ข่าวปนคน คนปนข่าว
** อย่าแค่เก็บเข้าลิ้นชัก!! “สำนักนายกฯ”โยนข้อเสนอ “ภาคประชาชน”กรณี “แบล็กลิสต์” บ.อิตาเลียนไทยฯ ของ “เสี่ยเปรมชัย”มือสังหารเสือดำ ให้ “กระทรวงคมนาคม”คู่สัญญาหลักพิจารณา “บิ๊กรัฐบาล”น่าเรียกเอกสารมาขึ้นโต๊ะ ลองรับลูกภาคประชาชน อาจจะ “ตัวช่วย”กระชากเรตติ้งในยามคะแนนนิยมตกต่ำอย่างหนัก
ถือเป็นข่าวดีเล็กๆ .. เมื่อมีรายงานจากเพจ “T’Challa พิทักษ์ เสือดำ-เฉพาะกิจ” ว่าได้รับหนังสือจาก“สำนักนายกรัฐมนตรี” แจ้งความคืบหน้าที่ “ภาคประชาชน”ได้ไปยื่นหนังสือถึง “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา .. เพื่อกดดันให้ “รัฐบาล คสช.” พิจารณาทบทวนยกเลิกสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง พ่วงการขึ้น “แบล็กลิสต์” บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) .. จากกรณีที่ “พรานเจ้าสัว” เปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลียนไทย ตกเป็นจำเลย คดีล่าสัตว์ป่าสงวน ในเขตอุทยานทุ่งใหญ่นเรศวรฯ .. ด้วยพฤติการณ์ดังกล่าวขัดต่อหลักธรรมาภิบาล และไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งยังผิดต่อ “บรรษัทภิบาล”ที่ระบุไว้ในรายงานประจำปีของ “อิตาเลียนไทย” ความว่า “ผู้บริหารต่อสังคมส่วนรวม ในการที่จะไม่กระทำการใดๆ ที่จะมีผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม” อย่างชัดเจน .. ซึ่งภาคประชาชนเสนอให้ “แบล็กลิสต์” จนกว่าศาลจะพิจารณาคดีถึงที่สุดว่ามิได้กระทำความผิด หรือได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวประธานบริษัทเพื่อแสดงความรับผิดชอบ .. โดย “สำนักนายกฯ” ได้ส่งข้อเสนอของภาคประชาชนต่อไปยัง “กระทรวงคมนาคม”เพื่อให้พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้แจ้งมาให้ผู้ยื่นเรื่องทราบความคืบหน้า .. เข้าใจดีว่า การส่งเรื่องต่อให้กระทรวงคมนาคม เป็นแค่ “ขั้นตอนทางราชการ” ที่ส่งเรื่องต่อให้ “หน่วยงานปลายทาง” เพื่อตัดแต้มเป็น “เรื่องที่ดำเนินการแล้ว” นัยว่า “ไม่ดองเรื่อง” ไว้กับหน่วยงานตัวเองเท่านั้น ..
แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง “มาตรการทางสังคม” ที่พยายามกดดันให้ “เสี่ยเปรมชัย” ได้รับผลกรรมจากการกระทำอันสุดโหดเหี้ยมของตัวเองโดยเร็ว ด้วยว่ากระบวนการยุติธรรมจะสิ้นสุดเมื่อใดก็ไม่ทราบ .. โดยเล็งเห็นผลไปที่ “กล่องดวงใจ” ที่ “อิตาเลียนไทย” เป็นยักษ์ใหญ่ที่ถือตั๋วงานก่อสร้างจากภาครัฐนับแสนล้าน และยังเป็น “บริษัทจดทะเบียน”ที่มีผู้ถือหุ้นมากมาย .. อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า การฆาตกรรม “เสือดำ” กลางป่าลึก เป็นวีรกรรมที่นอกจากกระทบกระเทือนความรู้สึกของคนไทย ยังสร้างกระแสให้นักอนุรักษ์ทั่วโลก ตื่นตัวอีกด้วย .. ที่ผ่านมาก็มีมาตรการกดดัน “เชิงสัญลักษณ์” ทั้งใน และต่างประเทศ แต่ก็ดูเหมือนทั้ง “พรานเจ้าสัว” และผู้บริหารอิตาเลียนไทย ไม่รู้สึกรู้สา .. อีกทั้งยังได้รับการหนุนหลังจาก “บิ๊กรัฐบาล” ที่พยายามมองว่าเป็น “เรื่องส่วนตัว” ไม่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ “อิตาเลียนไทย” .. เชื่อแน่ว่า ณ เวลานี้ “บิ๊กรัฐบาล” ก็คงยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดดังกล่าว ด้วยกระแสกดดันสร่างซาไปพอสมควรแล้ว .. แต่ก็น่าคิดเหมือนกันว่า ในขณะที่คะแนนนิยมของ “รัฐบาลทหาร” อยู่ในช่วงตกต่ำอย่างหนัก ประเด็นที่ซื้อใจประชาชนได้อย่างการแสดงจุดยืนเรื่องธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ก็น่าสนใจ .. เหมือนกรณีที่ตีธงถอย จากดราม่า “หมู่บ้านป่าแหว่ง” ที่อาจจะยังได้โกยคะแนนได้ไม่มาก ด้วยบทสรุปยังไม่สะเด็ดน้ำ และยังมี “ความหวาดระแวง” อยู่ไม่น้อย .. กรณีพิจารณา “แบล็กลิสต์” บ.อิตาเลียนไทย ก็น่าจะลองหยิบขึ้นมาพิจารณาบนโต๊ะ “บิ๊กรัฐบาล” เผื่อจะเป็น “ตัวช่วย” กระชากเรตติ้งให้ “ขุนทหาร” ในยามที่บ่ายหน้าเข้าสู่สังเวียนเลือกตั้งแน่นอนแล้ว .. กลัวก็แต่จะถูกเก็บเข้าลิ้นชัก ทำลืมๆ ไปเท่านั้น.
