นายกฯลั่นดูด ส.ส. มีมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าแต่ คสช. ลั่นประชาชนควรใช้วิจารณญาณได้ว่าใครทำเพื่อส่วนรวม มั่นใจเป็นพันธมิตร “อาลีบาบา” ช่วยพัฒนาเอสเอ็มอี - เกษตรกรไทย ชี้เป็นเพียงทางเลือกให้ผู้ประกอบการ ไม่ได้บังคับต้องค้าขายผ่านช่องทางนี้เท่านั้น วอนคนที่กังขาเปิดใจรับฟังข้อมูลรอบด้าน
วันนี้ (27 เม.ย.) เวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า กลุ่มอาลีบาบาได้ทำความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการสนับสนุนธุรกิจ e-Commerce และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพ
คาดหวังว่าผู้ประกอบการ รวมไปถึงเกษตรกร จะสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือนี้ ในการพัฒนาศักยภาพการผลิต หรือปรับตัว ปรับวิธีการทำธุรกิจและกระบวนการผลิต ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อย่างรู้เท่าทัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ก็ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อการค้าขายในภูมิภาคเท่านั้น แต่จะช่วยยกระดับสินค้าไทย หรือผู้ประกอบการไทย ในเวทีการค้าโลกไปพร้อมกันด้วย ส่วนใหญ่เราจะรู้แต่การผลิต ไม่ค่อยรู้ในเรื่องของการค้า เพราะฉะนั้น เกษตรกร หรือ SMEs เราก็จะได้รู้ระบบการค้าที่เป็นสากลด้วย โดยการค้าออนไลน์ แล้วก็มีกฎหมายที่รองรับไว้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นภาครัฐก็จะเป็นพี่เลี้ยง โดยดึงกลไกประชารัฐในกิจกรรมต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม ช่วยเหลือกันในลักษณะพี่ช่วยน้อง เพื่อนช่วยเพื่อน เราจะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน อย่าเอาเปรียบกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่หลอกลวงกัน เอาเปรียบเพื่อนเอาเปรียบคนอื่นนี่ไม่ดีทั้งสิ้น
“ขอเน้นย้ำว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ภาครัฐดำเนินการ เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำธุรกิจของพี่น้องผู้ประกอบการทั้งด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่ได้เป็นการบังคับว่าจะต้องมาทำผ่านช่องทางนี้เท่านั้น หรือให้สิทธิผูกขาดในการทำธุรกิจการค้าอย่างที่หลายฝ่ายมีความกังวลกัน อยากให้ผู้ที่ยังมีความกังขาในเรื่องนี้ ได้กรุณาเปิดใจรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายให้ครบถ้วน และกรุณาชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียก่อนจะตัดสินใจ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่มีข่าวเรื่องการดูด ส.ส. พรรคโน้น พรรคนี้ ตนไม่ใช่นักการเมือง ทำงานทางการเมืองให้ตอนนี้ แต่ทุกคนทราบดีว่าเรื่องการดูดนี่มีเป็นมายาวนานแล้ว ไม่ใช่มาบอกแต่ คสช.ดูด ตนก็อยู่ตรงนี้อยู่ เป็นรัฐบาล ที่จะต้องอำนวยการให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้ ฉะนั้นเรื่องการดูดกันมันก็มีทุกพรรคการเมืองมายาวนานแล้ว มันเป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทยตลอดมา หลายคนอาจจะอ้างว่าทำด้วยอุดมการณ์ ด้วยนโยบายเพื่อชาติและประชาชน คำว่าดูด ส.ส. คงเป็นภาษาของสื่อฯ เป็นการตลาด
คิดว่าพี่น้องประชาชนควรใช้วิจารณญาณได้เองว่าอะไรคือการทำเพื่อส่วนรวม อะไรเป็นการทำเพื่อพวกพ้อง หากเรามีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญเช่นเดียวกันแล้ว ก็น่าจะช่วยกันทำงานได้
คำต่อคำ : ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน [27 เมษายน 2561]
