ข่าวปนคน คนปนข่าว
** จุดใต้ตำตอ!! “ธีระชัย”ขยี้ปมน้ำมันแพง เหตุอิง “ราคาสิงคโปร์” สร้าง “ค่าใช้จ่ายเทียม” โกยกำไรเข้ากระเป๋า “โรงกลั่นน้ำมัน” เป็น “ช่องโหว่” ที่ไม่เคยถูกแตะในยุค คสช. ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันมาแล้ว เหมือนมีใครเกรงใจ “นายทุน” ทั้งที่ “นายกฯตู่” และ “ศิริ” ก็เคยเป็นบอร์ด บ.โรงกลั่นมาก่อน น่าจะรู้ “ช่องโหว่” ตรงนี้ดีที่สุด
พูดไปก็เท่านั้น .. ข้อเสนอการปรับปรุง “โครงสร้างราคาน้ำมัน - กติกาธุรกิจน้ำมัน” ที่ออกมาจากหลายภาคส่วนในช่วงนี้ แต่พูดปากแฉะแค่ไหน “บิ๊กรัฐบาล” ก็ทำท่าจะ “หูทวนลม” .. ที่น่าเป็นห่วง ก็กลัวว่า ไม่เพียงไม่นำพาแล้ว ยังไปหลงระเริงกับ “ความสำเร็จ” ที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง .. หรืออาจภาวนาว่า “ขาลง” งวดนี้จะเหมือนสมัยยึดอำนาจมาใหม่ๆ ที่ลงไปถึง $20 ต่อบาร์เรล .. บอกเลยว่าคิดผิด เพราะคำทำนายจากบริษัทน้ำมันระดับโลก ระบุว่า อีกไม่นานราคาน้ำมันตลาดโลก ทะลุ $100 ต่อบาร์เรลแน่นอน .. ถึงเวลานั้นก็กลายหนีไม่พ้น “วิกฤต” ราคาน้ำมัน-ก๊าซหุงต้ม เพิ่มสูงขึ้น ค่าขนส่ง-ราคาสินค้า ก็ต้องขึ้นตาม .. คำทำนายบอกด้วยว่า ไม่เกินปลายปี คาบเกี่ยวต้นปี แตะ $100 เป็นช่วงที่ว่ากันว่า จะมีการเลือกตั้งอีกด้วย แล้ว คสช. สภาพจะเป็นเช่นไร .. ขยี้ต่อเนื่อง กับข้อเสนอของ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ที่ชี้ว่า ขณะนี้ “ธุรกิจในห่วงโซ่น้ำมัน” มีกำไรมหาศาล ในขณะที่ “ประชาชน” ต้องแบกรับภาระ .. พูดให้ชัดลงไปอีก ที่กำไรกันหนักๆ เป็น “ห่วงโซ่ขายส่ง ขายปลีกน้ำมัน - ห่วงโซ่โรงกลั่นน้ำมัน” .. อย่างแรก การขายส่งขายปลีก กำรี้กำไรมาจาก “ค่าการตลาด” ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร ทั้ง “เจ้าใหญ่ - เจ้าเล็ก” กำหนดเท่าๆ กัน ราคาน้ำมันก็เลยไม่ต่างกัน แข่งขันกันด้วยบริหาร-โปรโมชั่นไปตามเรื่อง ..