**เก่งแต่ในมุ้ง!! “ศรีวราห์”ไล่ฟาด “ม็อบฟันน้ำนม”มันมือ แต่พอถามเรื่องล่า “ยิ่งลักษณ์”มารับโทษ กลับแบะๆ เหลือเชื่อป่านนี้ยังไม่รู้ “หนูปู”ใช้พาสปอร์ตอะไร ทัวร์รอบโลก ทั้งที่คุยฟุ้งประสาน “อินเตอร์โพล” ใกล้ชิด ออกตัวอังกฤษให้วีซ่าตามข่าว ยิ่งตามตัวยาก แต่ที่ผ่านมามันประจานว่า ไม่เคยคิดจะไล่ล่า “ผู้ร้ายข้ามแดน” ต่างหาก
ไม่รู้ทำอะไรกันอยู่ .. เวลามีเรื่องสำคัญๆ ผู้เกี่ยวข้องในภาครัฐ มักพูดหน้าชื่นตาบานว่า “ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์เหมือนกัน” .. อย่างกรณี ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกฯ ผู้หลบหนีคดี ไปชักภาพกันที่หน้าอนุสาวรีย์อับราฮัม ลินคอห์น ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ .. พอไปถามกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้รับคำตอบว่า ทราบข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า โดยทางกระทรวงฯ ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม .. เช่นเดียวกับกรณีที่ “หนูปู” รับพาสปอร์ตจากประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป พร้อมวีซ่าเข้าพำนักในอังกฤษเป็นระยะเวลา 10 ปี .. ก็ได้รับคำตอบในทำนองเดียวกันจาก กระทรวงการต่างประเทศ แต่ก็มีหน้ามาอ้างว่า ทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิด ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ-สำนักงานอัยการสูงสุด ในการติดตามตัว “ยิ่งลักษณ์”มารับโทษ แต่ก็ดูเหมือนไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรเลย .. ไม่ต่างจาก “ฝ่ายความมั่นคง”ที่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็ไล่ส่งให้ไปสอบถามเอากับ “กระทรวงบัวแก้ว”เอาเอง ..