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คงทราบดีนะครับว่ามีกลุ่มอาลีบาบาได้ทำความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการสนับสนุนธุรกิจ e-Commerce และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพ โดยบริษัทอาลีบาบา นั้นมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของไทยนะครับ และยืนยันในการเป็นพันธมิตรกับประเทศไทยในระยะยาว โดยอาลีบาบาและรัฐบาลไทย มีเป้าหมายร่วมกันในอันที่จะพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และผลักดันให้สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ในเวทีโลกได้ ผ่านนวัตกรรมด้านดิจิทัลต่างๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ไปพร้อมๆ กับนโยบายด้านอื่นๆ ของประเทศด้วย
สำหรับความร่วมมือในโครงการหลักในครั้งนี้ประกอบด้วย 1. โครงการจัดตั้งศูนย์ Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC เพื่อจะส่งเสริมการค้ากับกลุ่ม CLMV และจีน โดยจะอาศัยเทคโนโลยีด้านการประมวลข้อมูลลอจิสติกส์ ที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง แหล่งผลิตทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของไทย ไปยังปลายทาง ผู้บริโภค-ผู้สั่งสินค้า ณ ประเทศปลายทางทั่วทุกมุมโลก ผ่านเครือข่ายไช่เหนี่ยว (Cainiao Network) ซึ่งเป็นธุรกิจด้านลอจิสติกส์ของอาลีบาบา เพื่อให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน รวมถึงการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV และไปยังที่อื่นๆ ทั่วโลก ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะมีการยกระดับพิธีการทางศุลกากรในพื้นที่ ให้เป็นระบบดิจิทัลไปพร้อมกันด้วย ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยเชื่อมโยง SMEs ไทย ในทุกระดับ ทุกท้องถิ่น รวมถึงกลุ่มโอทอป (OTOP) และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ให้สามารถเข้าถึงตลาดจีนและตลาดโลกได้ง่ายขึ้น อีกทั้ง จะขยายไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ ศูนย์ Smart Digital Hub จะเป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรมวิจัยและพัฒนาด้านดิจิทัล ที่จะเชื่อมโยงกับเขตนวัตกรรมดิจิทัล หรือดิจิทัลพาร์ค EECd และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าดำเนินการอยู่
2.โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทยโดยจะมีการจัดตั้งวิทยาลัยธุรกิจอาลีบาบา (Alibaba Business School : ABS) ซึ่งจะร่วมมือกับภาครัฐของไทย ในการพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัลและ e-Commerce ของ SMEs ทุกกลุ่มทั่วประเทศ รวมถึง SMEs ในชุมชนท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายย่อย โดยเน้นให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจ เท่าทัน และมีทักษะในการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ และเข้าถึงตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ มีผู้บริโภคไม่น้อยกว่า 500 ล้านราย รวมถึงเข้าสู่ห่วงโซ่ของภูมิภาคและตลาดโลกได้ตามลำดับ
นอกจากนี้ วิทยาลัยธุรกิจดังกล่าวยังจะร่วมมือกับภาครัฐในการพัฒนากลุ่มคนเก่งหรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent) ในประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษา นักวิจัย อาจารย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมพัฒนาด้านดิจิทัลและ e-Commerce เพื่อให้มีความเข้าใจลึกซึ้ง และเป็นการสร้างเครือข่ายกับดาวเด่นหรือ Talents ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศจีนด้วย
