าเป็น “ขี้ข้าประชาชน” เลย เพราะเป็นได้แค่ “ขี้ข้าอำนาจ”มากกว่า.
**เลือกพูดครึ่งเดียว!! “รสนา”ถลกหนัง “ทวารัฐ” ผอ.สนพ. ยัน “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง”เป็น “กองทุนเถื่อน”ไร้กฎหมายรองรับ ตามที่ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” เคยวินิจฉัย หลักฐานมัดแน่น ปี 2559 สนพ. เพิ่งตื่น ยกร่างกฎหมายใหม่ หวังพลิก “เถื่อน”ให้เป็น “ถูก”ประจานฝ่ายรัฐพูดความจริงครึ่งเดียวอีกแล้วครับท่าน
เถียงกันไม่จบ .. ดราม่าน้ำมันแพง-ก๊าซแพง ที่ “มวยหลัก” อย่าง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ควงคู่ รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. กทม. ยืนซดกับ “ฝ่ายรัฐ” ที่แท็กทีม “นายทุนพลังงาน” มันหยดตึ๋ง .. ล่าสุดฝ่ายหลังส่ง “ดร.โจ๊ะ” ทวารัฐ สูตะบุตร ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ขึ้นสังเวียน .. เพื่อออกมา “แก้ต่าง” ว่า “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง”ไม่ใช่ “กองทุนเถื่อน” มีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย .. โดยอ้างว่า กองทุนฯจัดตั้งขึ้น ตาม “คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2547” ที่อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.แก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2516 .. ก็เลยถูก “รสนา”สอนมวยกลับไปว่า พ.ร.ก.ฉบับที่ว่า ไม่ได้มีบทบัญญัติใดๆ ให้ “นายกรัฐมนตรี”มีอำนาจในการออกคำสั่งเพื่อให้เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ และจ่ายเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ .. อีกทั้ง “ผู้ตรวจการแผ่นดิน”ก็เคยวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2547 ที่จัดตั้ง “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง”นั้น “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” .. ..
พร้อมแฉเบื้องหลังการถ่ายทำด้วยว่า สนพ. ก็รู้ดีถึงสถานะของของกองทุนฯ ที่ว่า .. ซ้ำร้ายการเก็บเงินจากคนใช้น้ำมัน แต่ไม่ส่งเงินเข้าคลัง ก็ไม่มีกฎหมายยกเว้นไว้ ต่างจากกรณี “กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน”ที่ออกมาเป็นพ.ร.บ. .. เมื่อ สนพ.ที่รู้ดีว่า “กองทุนน้ำมันฯ” ที่ไม่มีกฎหมายรับรอง ก็เลยพยายามทำ “เถื่อน”ให้เป็น “ถูก” ..โดยมีหลักฐานยืนยันว่า เมื่อปี 2559 นี่เอง ที่ สนพ. เสนอให้มีการยกร่างกฎหมายมารองรับกองทุนน้ำมันฯ แล้วยังนำ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ ไปเผยแพร่ให้คนทั่วไปแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ ของ สนพ. เมื่อเดือน มี.ค. 59 ถึงขณะนี้อยู่ระหว่างให้ “กฤษฎีกา” ตรวจสอบอยู่ .. กลายเป็นหลักฐานมัดแน่นว่า “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง”ที่ถูกใช้มาตลอดนั้น ไร้สถานะทางกฎหมาย จึงต้องพยายามตรากฎหมายใหม่ ขึ้นมารองรับ .. และในกระแสที่ใครต่อใครก็เสนอให้ยกเลิกการเก็บเงินเข้า “กองทุนน้ำมันฯ”ด้วยมองว่า ทำหน้าที่หมกเม็ดกำไรของ “นายทุนพลังงาน”มากกว่าช่วยเหลือประชาชน .. แต่ “ฝ่ายรัฐ” ก็พยายามปกป้อง โดยพูด “ความจริงแค่ครึ่งเดียว” ทั้งที่รณรงค์ไม่ให้คนอื่นบิดเบือนข้อมูล ขู่ฟ้องกันฮึ่มๆ แต่กลับทำซะเอง