ที่ดูจะบ้อท่าขึ้นมาทันทีก็รายของ “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ด้านความมั่นคง ที่ฟาดฟันกับม็อบในประเทศแบบไม่ไว้หน้าใคร ประเคนคดีให้ไม่ยั้ง .. ที่ผ่านมาก็คุยฟุ้งว่าประสานงานกับ “อินเตอร์โพล-ตำรวจสากล”ในการติดตามตัว “ยิ่งลักษณ์” อยู่ตลอด .. แต่กลับบอกว่า ยังไม่มีการยืนยันจากหน่วยงานใดว่า “ยิ่งลักษณ์” ได้วีซ่าอยู่ยาวในประเทศอังกฤษ ตามข่าว .. แล้วก็ยัง “พลิกวิกฤตเป็นโอกส” ขึ้นมาอีกว่า ถ้า “อดีตนายกฯปู” ได้วีซ่าจากรัฐบาลอังกฤษจริง ก็จะทำให้การติดตามจับกุมมาดำเนินคดียากขึ้น เพราะปัจจุบันก็ติดตามตัวยากอยู่แล้ว .. ไม่เท่านั้นยังระบุว่า กำลังตรวจสอบอยู่ว่า ตอนนี้ “คุณหนูปู”ใช้พาสปอร์ตของประเทศอะไร .. จนน่าแปลกใจว่า ที่ผ่านมา “พี่ษิณ -น้องปู” ตะลอนๆไปแทบจะครบทุกทวีปอยู่แล้ว ป่านนี้ “ทางการไทย”ยังไม่รู้ข้อมูลอีกหรือว่า ใช้พาสปอร์ตที่ไหนถึงไปได้ทั่ว ทั้งจีน ญี่ปุ่น กระทั่งเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่าง “สิงคโปร์” ไม่คิดจะไปไถ่ถามหน่อยหรือว่า อดีตผู้นำหนีคดีของไทย ถือวีซ่าที่ไหนมาให้ ตม.ปั๊ม .. ประเด็นของเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ “ยิ่งลักษณ์” ใช้พาสปอร์ตที่ไหน หรือได้วีซ่ากี่สิบปี แต่มันประจานให้เห็นภาพว่า “หน่วยความมั่นคง” ไม่เคยคิดที่จะไล่ล่าจับ “ผู้ร้ายข้ามแดน”ตามที่คุยฟุ้งว่า ได้ประสานไปทั่วโลกแต่อย่างใดเลย
** "ครม.ลุงตู่ 6" is coming!! กกต.ลงดาบเชือด “ทูตดอน”ถือครองหุ้นต้องห้าม ปล่อยผี 8 รมต.เก่า-ใหม่รอด แต่ทำ “รมต.โลกลืม-ไร้ผลงาน” ใจตุ่มๆ ต่อมๆ จังหวะครบครึ่งปี “ครม.ประยุทธ์ 5”พอดี อาจถือโอกาสรื้อใหญ่ รัฐนาวา ปรับโหมดเข้าเลือกตั้งเต็มสูบ
สะเทือนทั้ง ครม. .. เมื่อมีข่าวว่า กกต. มีมติเชือด "ดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.ต่างประเทศ ว่า อาจขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี จากกรณีที่มี “ลักษณะต้องห้าม”การถือครองหุ้นตามรัฐธรรมนูญกำหนด .. เป็น “ทูตดอน”ที่ถูกเชือดคนเดียว จากทั้งหมด 9 รัฐมนตรี ที่ถูกยื่นเรื่องร้องเรียนการถือครองหุ้นสัปทานของรัฐ ซึ่งบางรายถูกปรับออกจาก ครม.ไปแล้ว ตั้งแต่รอบก่อน .. แม้ว่า “ทูตดอน” ยังมีลุ้นใน “ยกสุดท้าย”ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ทางการเมือง เรียกว่า “อาการหนัก”.. นอกจาก รมว.ต่างประเทศแล้ว ก็ยังมีรัฐมนตรีปัจจุบันอีก 3 ราย ที่รอขึ้นเขียง แต่อาจจะต้องรอไปอีกสักระยะ เพราะกรณี 9 รัฐมนตรี กกต.ใช้เวลาพิจารณาถึงปีเศษ กว่าจะรู้เรื่อง .. แล้วถ้า “ทูตดอน” เกิด “ไม่รอดสันดอน” ขึ้นมาจริงๆ น่ากลัวจะเป็นการเขย่าเก้าอี้ “ครม.ลุงตู่” กันใหม่อีกรอบ .. ก็ถึงวันนี้ “ครม.ประยุทธ์ 5” เข้าทำงานมาแล้วร่วมครึ่งปี เป็นเวลาพอเหมาะสำหรับการขยับขยายเก้าอี้กันอีกครั้ง .. ด้วยผลงานที่ผ่านมา ในโอกาสผ่านพ้นปีที่ 4 เข้าสู่ปีที่ 5 ของรัฐบาล คสช. ถูกประเมินว่า “สอบตก” กราวรูด .. ยิ่งหากประเมินเป็นรายตัวก็ละเหี่ยใจ บางคนก็งานดีอย่างเหลือเชื่อ บางคนก็ไม่มีทีท่าจะอัพเกรดผลงานให้กระเตื้องขึ้นบ้างเลย .. ที่สำคัญหากวิเคราะห์กันจริง ต้องบอกว่า “คนที่เข้ามาใหม่” ผลงานทิ้ง “คนเก่าๆ” พวกที่เกาะเก้าอี้เสนาบดี ตั้งแต่ คสช.เข้ามามีอำนาจแต่แรก อย่างไม่เห็นฝุ่น .. ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าเกิดจำเป็นต้องปรับ ครม.ขึ้นมาจริง ก็เขย่ากันหนักๆ อีกซักรอบ ทิ้งทวนก่อนเข้าโหมดเลือกตั้ง เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น .. ชะตากรรมของ “ทูตดอน”ก็คงทำเอาพวก รมต.โลกลืม-ไร้ผลงาน ตุ่มๆต่อมๆ กันอีกรอบ.
ช.ชฎา