ขณะที่ “ห่วงโซ่โรงกลั่นน้ำมัน” นั้นต้องบอกว่าแปลกประหลาด ก็มีอย่างที่ไหน "โรงกลั่น" ตั้งอยู่ในไทย แต่เวลาขายอิง "ราคาสิงคโปร์" .. เข้าใจว่าเป็นกติกาเดิม สมัยเมืองไทยยังไม่มีโรงกลั่น จึงวาง “ค่าใช้จ่ายเทียม” เพียงเป็น “เงินกินเปล่า” จูงใจให้มีการลงทุนก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันในไทย .. มาวันนี้ โรงกลั่นในไทยมีศักยภาพ-กำลังผลิตเพียงพอแล้ว ส่วนใหญ่ก็มี "บริษัทที่บอกว่าเป็นของคนไทย" ถือหุ้นใหญ่ ไม่จำเป็นต้องไปจูงใจอะไรใครที่ไหน แล้วทำไมยังยึด “กติกาเดิม” ที่ให้ “นายทุน” รับกำไรเกินกว่าปกติ ไม่เป็นธรรมกับลูกค้า-ผู้บริโภค .. กล่าวคือ การอ้างอิงราคาสิงคโปร์นั้น ทำให้เกิด “ค่าใช้จ่ายเทียม" ตั้งแต่ "ค่าขนส่ง-ค่าประกันภัย-ค่าใช้จ่ายนำเข้า" หรือกลั่นกันที่ "ศรีราชา-ระยอง" แต่ตีราคาประหนึ่งอิมพอร์ตมาจาก "สิงคโปร์" .. “ค่าใช้จ่ายเทียม -ค่าใช้จ่ายสมมติ” ไม่มีโรงโรงกลั่นใดที่ควักกระเป๋าจ่ายจริงๆ แต่พอบวกเป็น “ค่าเนื้อน้ำมัน” รับเข้ากระเป๋ากันจริงๆ .. น่าแปลกใจว่า ในยุค คสช.ก็มีการปรับปรุง-ปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงานมาแล้วหนหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะแตะต้องกติกานี้ หรือหยิบยกขึ้นมาพิจารณา คล้ายกับว่าเกรงใจ “ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน” .. อีกทั้งก็เชื่อเหลือเกินว่า ระดับ ศิริ จิระพงษ์พันธุ์ รมว.พลังงาน ผู้ผ่านตำแหน่งด้านเชื้อเพลิงพลังงานมานักต่อนักจะไม่เห็น “ช่องโหว่” ตรงนี้ .. หนักกว่านั้น อดีต “รมต.ศิริ” ก็แค่เป็น กรรมการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ที่มีธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันอยู่นานสองนาน คงรู้เส้นสนกลไกเป็นอย่างดีอยู่แล้ว .. หรือหาก “ท่านศิริ” แสร้งเป็นไม่รู้ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการกำกับดูแล (อิสระ) “ไทยออยล์” มาก่อน ก็น่าจะรู้ไม่มากก็น้อย.
**วิถีมาเฟียดงขมิ้น!! แฉ “ทิดเอื้อน” อดีตเจ้าคณะ กทม. ตั้งโต๊ะรับวิ่งเต้นเลื่อนสมณศักดิ์ ไม่ต่างซื้อขายตำแหน่งทางโลก สุดแนบเนียน “ฟอกเงินค่าตั๋ว” ผ่านร้านสังฆภัณฑ์ของ “สีกาคนสนิท” พร้อมพบพฤติกรรมเข้าข่าย “เจ้าพ่อเงินกู้” รับจำนองที่ดินทั่วงราชอาณาจักร
ศรัทธาไม่ลด .. “วันพระใหญ่-วิสาขบูชา” บรรยากาศวัดวาอารามทั่วไทย ก็ยังคึกคัก นับถือศาสนาพุทธยังแห่แหนไปทำบุญไม่ขาดสาย เสริมความสิริมงคลให้กับตัวเอง-คนรอบข้าง .. ท่ามกลางกระแสข่าวที่ไม่เป็นมงคลกับพุทธศาสนาในไทย ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และกำลังพีกสุด กับชะตากรรมของ 5 พระสังฆาธิการ ที่ถูกจับสึกจากความเป็นพระในคดี “เงินทอนวัด” พ่วงด้วยข้อหาฟอกเงิน .. ตลอดจน “2 เจ้าคุณชั้นพรหม” ที่เคราะห์ดีกว่าเพื่อร่วมขบวนการ มีสมณศักดิ์ติดตัวอยู่ ด้วยยังรวบตัวมาสึกไม่ได้ .. ทั้ง “เจ้าคุณธงชัย”พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ “เจ้าคุณจำนงค์” พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม .. ที่ข่าวว่า “เจ้าคุณผู้ยิ่งใหญ่”หนีตัวซุก ตัวซุน ถึงขนาดปลอมตัว-แปลงโฉมเป็น "ฆราวาส" กันเลยทีเดียว .. ข่าวคราวที่เกิดขึ้น เป็นประเด็นที่กระทบศรัทธาของชาวพุทธ-ความเป็นไปของศาสนจักรในไทยเป็นอย่างยิ่ง .. ไม่เพียงแต่คดีความเป็นหางว่าว ผิดธรรมวินัยแทบจะยกเล่ม หลายรายยังมีพฤติกรรม “เชิงชู้สาว” มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “สีกา” แทบทั้งสิ้น ..