** เบอร์ 1 โชว์เอง!! “บิ๊กแป๊ะ”ใช้ชุด “ทีมงานคุณภาพ”ปิดจ๊อบล่า “สมีจำนงค์” ที่เตลิดสุดชีวิต ด้วยชนักคาหลังร้ายแรงกว่า “คดีเงินทอนวัด”เปิดวาร์ปไปไกลถึงครึ่งโลก ก่อนประสานตำรวจสากล ดักไว้ได้ที่เยอรมนี ผบ.ตร. จับเครื่องไป “เมืองเบียร์”นำตัวกลับไทยด้วยตัวเอง
ไปไม่รอดซะแล้ว .. “สมีจำนงค์” อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด ที่เหลือรอดเป็นรายสุดท้าย หลังหนีหายไปก่อน “ปฏิบัติการฟ้าสาง”ไม่นาน .. แต่ก็ไม่ธรรมดา เมื่อหนีสุดขอบฟ้าไปได้ครึ่งโลก สุดทางที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เลยทีเดียว .. แว่วว่าที่ “ท่านเจ้าคุณ”หนีเตลิดสุดชีวิต เรื่องคดีเงินทอนวัด น่ะจิ๊บๆ ยังมีเรื่องเสื่อมเสียอื่นที่ร้ายแรงกว่า กลัวว่าจะถูกขุดคุ้ย และลงโทษหนัก .. และดูเหมือนทางการจะให้ความสำคัญการไล่ล่า “อดีตพระจำนงค์” เป็น “กรณีพิเศษ” ถึงขนาด “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงมาคุมงานด้วยตัวเอง .. ในขณะที่ “ผู้ร่วมขบวนการ” รายอื่นๆ ถูกประโคมข่าวกดดัน จนต้องทยอยมามอบตัว แต่รายของ “สมีจำนงค์” ถูกยกเป็น “ปฏิบัติการลับสุดยอด” ด้วย “บิ๊กแป๊ะ” กำชับว่า ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด .. ครั้งนี้ “ผบ.แป๊ะ” ก็ยังใช้ “ทีมงานคุณภาพ” ชุดเดิม ที่เคยโชว์ฝีมือ ปิดคดีฆ่ายกครัวที่ จ.กระบี่ ได้อย่างรวดเร็วหมดจด .. หลังสืบทราบว่า “อดีตเจ้าคุณ”ใช้รถยนต์หลบหนีไปทางอีสาน ก็ส่งทีมงานปูพรมเต็มพื้นที่ ก่อนพบรถต้องสงสัยถูกทิ้งไว้ที่ จ.นครพนม .. ก่อนไล่เส้นทางไปได้ถึง สปป.ลาว แต่เกิด “ผิดพลาดทางเทคนิค” เล็กน้อย ระหว่างตำรวจไทย กับตำรวจเจ้าถิ่น จนคลาดตัว “สมีจำนงค์” ไปอย่างน่าเสียดาย ..
พอเคลียร์กันลงตัว ก็ไล่เส้นทางกันใหม่ จนรู้แน่ชัดว่า จุดหมายปลายทางของ “อดีตเจ้าคุณ”อยู่ที่ “สนามบินโฮจิมินท์” ประเทศเวียดนาม เพื่อจับเครื่องไปยัง “แดนเบียร์” ประเทศเยอรมนี .. แม้จะไล่ตะครุบตัวไม่ทัน แต่ก็ได้ใช้คอนเนกชั่นกับตำรวจสากล ประสานไปดักไว้ล่วงหน้า ทำให้ “สมีจำนงค์” ต้องไป “ตกม้าตาย”เกิดขัดข้องในกระบวนตรวจคนเข้าเมือง ที่กักตัวไว้ รอทางการไทยไปรับตัวกลับมา .. ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม “บิ๊กแป๊ะ” ในฐานะหัวหน้าทีม ก็เลยลงทุนเดินทางไกลไป “ปิดจ๊อบ” ด้วยตัวเอง ร่วมกับ “บิ๊กบัว”พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. พร้อมด้วยคณะ อัยการ บินด่วนไปประเทศเยอรมนี เพื่อนำตัว “อดีตพระพรหมเมธี”กลับประเทศไทย.
**เสียไหมล่ะ “ลุงศรี”!! “หลานโอ๊ค” ได้ที ตอก “ศรีวราห์” ทำบื้อไม้รู้ข่าว “อาปู”ได้วีซ่าอังกฤษ 10 ปี เสนอตัวยืนยันให้เอาไหมท่าน ประจานความไม่ได้เรื่อง “รอง ผบ.ตร. ความมั่นคง” ที่ชอบอ้างชื่อ “ตำรวจสากล” มาเคลมเรื่อย ก่อน “รองโฆษก สตช.” ออกมายอมรับ “อินเตอร์โพล” ไม่ออกหมายล่าผู้ร้ายข้ามแดนให้นานแล้ว
หวดกันซึ่งหน้า .. หลัง “โอ๊คอ๊าค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแหวนของ ทักษิณ ชินวัตร ทวีตข้อความ “ผมยืนยันให้เอาไหมครับท่าน ผบ. ? เอ๊ย ท่านรองสิ” แนบลิ้งก์ข่าว พาดพิง “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. .. จากกรณีที่ “รองฯศรี”ไม่ยืนยันเรื่อง “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หนีคดี ได้รับวีซ่าพักอาศัย 10 ปี จากทางการอังกฤษ ตามที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน .. โดย รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง อ้างว่า กองการต่างประเทศ สตช. ยังไม่มีข้อมูล และกำลังทำหนังสือถึงสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเพิ่มเติม .. ก็เลยเป็นเหตุให้ “หลานโอ๊ค” ออกตัวให้ว่า จะยืนยันให้เอง เหมือนเย้ยการทำงานของตำรวจไทย ที่มี่วันไล่ล่า “อาปู” หรือกระทั่ง “พ่อษิณ” ได้อย่างแน่นอน เพราะแค่การข่าวสำคัญแบบนี้ก็ยังไม่รู้ .. แล้วยังเป็นการประจาน “บิ๊กปู” ที่เคยยืนยันมาตลอดว่า ประสานงานใกล้ชิดกับทาง “อินเตอร์โพล” ตำรวจสากลมาอย่างต่อเนื่อง ..