3. การเปิดร้านค้าข้าวไทย (Thai Rice Flagship Store) บนเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ระดับโลก เพื่อช่วยสนับสนุนการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรเริ่มจากข้าว และจะขยายผลไปถึงผลไม้ต่างๆ ของไทย ในอีก 5 ปีข้างหน้า จีนจะเปิดเสรีการค้า โดยตลาดจีนยังเปิดกว้างสำหรับการนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก อีกกว่า 240 ล้านล้านบาท ซึ่งไทยเราก็มีศักยภาพนะครับ ที่จะได้รับส่วนแบ่งการตลาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีน ตามที่มีรายงานข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ภายหลังจากการประเดิมด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายทุเรียนล่วงหน้า เพียง 1 นาที ก็มียอดการสั่งซื้อถึง 80,000 ลูก ปัจจุบันปิดการขายงวดแรก 3 วัน ไปแล้วมียอดจองซื้อทุเรียนไทย 130,000 ลูก หรือ 350 ตัน คิดเป็นเงิน 70 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการส่งมอบ เราใช้บริการของเขา แต่ผู้ผลิต กับผู้บริโภค เขาก็สั่งจอง แล้วก็กำหนดราคาขายไป เข้าออนไลน์ไปเป็นการเชื่อมโยงการซื้อขายออนไลน์ระหว่าง thaitrade.com ของไทยด้วย แล้วก็ Tmall.com ของอาลีบาบา ของเราก็มี ของเขาก็มี เพื่อจะให้เข้ากับระบบการขนส่งสินค้าของอาลีบาบา ซึ่งวันนี้เขามีความพร้อมมากกว่าเรามีประสิทธิภาพ ขั้นต้นเราก็ต้องพึ่งพาอาศัยเขาบ้าง วันหน้าเราก็สร้างแพลตฟอร์มของเราขึ้นมาให้ทัดเทียม ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้าเราสามารถดำเนินการต่อไปเรื่อยๆเราอาจจะสามารถส่งทุเรียนจากแหล่งผลิตในไทยไปยังจีนได้ภายใน 120 ชั่วโมง และส่งต่อจนถึงมือลูกค้าทั่วประเทศจีนได้ภายใน 24 ชั่วโมง วันหน้าเราไปถึงประเทศอื่นด้วย
ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรของไทย ก็สามารถเข้ามาอยู่ในห่วงโซ่ ดังกล่าวได้ แต่ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ในรูปการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทก็ได้ ก็จะเป็นการยืนยันการมีตัวตน และต้องมีแบรนด์เป็นของตัวเอง สามารถตรวจสอบที่มาได้ตลอดเวลา นอกจากนั้นก็ให้สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ thaitrade.com ของกระทรวงพาณิชย์ แล้วกระทรวงฯ จะประสานงานกับอาลีบาบา เพื่อมาคัดเลือกสินค้าไปจำหน่ายต่อไป เขาไม่ได้มาซื้อเราหรอก เขาจะคัดเลือกว่าอันไหนจะขายเขาได้บ้าง ปัจจุบัน มีเกษตรกรทุเรียน สามารถผ่านการคัดเลือกแล้วกว่า 100 ราย ในอนาคตรัฐบาลมีแนวคิดในการผลักดันการส่งออกข้าวไทยและผลิตผลทางการเกษตรของไทย เข้าสู่วงจรดังกล่าว เรามีอีกหลายอย่าง ลำไย ลิ้นจี่ ส้ม มะม่วง อะไรทำนองนี้นะครับ โดยจะต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกในเรื่องตลาดผู้บริโภคที่อาลีบาบา มีความเชี่ยวชาญ อีกด้วย
4. โครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวดิจิทัลและผู้ประกอบการการท่องเที่ยวรายย่อยในไทย โดยบริษัทลูกของอาลีบาบาจะร่วมมือกับภาครัฐ ในการใช้ประสบการณ์และเทคโนโลยีจัดทำแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือเพื่อประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้กับสถานที่และกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั่วไทย เช่น คู่มือไกด์ออนไลน์ ระบบจำหน่ายตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งจะช่วยผลักดันการยกระดับการท่องเที่ยว ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เริ่มตั้งแต่กระบวนการทางวีซ่า บริการหลังเดินทางแบบดิจิทัล ด้วยการคืนเงินภาษีนักท่องเที่ยวผ่านระบบ Alipay ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพจากจีน และช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยได้มากขึ้น ไม่ต้องไปกลัว หลายคนก็ไปกลัวว่าจะเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ คนละเรื่องกันทั้งหมด อย่าบิดเบือนกัน
