“วิษณุ” เผยเป็น 1 ใน 8 รมต.ที่ถูกสอบสวนเรื่องถือครองหุ้น แต่ กกต.แจ้งให้ทราบนานแล้วว่าไม่ผิด ส่วนเรื่องของ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ต้องถามเจ้าตัวและกกต.เอง รวมทั้งเรื่องปรับ ครม.ต้องรอความชัดเจนพร้อมกันทีเดียวก่อน
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีกระแสข่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเสียงข้างมากเห็นว่าการถือครองหุ้นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 ประกอบมาตรา 187 ที่ห้ามไม่ให้รัฐมนตรีถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่า รมต.8 คนที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญทาง กกต.ได้แจ้งมานานแล้ว เพราะ กกต.ได้พิจารณามาก่อนหน้านี้แล้ว ตนเองได้รับแจ้งมาแล้วว่าไม่ขัดและตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการถือครองหุ้นเพราะไม่มีสักหุ้น แต่เป็นเรื่องอื่นที่เขาหาว่าตนดำรงตำแหน่งอื่น ความจริงในรัฐธรรมนูญมีบทเฉพาะกาลยกเว้นไว้ อย่างเช่นข้าราชการเป็นรัฐมนตรีก็ได้ เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ได้ ซึ่งปกติเป็นไม่ได้ สำหรับตนเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยอยู่และเป็นมาก่อน เขาก็ยกเว้นให้เป็นได้ ตนก็เลยไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สิน ส่วนกรณีของนายดอน เป็น 1 ใน 9 คน ตนเข้าใจว่าทาง กกต.คงจะแจ้งให้ท่านทราบแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ควรจะมีการปรับ ครม. หรือนายดอนควรจะแสดงสปิริตลาออกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า รอสักพักก่อน เร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้ รอให้เกิดความชัดเจนก่อน ถ้าพูดไปแล้ว กกต.บอกยังไม่มีมติ หรือยังมีคนอื่นอีกก็จะยุ่งกันใหญ่ ต้องรอม้วนเดียวจบ ส่วนเรื่องจำนวนเสียงที่บอกว่าเท่ากัน 2 ต่อ 2 โดยประธาน กกต.เป็นผู้ตัดสินนั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปถาม กกต.เอง อย่ามาถามรัฐบาล
เมื่อถามว่ากรณีนี้เป็นเหตุจากภรรยานายดอนที่ถือหุ้นเกิน 5% ไม่ใช่ตัวนายดอนเอง นายวิษณุกล่าวว่า นายดอนได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สินต่อคณกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว แต่ปัญหาคือหากมีการถือหุ้นเกิน 5% ก็จะต้องทำหนังสือโอนหุ้นให้คนอื่นดูแลและแจ้งให้ประธาน กกต.ทราบ กรณีนี้ไม่ใช่เป็นการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรต้องถาม กกต. หรือนายดอนเอง อย่างไรก็ตาม หากนายกรัฐมนตรีสอบถามเพื่อให้หาทางออกทางด้านกกฎหมาย ตนก็จะแนะนำเหมือนที่พูดกับสื่อแบบนี้