ตอกย้ำ “ความไม่ได้เรื่อง” หนักไปอีก เมื่อ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. ออกมาบอกว่า การทำคำร้องขอส่ง “ผู้ร้ายข้ามแดน” กับต่างประเทศนั้น ต้องชัดเจนเรื่องที่อยู่ใน “ประเทศที่ร้องขอ” .. ซึ่งจริงๆ ประเด็นที่พำนักในต่างแดนไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่ ก็ด้วยรับรู้กันแต่แรกที่ “อดีตนายกฯปู”ที่แม้เลือกเดินตามรอยพี่ชาย แต่ก็เลือกที่จะไปปักหลักที่มหานครลอนดอน มาตั้งแต่ต้น .. สโคปที่ซุกหัวนอน หนีไม่พ้น คฤหาสน์หรูของตระกูลชินวัตร ในโครงการ "เซนต์ จอร์จ ฮิลล์" ตอนใต้ของกรุงลอนดอน หรือแมนชั่น ในเขตไนท์สบริดจ์ ย่านไฮโซ บน ถ.ปาร์ค เลน ตรงข้ามสวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค กลางกรุงลอนดอน .. ถามว่าเรื่องแค่นี้ ตำรวจไทยไม่ใช่ไม่รู้ แต่เลือกที่จะไม่รับรู้มากกว่า ก็ด้วยปัญหาที่แท้จริงเกิดจาก “ตำรวจสากล” ปฏิเสธการออก “หมายน้ำเงิน” ในกรณี “ยิ่งลักษณ์” ด้วยเหตุผลว่าเป็น “เรื่องทางการเมือง”ต่างหาก .. เพราะหากบอกออกมาอย่างนี้ ก็จะโดนถล่มอีกว่า แล้วทางการไทยไม่คิดจะต่อสู้ว่า ที่ทำให้ “อดีตนายกฯปู” หนีเป็น “คดีทุจริต”ต่างหาก.
**พิรุธข้าวเน่า (อีกแล้ว) !! ลดความเข้มตรวจ “รถบรรทุก”ขน “ข้าวเสื่อมสต๊อกรัฐ” เลิกให้ “ทหาร”นั่งประกบ กลายเป็น “ช่องโหว่” วิ่งออกนอกเส้นทาง ห่วงเจอเวียนเทียนวนมาขายเป็น “ข้าวคนกิน”
ชักจะยังไงๆซะแล้ว .. ไม่กี่สัปดาห์ก่อน “บิ๊กเปี๊ยก” พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานบอร์ด อคส. เพิ่งสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่โกดังของ “บริษัท วี.ซี.เอฟ.กรุ๊ป-บริษัท เอสพีเอ็ม อาหารสัตว์” ผู้ชนะประมูลข้าวสตอกรัฐ ในพื้นที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี .. พร้อมสั่ง “อายัดข้าว” เพื่อตรวจนับ หลังมีรายงานตัวเลขว่า “ข้าวในสต๊อก” ไม่สัมพันธ์กับจำนวนที่ผลิตออกมาเป็น “อาหารสัตว์” เพราะห่วงกันว่า จะมีการเวียนเทียนไปขายเป็น “ข้าวคนกิน” .. แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า 1 ใน 2 บริษัทที่ถูกเพ่งเล็งอยู่นั้น ก็ทำการเบิก “ ข้าวสต๊อกรัฐ” ออกจาก “โรงสีข้าว” ใน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ มายังโรงงานที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็น “จำนวนมาก” .. ไม่เท่านั้น ยังปรากฏ “พิรุธ”ว่า รถบรรทุกข้าวหลายคัน วิ่งวกไป วนมา ออกนอกเส้นทาง ไม่ตรงที่ได้แจ้ง อคส.ไว้ จนไม่รู้ว่าไปไหนแน่ .. จนอดแปลกใจไม่ได้ว่า เกิด “ช่องโหว่” การตรวจสอบขนย้ายข้าวขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่ช่วงแรกเข้มงวดระดับสุด เคยให้ “ทหาร” นั่งประกบแต่ละคันไปด้วยซ้ำ .. แต่ระยะหลังปรับรูปแบบเป็น “ซุ่มตรวจ” และตัด “เนวิเกเตอร์กิตติมศักดิ์”ออกไปจากวงจรเฉยๆ .. เบื้องลึก-เบื้องหลังเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไปใน “ผู้จัดการรายวัน 360” ฉบับวันพรุ่งนี้ ที่ จะมาตีแผ่ แฉให้รู้เช่นเห็นชาติ กันอีกครั้ง .
ช.ชฎา