พี่น้องประชาชนครับ ความร่วมมือเหล่านี้ก็ถือเป็นหนึ่งในแนวทางหลากหลาย เพื่อการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของประเทศ ให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนในภูมิภาคแถบนี้ ให้สะดวก มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มการเข้าถึงตลาดให้กับเกษตรกรและธุรกิจของประเทศ ในปีที่ผ่านมานั้น อาลีบาบาได้เข้าร่วมกับประเทศมาเลเซีย ขออนุญาตเอ่ยนามก็เป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านของเราไปแล้ว ในการสร้างศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในภูมิภาค ต่อไปก็จะสามารถเชื่อมต่อกับไทยได้ และรองรับการค้าและการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย สำหรับครั้งนี้ อาลีบาบามีแผนการลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้า มูลค่า 11,000 ล้านบาท เพื่อจะเป็นเป็นศูนย์กระจายสินค้า ไปยังผู้สั่งสินค้าในภูมิภาคนี้อย่างประเทศ CLMV โดยสินค้าจะถูกส่งมารวบรวมที่ศูนย์นะครับ แล้วกระจายที่นี่ โดยจะดำเนินการภายใต้เขตปลอดอากรของกรมศุลกากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ฉบับปัจจุบัน ที่มีการกำหนดเรื่องเขตการค้าเสรี (free trade zone) ชัดเจนอยู่แล้ว ไว้ก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1.หากผู้ประกอบการนำสินค้าที่เป็นวัตถุดิบเข้ามาในพื้นที่เขตปลอดอากร เพื่อการผลิต ผสม ประกอบ หรือนำสินค้ามาพักไว้เพื่อ ส่งออก ก็ไม่ต้องเสียภาษี และไม่ต้องขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันนี้เป็นเรื่องที่มีกฎหมายอยู่แล้ว
เรื่องที่ 2.หากเป็นการนำเข้ามาเพื่อ ขายในประเทศ ก็ต้องมีการเสียภาษีตามพิกัดที่กำหนดไว้ตามปกติ ทั้งนี้สิ่งหนึ่งที่เราเห็น ก็คือ ศักยภาพของตลาดผู้บริโภคของจีน ในอนาคตอันใกล้ ประเทศจีนจะเปิดเสรีในเรื่องการค้าขายกับประเทศต่างๆ มากขึ้น ตามที่ผมได้กล่าวมาแล้ว อีกทั้งเศรษฐกิจจีน และรายได้ของผู้บริโภคเหล่านั้น คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีความต้องการสินค้าและบริการของจีน เพิ่มขึ้น ตามไปด้วย การที่เรามีช่องทางแบบนี้ ในการเข้าสู่ตลาด มีสินค้าและบริการมากขึ้น หรือเป็นศูนย์กลางให้กับการค้าขายในภูมิภาคนี้ ก็จะเป็นการเตรียมความพร้อม สำหรับรองรับผลประโยชน์และการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจและ SMEs ของไทย ในระยะต่อไปอีกด้วย พี่น้องในภาคเกษตรก็มีโอกาสที่จะได้รับรายได้เพิ่มขึ้น เพราะเราเป็นผู้กำหนดราคาเอง อาจจะต้องผ่านการตรวจสอบว่ามีคุณภาพหรือไม่ ทุเรียนอ่อน หรือทุเรียนไม่มีคุณภาพหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น เขาก็ไม่เอาไปขาย คนซื้อเขาเห็นแล้วเขาก็ไม่ซื้อ ไม่ได้ไปบังคับใคร จะต้องเข้าไป Alipay หรือเข้าไปใช้อาลีบาบา ทั้งหมด ตัวเองต้องพร้อมด้วย ถ้ายังไม่พร้อมก็เข้าตลาดของเราไปก่อน เมือกี้ก็บอกไปแล้วนะครับ ของไทยก็มีอยู่ 2-3 อัน
ทั้งนี้ เพื่อจะเกิดความเชื่อมโยงระหว่างตลาด ไปด้วยกันทั้งหมด ผมคาดหวังว่าผู้ประกอบการ รวมไปถึงเกษตรกร จะสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือนี้ ในการพัฒนาศักยภาพการผลิต หรือปรับตัว ปรับวิธีการทำธุรกิจและกระบวนการผลิต ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อย่างรู้เท่าทัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ก็ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อการค้าขายในภูมิภาคเท่านั้นนะครับ แต่จะช่วยยกระดับสินค้าไทย หรือผู้ประกอบการไทย ในเวทีการค้าโลกไปพร้อมกันด้วย