“อภิสิทธิ์” แฉสกัดทุนสนับสนุนพรรคการเมือง ใช้พลังดูดอดีต ส.ส. โดยอ้างดูแลดีกว่า แต่ยังมั่นใจส่วนใหญ่ยังอยู่กันเกือบครบ พร้อมชูปฏิรูป ปชป. ให้สมาชิกโหวตเลือกหัวหน้าพรรค ย้ำสู้กันด้วยนโยบายให้ประชาชนเลือก พร้อมเตือนเข้าสู่อำนาจไม่สุจริตจะเกิดความขัดแย้งตามมา ขณะเดียวกัน จี้แก้ปัญหาปากท้องที่แย่ลง
วันนี้ (27 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณี ครม. สัญจรที่กลุ่มจังหวัดอีสานใต้ท่ามกลางกระแสดูดนักการเมืองเข้าร่วมรัฐบาล คสช. ว่า รัฐบาลทำระบบสัญจรมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งทำ แต่คงต้องรอดูรูปแบบ ว่า ทำเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน หรือตอบสนองประชาชนให้ดีขึ้นได้หรือไม่ ก็ถือเป็นเรื่องดี ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามถึงข่าวการระดมทุนถึง 4 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนทหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามคนที่พูดเรื่องนี้ ทราบเพียงว่า ได้รับคำยืนยันว่า มีคนในรัฐบาลมีความพยายามจะสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มทุนเข้ามาสนับสนุนพรรคการเมือง แต่เราไม่ติดใจ และยืนยันจะสู้ตามแนวทางที่ถูกต้อง แม้จะเสียเปรียบ ส่วนคนที่ทำอะไรโดยไม่อาย ก็มักจะได้เปรียบเป็นธรรมดา จึงขอเรียกร้องให้มีการแข่งขันกันอย่างเสมอภาค แล้วประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบในผลการเลือกตั้ง และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ก็ควรที่จะเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน โดยแม้จะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่หากไม่ฟังเสียงประชาชน เชื่อว่า ที่สุดในอนาคตอาจจะมีปัญหาตามมาแน่ เพราะหากเริ่มต้นการเข้าสู่อำนาจที่ไม่สุจริตแล้ว จะเกิดปัญหาความขัดแย้งตามมาแน่นอน
“เวลาเขามาทาบทาม เขาก็จะบอกว่าไปอยู่กับเขาเถอะ เพราะถ้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครสนับสนุนเรื่องทุน แต่อยู่กับเขา เขาดูแลได้ดีกว่าที่นี่ ซึ่งแม้จะมีกระแสทาบทามอดีต ส.ส. ไปสังกัดพรรคใหม่ แต่ผมยังมั่นใจว่า อดีต ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ยังพร้อมที่จะทำงานกับพรรค และยังไม่มีใครมาบอกว่าจะไปอยู่ที่อื่น ยกเว้น 1 - 2 คน ที่มีเหตุผลส่วนตัว เพราะญาติพี่น้องไปตั้งพรรคแล้วต้องไปช่วย แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ต้องเคารพการตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้พรรคเองมีคนรุ่นใหม่อายุ 25 - 30 ปีเศษ ที่ต้องการเข้ามาทำงานการเมือง และพร้อมที่จะอยากจะมาช่วยพัฒนาบ้านเมือง โดยพรรคเตรียมพร้อมที่จะปฏิรูปพรรค ให้สมาชิกมีส่วนร่วมโดยตรงในการหยั่งเสียงโหวตเลือกหัวหน้าพรรค” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าของฉายาโหร คมช. ระบุว่า รัฐบาลหน้าจะเป็นรัฐบาลแห่งชาติ แต่พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย จะเป็นฝ่ายค้าน ทั้งสองพรรคจะจับมือกันตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเป็นฝ่ายค้าน คงไม่ต้องจับมือกัน และพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันเราทำงานตามอุดมการณ์และแนวทางของพรรค แต่ขณะนี้ยังไม่อยากให้พูดอะไรล่วงหน้า เพราะยังไม่มีการเลือกตั้ง เป็นแต่การคาดการณ์ทั้งสิ้น จึงยังไม่มีใครทราบว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างอยู่ที่การเสนอนโยบายในการพัฒนาประเทศให้ประชาชนเลือก และมีสิ่งที่น่ากังวลกว่า คือ เศรษฐกิจปากท้อง ค่าครองชีพของประชาชน ที่ลำบากและความเป็นอยู่แย่ลง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจของรัฐจะดีขึ้น แต่ข้อเท็จจริงสวนทางกัน จึงต้องดูว่า การใช้จีดีพีวัดมูลค่าเศรษฐกิจของชาติ มันสะท้อนความเป็นจริงที่ชาวบ้านกำลังเผชิญอยู่หรือไม่ หรือต้องมาทบทวน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่เตรียมนัดชุมนุมใหญ่ในเดือนพ.ค. นี้ ว่า เราต้องเคารพสิทธิของคนที่ต้องการแสดงออกที่มีความเห็นต่าง ขณะเดียวกัน คงไม่มีใครอยากเห็นความวุ่นวายเกิดขึ้น เพราะเกรงจะมีความสุ่มเสี่ยงที่บ้านเมืองจะหันเหไปทางอื่น แทนที่จะกลับสู่เส้นทางการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย