กรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ตำรวจฯ เริ่มถกปฏิรูปโรงพักขนานใหญ่ เผย สภาพปัจจุบันสุดอนาถา ไร้ความพร้อมแทบทุกด้าน เตรียมยกร่างให้บัญญัติให้กำหนดการบริหารสถานี และงบประมาณอย่างชัดเจน รวมทั้งกระจายกำลังพลจากส่วนกลางออกไปให้มากขึ้น
วันนี้ (22 พ.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมการร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานได้ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเปิดเผยถึงประชุมครั้งที่ 11 โดยเน้นย้ำในเรื่องการปฏิรูปโรงพักตำรวจทั่วประเทศ
Change in action (11)
ปฏิรูปตรงสู่โรงพัก !
หลังพักการประชุมไป 1 สัปดาห์ คณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯได้กลับมาประชุมตามปกติอีกครั้งเมื่อเย็นวานนี้ (21 พ.ค.) โดยเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนตรวจพิจารณาร่างกฎหมายรายมาตราที่คณะทำงานร่วมกับฝ่ายเลขานุการยกร่างฯขึ้นมาเบื้องต้นตามประเด็นที่คณะกรรมการได้มีมติไปตลอดการประชุม 9 ครั้งแรก
นอกจากนี้ ท่านประธานยังได้เล่าให้ที่ประชุมฟังถึงสภาพความเป็นจริงที่ได้พบเห็นจากการสุ่มไปเยือนสถานีตำรวจภูธรหรือโรงพักรวมทั้งหมด 5 แห่ง โดยไม่ได้บอกกล่าวผู้ใดก่อนล่วงหน้าช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา และช่วงลองวีคเอนด์สัปดาห์ก่อนหน้าตามที่ได้รายงานไปแล้ว
โดยเฉพาะสภาพความไม่พร้อมและความขาดแคลนต่างๆ ที่ตำรวจชั้นผู้น้อยเผชิญอยู่
“โรงพักเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด แต่โรงพักบางแห่งที่ผมไปเห็นมากลับอนาถาที่สุด ทุกอย่างที่จำเป็นกับการปฏิบัติหน้าที่ล้วนไม่พอเพียง ต้องซื้อหากันเอง ตั้งแต่กระดาษ ปากกา ดินสอ รวมทั้งปืนคู่มือ ถามว่าหลวงไม่มีให้หรือ เขาตอบว่ามีแต่เก่าคร่ำคร่ามาก และที่น่าเวทนามากคือตั้งแต่ย้ายเข้ามารับตำแหน่งก็ต้องซื้อโต๊ะเก้าอี้เอง ซื้อแอร์ติดห้องเอง เพราะคนเก่าที่ย้ายออกไปเขาย้ายเอาติดตัวไปยังที่ใหม่ เพราะก็เป็นของที่เขาซื้อหาเองมาก่อนเมื่อครั้งย้ายเข้ามา คนที่โชคดีหน่อยก็คือคนที่ย้ายเข้ามาแล้วคนเก่าเขาทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ไม่เอาติดตัวไปที่ใหม่...”
เท่ากับว่า เมื่อเริ่มต้นรับตำแหน่งก็มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นรออยู่แล้ว อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดมีผู้ปรารถนาดีเข้ามามีส่วนช่วยออกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และในหลายกรณีที่ผู้ปรารถนาดีเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา
จนกระทั่งมีการรับรู้กันเป็นการภายในเชิงแบ่งเกรดสถานีตำรวจเป็น A, B, C และ D กันตามลักษณะในการสนับสนุนจากผู้ปรารถนาดีในแต่ละพื้นที่นั้น
ที่ประชุมได้หารือกันอย่างกว้างขวางและเห็นพ้องต้องกันว่าในการปฏิรูปตำรวจครั้งนี้จะต้องพุ่งเป้าไปที่การขจัดสภาพอนาถาเช่นนี้ในระดับโรงพักให้มากที่สุด
ทั้งนี้ ไม่ใช่ด้วยการเพิ่มงบประมาณแผ่นดินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะทำในอย่างน้อย 2 วิธี
1. กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ตำรวจฯให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผบ.ตร. ต้องบริหารจัดการงบประมาณเท่าที่ได้รับจัดสรรมาโดยคำนึงถึงความพร้อมในการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจเป็นลำดับแรก
อาทิเช่น เพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของ ผบ.ตร. เข้าไปอีก 1 อนุมาตรา
“ดูแลให้หน่วยงานทุกหน่วย โดยเฉพาะกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และสถานีตำรวจภูธร มีงบประมาณและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเพียงพอ”
รวมทั้งเพิ่มหน้าที่และอำนาจและความรับผิดชอบของนายตำรวจที่ดำรงตำแหน่งระดับผู้บัญชาการให้รวมถึง “การบริหารงบประมาณ” ด้วย
2. เนื่องจากงานตำรวจเป็นงานที่ให้บริการแก่ท้องถิ่นโดยตรง และหลายงานเป็นงานที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจะต้องทำเองแต่ยังขาดความพร้อม จึงจะกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมด้านรายได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในท้องถิ่นนั้นในบางส่วนงาน โดยมีหลักให้งบประมาณสนับสนุนตรงไปที่สถานีตำรวจในพื้นที่เลย
นอกจากนั้น ในส่วนโครงสร้างกำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะบัญญัติเป็นหลักการไว้ในกฎหมายไม่ให้จัดไปกองไว้ที่หน่วยงานกลางระดับภาคจนเกินความจำเป็น แต่ให้กระจายลงไปยังระดับโรงพักให้เพียงพอที่จะให้บริการประชาชนโดยตรงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อไม่ให้ตำรวจประจำโรงพักต้องทำงานหนักจนเกินกำลัง
ทั้งนี้ โดยจะมีมาตราที่บัญญัติขึ้นใหม่ถึงหลักในการบริหารจัดการระดับสถานีตำรวจไว้ด้วย โดยมอบให้คณะทำงานและฝ่ายเลขานุการไปทำการบ้านมาว่าจะควรจะบัญญัติไว้ในส่วนใด
การมีบทบัญญัติที่ระบุถึงสถานีตำรวจหรือโรงพักโดยตรงยังไม่เคยปรากฎในกฎหมายตำรวจมาก่อน