ส่วนใหญ่เราจะรู้แต่การผลิต ไม่ค่อยรู้ในเรื่องของการค้า เพราะฉะนั้น เกษตรกร หรือ SMEs เราก็จะได้รู้ระบบการค้าที่เป็นสากลด้วย โดยการค้าออนไลน์ แล้วก็มีกฎหมายที่รองรับไว้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นภาครัฐก็จะเป็นพี่เลี้ยง โดยดึงกลไกประชารัฐในกิจกรรมต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม ช่วยเหลือกันในลักษณะพี่ช่วยน้อง เพื่อนช่วยเพื่อน เราจะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน อย่าเอาเปรียบกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่หลอกลวงกัน เอาเปรียบเพื่อนเอาเปรียบคนอื่นนี่ไม่ดีทั้งสิ้น
ผมรับทราบว่ามีหลายฝ่ายที่อาจจะออกมาแสดงความคิดเห็น นี่จะเป็นทางเลือกหนึ่งของเราของภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ที่เราจะขยายความร่วมมือออกไปสู่พันธมิตรรายอื่น ที่มีการสร้างแพลตฟอร์มลักษณะเช่นนี้ด้วย อาลีบาบานั้นเป็นเจ้าใหญ่ในจีนเจ้าหนึ่ง แต่ถ้าในภูมิภาคอื่นๆ ของโลกก็มีรายอื่นที่มีความเข้มแข็ง และการเจรจาลงตัว รัฐบาลพร้อมที่จะร่วมมือกับเจ้าอื่นๆ ด้วยในอนาคต ขณะเดียวกันของเราต้องเข้มแข็งไปด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีทางเลือก และให้เกิดการแข่งขันตามกลไก ตลาดการค้าเสรี ซึ่งเป็นทิศทางการพัฒนาของโลก ผมขอเน้นย้ำว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ภาครัฐดำเนินการ เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำธุรกิจของพี่น้องผู้ประกอบการทั้งด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่ได้เป็นการบังคับว่าจะต้องมาทำผ่านช่องทางนี้เท่านั้น หรือให้สิทธิผูกขาดในการทำธุรกิจการค้าอย่างที่หลายฝ่ายมีความกังวลกัน เพราะเป็นการนำสินค้าเข้าไปขายในระบบออนไลน์ที่มีการสั่งซื้อโดยตรงจากผู้บริโภคกับผู้ผลิต และเกษตรกรที่ต้องได้รับการรับรองจดทะเบียน ตรวจสอบคุณภาพก่อน จึงจะนำไปขายได้ อีกประการหนึ่งคือการค้าขายระหว่างประเทศในช่องทางเดิมอื่นๆ ในปัจจุบันมีอยู่แล้ว อย่างพ่อค้าคนกลางบ้าง สมาคมส่งออกบ้าง ส่งออกอิสระบ้าง อะไรทำนองนี้ การค้าออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งที่เราทำมาอยู่แล้วในแพลตฟอร์มของประเทศไทย ซึ่งยังสามารถดำเนินไปตามเดิม แต่เราเอาเขามาช่วย เราจะพัฒนาแพลทฟอร์มของเราให้กว้างขวาง สะดวกขึ้นได้อย่างไร เหมือนที่เขาทำมา เราต้องอาศัยประสบการณ์ของเขา ของเพื่อนด้วย เราต้องรู้จักไว้ใจซึ่งกันและกัน คนไทยก็ต้องไว้ใจรัฐบาลบ้างในตรงนี้ เราพยายามทำให้ดีที่สุด ซึ่งถ้าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ยิ่งจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเราก็ยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่เกี่ยวข้องเช่นเดิม ส่วนในความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทอาลีบาบาจะได้รับประโยชน์จากการใช้บริการของลูกค้าภายใต้ระบบภาษีที่กำหนดไว้ตามกฎหมายของเรา เช่นเดียวกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยบริษัทอาลีบาบานั้น จะเข้ามาช่วยพัฒนาระบบของเราให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น และถือว่าเป็นระบบที่มีผู้รู้จักอยู่ทั่วโลกแล้ว
