“มาร์ค” โต้ “สมคิด” รู้อยู่แก่ใจ ดูดนักการเมือง อย่าพูดขัดแย้งตัวเองย้ำมีต่อรองแลกตำแหน่ง เผย “ณัฏฐพล” แจ้งอยู่ระหว่างตัดสินใจว่ายังอยู่ ปชป.หรือไปร่วมรัฐบาล ไม่ติดใจว่า 5 ว่าที่ กกต. ขอเป็นกลางและเที่ยงธรรม
วันนี้ (4 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่อ้างว่าถูก คสช.ดูดไปร่วมงาน ว่าไม่อยากตอบโต้ไปมา อยากให้ทุกฝ่ายพูดความจริง เพราะคนที่เกี่ยวข้องรู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลที่ตนทราบจากผู้เกี่ยวข้องตรงกัน ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่านักการเมืองอยากไปทำงานร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่พูดขัดแย้งในตัวเอง เช่นกรณีนายสนธยา คุณปลื้ม ที่อ้างว่าดึงตัวมาช่วยงานอีอีซี ขณะเดียวกันก็บอกว่านักการเมืองต้องการมาทำงานกับรัฐบาลเอง เช่นเดียวกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยอมรับว่าไปพบกับนายสมคิดและพูดคุยเรื่องการเมือง และอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะไปร่วมงานกับรัฐบาลหรือยังทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนตัวตนนั้นไม่ได้มีปัญหาเรื่องสมาชิกย้ายพรรค แต่อยากให้ย้ายเพื่ออุดมการณ์และประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก มากกว่าการที่รัฐบาลจะใช้อำนาจ ผลประโยชน์และตำแหน่งมาต่อรอง
เมื่อถามว่านายสมคิดระบุว่าพรรคการเมืองควรทำนโยบายดีกว่ามาจับผิดรัฐบาลและพูดเรื่องการดึงตัว ส.ส.นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้ คสช.ย้อนกลับไปดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดจากคำสั่ง คสช.ที่ทำให้ต้องเสียเวลาในการยืนยันสมาชิกด้วยเวลาที่จำกัด ดังนั้นหากต้องการให้พรรคการเมืองทำนโยบายก็ควรบอก คสช.ให้ยกเลิกคำสั่ง 53/2560 ด้วย และขอให้เอาความจริงมาพูดกันจะดีกว่า อย่าใช้ผลประโยชน์หรือตำแหน่งมาต่อรอง เพราะท่านก็อยู่ในวงเจรจานั้นด้วย
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะประชุม ครม.สัญจรและลงพื้นที่บุรีรัมย์ในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ ว่าเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลจะไปลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน และทุกครั้งก็พบปะกับนักการเมืองในพื้นที่
ส่วนการเคลื่อนไหวของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ใครจะทำอะไรก็ได้ หากอยู่ภายใต้กฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการสรรหากรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ ล่าสุดคัดเลือกมาแล้ว 5 คนเป็นนักวิชาการและอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดว่า เป็นไปตามคุณสมบัติที่คณะกรรมการสรรหา กกต.พิจารณามาตามรัฐธรรมนูญกำหนดในเรื่องคุณสมบัติต้องห้าม หลังจากนี้เป็นเรื่องของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณา จึงขอให้ใช้วิจารณญาณในการคัดเลือกให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ไม่ติดใจที่ผู้ได้รับการสรรหา ไม่เคยมีประสบการณ์จัดการเลือกตั้ง เพราะ กกต.ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเป็น กกต.มาก่อน แต่เมื่อมาเป็นแล้วขอให้ใช้ความรู้ ประสบการณ์ ที่สำคัญคือความเป็นกลาง และความเที่ยงธรรมในการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าให้ใครเข้ามาแทรกแซง