“รสนา” เตือนโอนทรัพย์สินทีโอที-กสท เข้าข่ายยักยอก ชี้ดูบทเรียนคดี ปตท.

“รสนา” เตือนโอนทรัพย์สินของทีโอที และ กสท ไปที่บริษัทลูก เข้าข่ายยักยอกทรัพย์สินแผ่นดิน เตือนให้ดูคำพิพากษาคดี ปตท.เป็นบทเรียน

วันนี้ (2 พ.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคีร ได้โพสต์ข้อความเรื่อง “การโอนทรัพย์สินของทีโอที และ กสท ไปไว้ในบริษัทลูก เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ของแผ่นดิน ใช่หรือไม่”

“ข่าวว่า “ปลัดดีอี” สั่งชะลอการโอนทรัพสินอุปกรณ์ของทีโอที และ กสท ไปยังโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ (NBN Co.) และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศ และศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (NGDC Co.) ออกไปก่อน

นับว่าหยุดความเสียหายได้ทันเวลา เพราะการโอนทรัพย์สินจากบริษัทแม่ไปไว้ในบริษัทลูกเป็นเรื่องผิดกฎหมาย การจัดตั้งบริษัท NBN และบริษัท NGDC โดยนำเอาเงิน 20 ล้านบาทจากบริษัท ทีโอที และบริษัท กสท (CAT) ไปจดทะเบียนบริษัทตามกฎหมายแพ่งพาณิชย์ และยังให้ CEO และรองฯ ของทั้ง 2 บริษัทไปถือหุ้นคนละ1หุ้นในบริษัท NBN และ NGDC ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

แม้ทีโอที และ กสท จะถูกแปรสภาพมาเป็นบริษัทแล้ว แต่ยังไม่ได้กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การจะแยกทรัพย์สินที่เป็นโครงข่ายของทั้ง 2 บริษัทไปเป็นบริษัทลูกโดยอาศัยกฎหมายแพ่งพาณิชย์ไม่ได้

หากต้องการกระจายหุ้นบริษัททีโอที และกสท ในตลาดหลักทรัพย์ ต้องแยกโครงข่ายที่เป็นสาธารณสมบัติ รวมทั้งสิทธิและอำนาจมหาชนคืนให้กระทรวงการคลังเสียก่อน ซึ่งเป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดกรณีการแปรรูป ปตท. ที่ศาลมีคำวินิจฉัยให้แบ่งแยกสาธารณสมบัติคืนให้กระทรวงการคลัง และให้แบ่งแยกสิทธิและอำนาจมหาชนออกจากอำนาจและสิทธิของ บมจ.ปตท.

ดังนั้น จากคำพิพากษาในคดี ปตท. จึงเป็นบรรทัดฐานที่รัฐบาลต้องดำเนินการหากต้องการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต้องแบ่งแยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติคืนให้กระทรวงการคลังเสียก่อน ไม่ใช่แยกโครงข่ายที่เป็นสาธารณสมบัติไปตั้งบริษัทลูก และเอาบุคคลมาถือหุ้นในสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งหากมีการดำเนินการจนสำเร็จ น่าจะเข้าข่ายเป็นการยักยอกทรัพย์ของแผ่นดิน ใช่หรือไม่

ถ้าปลัดกระทรวงดีอีไม่สั่งชะลอการโอนทรัพสินอุปกรณ์ของทีโอที และ กสท ไปยังบริษัทลูกทั้ง 2 แห่ง และปล่อยให้ดำเนินการไปจนเสร็จสิ้น ความผิดก็จะสำเร็จ คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในกรณีนี้ย่อมไม่พ้นจากความผิดอย่างแน่นอน

รสนา โตสิตระกูล
1 พ.ค. 2561”