ไม่เท่านั้นยังมุ่งแต่ “กิจของมาเฟีย” มากกว่า “กิจของสงฆ์” ด้วยมีการเปิดเผยว่ารายของ “ทิดเอื้อน” อดีตพระพรหมดิลก แห่งวัดสามพระยาฯ ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นเจ้าคณะ กทม. และกรรมการ มส. .. มีความเกี่ยวพันกับการ “วิ่งเต้นขอเลื่อนสมณศักดิ์” ในแต่ละปี จากหลักฐานที่ถูกพบในกุฏิ ก่อนเชื่อมโยงว่า หากพระวัดไหน ต้องการเลื่อนสมณศักดิ์ ต้อง “จ่ายค่าตั๋ว” ผ่านการสั่งซื้อสินต้าจากร้านสังฆภัณฑ์แห่งหนึ่งตามจำนวนที่ตกลงกัน หรือ “ฟอกเงิน”กันเสร็จสรรพ .. โดย “สีการายหนึ่ง” เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ มีความสนิทสนมกับ “ทิดเจ้าคุณเอื้อน” เป็นพิเศษ เข้านอกออกในกุฏิได้ตลอด .. มาโป๊ะแตกก็จากการเช็กเส้นทางการเงิน ของ “สีกา” ที่มีการยักย้ายถ่ายเงินกับวัดสามพระยา และวัดภายใต้การปกครองของ “อดีตเจ้าคณะ กทม.” มานานนับ 10 ปี .. นอกจากตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่ง ไม่ต่างจากทางโลกแล้ว ก็ยังมีบางรายตั้งตัวเป็น “เจ้าพ่อเงินกู้” อีกต่างหาก .. จากการตรวจพบโฉนดที่ดินของฆราวาสจำนวนมาก ในกุฏิของ อดีตพระอรรถกิจโสภณ อดีตเลขานุการเจ้าคณะ กทม. ที่ถูกจับพร้อมลูกพี่ ที่เชื่อได้ว่าเนการรับจำนองโฉนดที่ดินหรือออกเงินกู้อีกด้วย .. น่าจะเพียงพอต่อเหตุผลในการล้างบาง “พระนอกรีต” พร้อมสังคายนาศาสนจักรให้เข้าที่เข้าทาง หลังจากที่เละเทะมานาน.
**ไม่ไว้หน้ากันเลย!! “อังกฤษ” ให้วีซ่า “หนูปู” อยู่ยาวๆ 10 ปี สะท้อน “รัฐบาลต่างชาติ”ไม่เคยให้เกียรติ “รัฐบาล คสช.” ซ้ำรอย “สิงคโปร์” เพื่อนบ้านที่ปล่อยให้ “ทักษิณ”ใช้เป็นฐานเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยที่รัฐบาลไทยได้แต่แบะๆ ไม่คิดจะประท้วง ปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง
ชีวิตดี๊ดี .. อย่าได้แปลกใจที่ระยะหลัง เห็น “หนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลบหนีอาญาแผ่นดิน ควงพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร โฉบไปมาทั่วโลก .. ก็หลังจากหลบหนีออกจาก “ทางธรรมชาติ” ไปซุกอยู่ที่มหานครลอนดอน ก็ง่วนอยู่กับการขอพาสปอร์ตจากประเทศสมาชิก อียู พอผ่านปุ๊บ ก็เลยออนทัวร์ไปทั่วพร้อม “พี่ษิณ” ทั้งดูไบ สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น ไปเช็กอินกันเป็นว่าเล่น .. ล่าสุดแวะปักหมุดที่ “แดนลอดช่อง” สิงคโปร์ ให้ลิ่ล้อแห่ไปร่วมโซ้ยโต๊ะจีนกันครื้นเครง ก่อนวางโปรแกรมอยู่แถบยุโรปถึงช่วงสิ้นปี .. นอกจากพาสปอร์ตแล้ว ก็ดีอีกเด้ง ตามข่าวที่ว่า รัฐบาลอังกฤษ ให้วีซ่าพักอาศัยยาวๆ เป็น 10 ปี เข้าออกอังกฤษได้ตลอด แค่อยู่ได้ครั้งละไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น .. ก็ต้องถามว่าข่าวคราวของ “ผู้ต้องหาหนีคดีคนสำคัญ” อย่างนี้ “รัฐบาล คสช.” ไม่เคยรับรู้หรืออย่างไร .. เพราะท่าทีของ “รัฐบาลต่างประเทศ” ต่อผู้ต้องหา ย่อมสะท้อนมุมมองที่มีต่อ “รัฐบาล คสช.” .. เพราะในขณะที่รัฐบาลไทยร้องแรกแหกกระเฌอ ถอดพาสปอร์ต ขอขึ้นลิสต์ผู้ต้องหาอินเตอร์โพล แต่หลายประเทศก็ยังเวลคัม ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ..
จริงอยู่หลายชาติอาจมองว่า “ทักษิณ -ยิ่งลักษณ์” ถูกรัฐประหาร และถูกเล่นงานด้วย “คดีทางการเมือง” หากแต่ที่ผ่านมา “รัฐบาล คสช.”ไม่คิดจะอธิบายให้เห็นหรือว่า “2 พี่น้องชินวัตร” เป็น “ผู้ต้องหาในคดีทุจริต”.. แต่ละประเทศที่ให้การยอมรับ “ทักษิณ -ยิ่งลักษณ์” ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่ “บิ๊ก คสช.”คุยฟุ้งว่ามีความสัมพันธ์อันดีทั้งสิ้น .. โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ที่ 4 ปีที่ผ่านมา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ความมั่นคง ได้รับการเชื้อเชิญไปเยือนอย่างเป็นทางการไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้ง .. ที่สำคัญที่มี 2 ครั้งหลัง ที่ “รองฯป้อม” เดินทางไปเยือน ภายหลังจากที่ “อดีตนายกฯปู” หนีไปลั๊ลลา พำนักในมหานครลอนดอน ที่ไม่ห่างจากโรงแรมที่ “บิ๊กป้อม”พักเท่าไรด้วย .. ที่น่าเจ็บใจกว่าก็คงเป็นกรณี “ประเทศสิงคโปร์”เพื่อนบ้านในอาเซียนแท้ๆ ที่เคยมีข่าวว่า เป็นประเทศที่ “หนูปู” หนีออกมาใช้บริการเพื่อเดินทางไปยังประเทศที่ 3 .. ที่ไม่เพียงแต่ให้เดินทางเข้าออกโดยสะดวกโยธินเท่านั้น ยังปล่อยให้เคลื่อนไหวทางการเมืองแบบฟรีสไตล์ โดยที่ “รัฐบาลไทย” ก็ไม่เคยคิดที่จะประท้วงตามพิธีการทางการทูตแต่อย่างใด .. ดูอย่างประเทศกัมพูชา หรือ อย่างนครดูไบ แม้ว่าจะมีสัมพันธ์อันดีดับ “ทักษิณ” แต่ระยะหลังก็ชัดเจนว่า ให้ที่อาศัยหรือเดินทางเข้า ออกได้ แต่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองเด็ดขาด .. ระยะหลัง “ทักษิณ” ก็เลยเปลี่ยนฐาน มาใช้สิงคโปร์แทน อีเวนต์ ล่าสุดที่ลิ่วล้อแห่ไปพบหลายสิบชีวิต “รัฐบาลทหาร” ก็ได้แต่แบะๆ .. ต้องรอดูว่า เมื่อข่าววีซ่าอังกฤษถูกประจาน เย้ย “รัฐบาล คสช.”ขนาดนี้ จะประท้วงเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองบ้างไหม
ช.ชฎา