“สมคิด” เรียกร้องนักการเมืองพูดให้น้อย ประเทศจะเจริญ ใช้เวลาไปคิดนโยบายใหม่ๆ หาคนดีมาร่วม ดีกว่าพูดโจมตีคนอื่น ตอกคนพูดดูดส้วมให้ไปพัฒนาตัวเอง แจง ครม.สัญจรบุรีรัมย์ 8 พ.ค.เพื่อต้องต้องการพัฒนาพื้นที่ไม่เกี่ยวเรื่องดูด “เนวิน”
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่านายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เดินทางเข้าพบนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ เพื่อทาบทามให้มาร่วมงานกับรัฐบาลว่า ต้องไปถามนายสนธิรัตน์และนายอุตตมเอง เรื่องการเมืองต้องพูดน้อยๆ บ้านเมืองถึงจะเจริญ
อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่าตัวหลักในการขับเคลื่อนการเมืองคือพรรคการเมือง ถ้าพรรคการเมืองมีคุณภาพ เอาเวลาส่วนใหญ่ไปคิดเรื่องนโยบายดีๆ ไปดึงคนเก่ง คนดีมีความสามารถมาร่วมทำงาน ไม่ว่าจะพรรคใด เมื่อได้รับเลือกตั้งไปแล้ว ก็สามารถเอานโยบายเหล่านั้นมาใช้ในการพัฒนาประเทศได้ แต่ถ้ามีแต่พรรคการเมืองที่คิดแต่เรื่องการตีอีกฝ่ายหนึ่ง ด่าคนโน้นด่าคนนี้ แบบนี้ไม่ใช่การเมือง ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น คนก็จะเบื่อหน่ายการเมือง อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เคยพูดไว้ ว่าเห็นหรือไม่ ใครไปดูดใคร ไม่มีเลย แต่ทำไมคนอยากจะย้ายบ้าน เพราะว่าบ้านอยู่แล้วไม่มีความสุขหรือไม่ มันจึงต้องพัฒนาบ้านให้เป็นบ้านที่คนไทยฝากความหวังไว้ได้
“ผมจะแนะนำว่าพรรคการเมืองในขณะนี้ที่มีอยู่ กว่าจะถึงเลือกตั้งพยายามคัดสรรคนดีๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการคิดนโยบายเตรียมเอาไว้ เมื่อเลือกตั้งแล้วถ้าใครได้เป็นรัฐบาลหรือเข้าร่วมรัฐบาลอย่างไรก็แล้วแต่ จะได้ไปช่วยกันทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น นี่คือสิ่งที่ต้องสื่อความออกไป ไม่ใช่มาดูดนั่นดูดนี่ ไร้สาระ 10 ปีก็อยู่กันแค่นี้ แล้วคนที่บอกว่าดูดส้วม ผมรู้จักดี ต้องพัฒนามากกว่านี้” นายสมคิดกล่าว
เมื่อถามว่า เพราะด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาสานต่องานที่รัฐบาลได้ทำ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนดูสถานการณ์ในขณะนี้และอนาคต ความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนประเทศ ความสงบของบ้านเมืองเป็นสิ่งจำเป็น ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่แล้วว่าผลงานของรัฐบาลเป็นอย่างไรและก็ไปได้ดีเพียงพอ แต่ถ้าใครทำได้ดีกว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะประชาชนมีสิทธิเลือก แต่ที่จะบอกว่าใครจะมีพรรคหนุนคนนั้นคนนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน อย่างไรก็ตามที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้ ตนไม่เคยตอบโต้ เพราะทุกคนรู้จักกันดี เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น วันหนึ่งข้างหน้าต้องทำงานร่วมกัน ดังนั้นเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำสิ่งดีๆ ดีกว่า
เมื่อถามว่า นักการเมืองในขณะนี้ยังไม่เสียสละเพื่อประเทศชาติเพียงพอใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ตนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เมืองไทยต้องค่อยๆ เปลี่ยน ต้องมีคนใหม่ๆ เข้ามาทำงานร่วมกับคนเก่า สิ่งสำคัญคือต้อง มีไอเดียเป็นตัวนำ ส่วนใครจะเป็นผู้นำเป็นเรื่องที่จะตามมาทีหลัง ทั้งนี้ถ้าประเทศไทยมีคนอายุสี่สิบกว่าเป็นรัฐมนตรี ตนว่าจะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะ แล้วให้คนที่มีอาวุโส คอยเป็นพี่เลี้ยงซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งทีดี อย่างกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนเห็นแล้วก็ทึ่ง
เมื่อถามอีกว่า ในช่วงเวลานี้ ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยน กับเพื่อนนักการเมืองบ้างหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า “ผมไม่เคยเจอพวกเขาเลย ผมไม่มีเวลาจริงๆ พอไปต่างประเทศ เมื่อเห็นข่าวก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่เป็นอะไร เมื่อมาอยู่การเมือง หน้าที่คือทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าเท่านั้นเอง และไม่เคยพูดว่า ผมจะไปตั้งพรรคการเมือง ผมบอกแค่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อ ถ้าท่านต้องการทำงาน ส่วนพรรคไหนจะสนับสนุนหรือทำอะไรก็แล้วแต่เขา ทุกกลุ่มเพื่อนกันทั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็รู้จักกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนดี พรรคเพื่อไทยก็มีคนดีเยอะ ต้องคิดอนาคตข่างหน้าว่า ถ้าต้องทำงานร่วมกัน แล้วจะทำอย่างไร เราต้องก้าวข้าม ความขัดแย้งทั้งหลาย เอาบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง”
นายสมคิดกล่าวว่า ส่วนการลงพื้นที่ไปประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ที่ จ.บุรีรัมย์ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ เพราะ จ.บุรีรัมย์ และ จ.ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย สมควรแล้วที่นายกฯจะต้องไป ส่วนจะมีการต้อนรับอย่างไร หรือมีปัญหาอะไรก็นำเสนอมาเช่นเดียวกับหลายจังหวัดที่ผ่านมาไม่มีอะไรพิเศษ
เมื่อถามว่า คนจะมองว่ารัฐบาลพยายามไปดูดคนของพรรคภูมิใจไทย หรือก๊วนบุรีรัมย์ นายสมคิดกล่าวว่า “ดูดเนวินหรือ” เมื่อถามอีกว่า กับนายเนวิน ชิดชอบ ถือว่ารู้จักกันดีใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า การเมืองเมืองไทยทุกคนรู้จักกันหมด ทุกพรรครู้จักกันหมด ต้องคิดไปข้างหน้า ช่วยกันทำให้ประเทศเจริญได้อย่างไร อย่าไปคิดว่ามุ้งนั้นมุ้งนี้ ดูดไปดูดมาจะได้มามีอำนาจ คิดอย่างนั้นเป็นความคิดที่เก่ามาก จะไม่เจริญ คิดให้ใหม่ๆ ขอให้คิดถึงอนาคตให้มากๆ ทุกคนต้องทำงานเพื่อประเทศทั้งนั้น ตนขอแค่นี้