ผมก็อยากให้ผู้ที่ยังมีความกังขาในเรื่องนี้ ได้กรุณาเปิดใจรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายให้ครบถ้วน และกรุณาชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียก่อนจะตัดสินใจ มื่อปีก่อนนั้น อาลีบาบามาจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เอ๊ะ ทำไมเราไม่ทำบ้าง เราเสียโอกาสดีๆ ไปหรือไม่ในการที่จะขยายศักยภาพของประเทศในการที่เป็นศูนย์กลางการค้าขายในภูมิภาคไป แต่พอเราจะทำขึ้นได้ในวันนี้ มีข้อทักท้วงมาอีกแล้ว มีความห่วงกังวลอีก ทุกอย่างก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างไร มีความจริงใจต่อกันได้อย่างไรในคนที่จะมาลงทุน หรือจะมาร่วมมือกับเรา ผมในฐานะเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งให้ความเชื่อมั่นน ผมพยายามทำอย่างเต็มที่นั่นแหละ ในการที่จะขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาประเทศ สนับสนุนการค้าเสรี เพิ่มทางเลือก เพิ่มรายได้ กระจายรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้กับธุรกิจรายย่อย แล้วจะเกิดแรงผลักดันให้มีการปรับตัวของผู้ประกอบการในประเทศ วันหน้าเราต้องรองรับตลาดที่ใหญ่ขึ้น และการแข่งขันจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เรายิ่งช้าเรายิ่งเสียเปรียบ เสียโอกาส เสียเวลา
เพราะฉะนั้นประโยชน์ที่ประเทศและประชาชนไทยจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับพวกเราด้วย ช่วยกันปรับตัว อย่าบอกว่าเอ๊ะ พอเขาเข้ามาแล้วบริการอย่างนี้เราจะเสียหาย ก็ของเราต้องปรับตัวด้วย แล้วเราก็ปรับไปด้วยกัน คู่ขนานกันไปของเขา ของเรา ถ้าใครไม่ยอมปรับตัวเลย ยังไงวันหน้าก็ตกขบวนอยู่แล้ว อยากให้ทุกคนได้พยายามปรับวิสัยทัศน์ แล้วจะมองเห็นทิศทางการพัฒนาในโลกยุคปัจจุบันที่จะช่วยให้ประเทศเราหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางได้ และข้อสำคัญได้ดูแลเกษตรกรที่ปลูกพืชทำการเกษตรด้วย
พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักครับ การคิดแบบราชการนั้น มันก็จริง แต่หลายคนนำไปใช้เหมือนเป็นคำตลกร้าย คิดแบบทหาร คิดแบบราชการ มันสะท้อนให้เห็นถึงความยุ่งยาก สลับซับซ้อน สายงานยาว กินเวลา แต่คือระบบที่เราพยายามจะปลดพันธะเหล่านี้ให้สั้นลงให้ง่ายขึ้น ซึ่งผมหมายถึงการปฏิรูประบบราชการ การรวมศูนย์ต้องลดลง เราจะมีนโยบายมีขับเคลื่อน แล้วหน่วยปฏิบัติให้ชัดเจนขึ้น เพราะรัฐต้องทำหน้าที่ให้บริการประชาชน และมีกลไกในการดูแลการขับเคลื่อนประเทศ แล้วจะมีการออกกฎกติกา วางยุทธศาสตร์ และสร้างสภาพแวดล้อมให้เกิดการลงทุนอย่างโปร่งใสยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างทั่วถึง หลายทศวรรษที่ผ่านมา เรามีการขยายโครงสร้างรัฐไป 3 เท่าตัว ทั้งหน่วยงานทั้งคนอะไรต่างๆ เพราะความไม่พร้อมของภาคอื่นๆ เอง จะต้องไปด้วยกัน พัฒนาไปด้วยกันไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน ภาคเอกชน ธุรกิจ รัฐบาล ข้าราชการ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างทำกันเองช่วยกันเอง รัฐบาลไม่ดูแล รัฐบาลเลยต้องทำไปตลอดทั้งหมด แล้วเราจะต้องเพิ่มคน เพิ่มหน่วยงานไปถึงเท่าไร
เพราะฉะนั้นเราจะต้องมาคิดดูตรงนี้ว่า เราจะปรับในเรื่องของโครงสร้างของภาครัฐอย่างไร ไม่ให้มากไปกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจสวนทิศทางของโลกที่ต้องการให้เกิดการปฏิรูป ส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชน หลายคนบอกเราไม่ปรับ พยายามปรับเต็มที่ วันนี้ก็ให้รัฐบาล ข้าราชการทำงานให้หนักขึ้น คิด มีวิสัยทัศน์ แต่กลไกยังไงต้องพึ่งพารัฐอยู่ในขณะนี้ เพราะยังไม่พร้อม เราต้องสร้างคนอีกระยะหนึ่ง สร้างคน สร้างระบบ สร้างความรู้ ความชำนาญ ความคุ้นเคย หลายคนไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง อันนี้เป็นสิ่งที่เราเจอปัญหามา
เพราะฉะนั้นการที่จะส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนให้มากยิ่งขึ้นนั้น ผมคิดว่ามีความจำเป็นในการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ในส่วนของการลดหน่วยงานราชการนั้น เราต้องลดมาจากกฎหมายจากข้อบังคับ อาทิ ใบอนุญาตต่างๆ จะลดลงได้อย่างไร การใช้เอกสารลดลงได้ไหม รูปแบบการให้บริการจะรวดเร็วได้อย่างไร ง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ อันนี้มันช่วยให้มีน้ำหนัก ช่วยให้มีการตัดสินใจของนักลงทุนทั้งของไทย และชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น อันนี้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนของเราด้วย อย่ามองว่าเราเอ๊ะดูแลแต่คนต่างประเทศ ผมดูแลท่านไปด้วย ท่านต้องกล้าตัดสินใจ ผมไม่ได้มุ่งหวังให้ต่างชาติมาทำทั้งหมด หลายอย่างเป็นโครงการที่เป็นอินเตอร์บิดดิ้ง
เพราะฉะนั้นทั้งไทย ทั้งต่างประเทศสามารถจะแข่งขันกันได้ ขอให้ทุกคนได้มั่นใจ และกล้าลงทุน เอาเงินจากต่างประเทศมาลงทุนในบ้านเรา หรือเงินทุนในบ้านเรา ลงทุนในบ้านเราเอง เป็นการพัฒนาประเทศไปด้วยพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้ การปรับกระบวนการทำงานเหล่านั้น ถ้าลดคน มันก็ต้องไปปรับเรื่องดิจิทัลเข้ามาเสริมตามนโยบายประเทศไทย 4.0
ผมยกตัวอย่าง อย. 4.0 วันนี้เราเรียก อย. 4.0 ขององค์การอาหารและยา ที่เราสามารถส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยนวัตกรรมของเราเอง เช่น ยา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ให้ได้มาตรฐานและปลอดภัย พี่น้องประชาชนอาจไม่เคยรู้ว่าที่ผ่านๆ มา มีปริมาณคำขอขึ้นทะเบียน อย.ที่ค้างการพิจารณา ณ ธันวาคม 2559 เกือบ 10,000 คำขอ ก่อนหน้านั้นมากกว่านั้น 2557 ทั้งเรื่องยา เรื่องอาหาร วัตถุเสพติด วัตถุอันตราย เครื่องมือแพทย์ ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล และในทางสังคม พี่น้องประชาชนเสียโอกาสในการเข้าถึงยา อาหาร ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพ ที่มีราคาถูกกว่าการนำเข้า มันติดขัดด้วยข้อกฎหมายทั้งหมดที่ล้าสมัย ไม่ทันสมัย เราเกิดความเสียหายอย่างไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่เราพยายามปรับตัวมาตลอด ก็ค่อยๆ ทยอยดำเนินการไปอย่างเร่งด่วน
อย.ในยุคไทยแลนด์ 4.0 นั้น เราสามารถแก้ไขข้อขัดข้องในการดำเนินงาน เพื่อพิจารณาคำขอให้รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถจะลดระยะเวลาดำเนินการสั้นลง มีความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉลี่ยร้อยละ 20 นี่ทำมาหลายปียังลดได้แค่ร้อยละ 20 มันต้องพัฒนาต่อไปจากนี้อีก เพื่อจะเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก 35 วันทำการ ให้เหลือ 28 วันทำการ การขึ้นทะเบียนตำรับยาใหม่ จาก 280 วันทำการ เหลือ 220 วันทำการ
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาในด้านอื่นอีก อาทิ ขยายศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพให้เบ็ดเสร็จ พร้อมจัดทำระบบชำระค่าใช้จ่ายผ่านธนาคารที่เรียกว่า e-Payment และจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็นต้น ทำให้เราสามารถที่จะเคลียร์คำขอคงค้างทั้งหมดได้แล้วเสร็จเมื่อมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา และสามารถดำเนินการอนุมัติคำขอที่มาใหม่ให้แล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้ในคู่มือประชาชนอีกด้วย ซึ่งเราจะพยายามทำให้ไม่มีการตกค้างอีกต่อไป ที่กล่าวมานี้นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการปฏิรูปที่เกิดขึ้นแล้วในรัฐบาลนี้
ทั้งนี้ การปฏิรูปได้ ก็คือ ทำได้ ก็ทำทันที ส่วนอะไรที่ต้องใช้เวลาต้องมีการบูรณาการกันหลายหน่วยงาน ก็ขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตาม และอดใจรอด้วย
พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ เรื่องการปฏิรูป ผมขอทำความเข้าใจกับผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าอะไรคือการปฏิรูป เข้าใจตรงกันหรือไม่ การปฏิรูปก็คือการแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้น สิ่งที่บกพร่องอยู่ หรือจะทำสิ่งใหม่ๆ อันจะทำให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว ไม่ว่าจะกับประชาชนหรือประเทศชาติ เพื่อให้เกิดการพัฒนา มีรายได้กับประชาชน ประเทศชาติก็มีรายได้ที่เพียงพอต่อการพัฒนาเพื่ออนาคตด้วย
รวมความไปถึงในเรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ย้อนกลับไปดูว่าก่อนหน้านั้นเป็นยังไง ก็ไม่อยากให้กลับไปที่เดิมอีก นี่คือปฏิรูปเหมือนกัน การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การสร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ๆ สร้างรายได้ การเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม การลงทุนภาครัฐ ภาคเอกชน การลงทุนร่วม PPP การเปิดประมูลระบบการประมูลใหม่ เรามีช่องทางที่เปิดกว้างสร้างความเข้มแข็ง ตรวจสอบความทุจริตได้ แล้วเราก็ต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำในภาคประชาชน เพื่อจะกระจายรายได้ให้เหมาะสมอย่างทั่วถึง ทุกพื้นที่ ชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด กลุ่มจังหวัด ภาค และประเทศ เราต้องคิดแบบนี้ มันถึงจะทั่วถึง ถ้าคิดเฉพาะฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ มันก็เหมือนเดิม ไปไม่ได้ เราจะต้องปรับปรุงระบบเศรษฐกิจ การทำธุรกิจ ให้มีการสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ เชื่อมโยงไปสู่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัป โอท็อป มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านการขนส่งทุกระบบ ลอจิสติกส์ด้วย และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เรียกว่า เน็ตประชารัฐ อย่างเช่น การกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) กับอีก 10 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตอนนี้ก็ทยอยดำเนินการ ก็เกิดขึ้นตามลำดับไป ที่จะต้องสอดรับกับแผนการพัฒนาของภูมิภาค และเชื่อมโยงกับนานาอารยประเทศ
ในเรื่องของการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราจะต้องมีแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน การจัดสรรที่ดินทำกิน ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ไม่ใช่แจกแล้วเอาไปขายอีก ทำนองนี้ ต้องทำกินอย่างเดียว แล้วก็วันหน้าเราไม่มีป่า เราไม่มีที่ดินเหลืออีกแล้วที่จะให้กับคนรุ่นหลังๆ เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่าอาชีพการเกษตรมันควรจะแค่ไหนอย่างไร จะสอดคล้องกับน้ำเท่าไหร่ที่เรามีอยู่ กับดินที่มีคุณภาพตรงไหน ไม่อย่างนั้นก็สับสนอลหม่านไปหมด และทุกคนก็ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของรัฐบาลก็ทำตรงนี้ เราพยายามเต็มที่ ก็ยังได้ผลไม่เท่าที่ควร ไม่ใช่เพราะเราไม่ทำ มันติดปัญหาเก่าเยอะแยะ เพราะฉะนั้นเราก็กำลังทำอยู่ การจัดหาที่ทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ เกษตรกร เพื่อจะได้ทำมาหากินโดยสุจริต ไม่ผิดกฎหมาย ยืนบนลำแข้งของตัวเอง
ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ก็มีทั้งทำได้ทันที ทำระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก็ต้องเร่งดำเนินการ ตรงไหนทำได้ก็ต้องเร่งทำให้เร็ว แก้ปัญหาทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง เรื่องกักเก็บน้ำเอาไว้สำหรับใช้อุปโภคบริโภค วันนี้เป็นปัญหาสำคัญของเราและของภูมิภาค ของโลกใบนี้ด้วย เนื่องจากสภาวะลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไป
ในเรื่องของการปรับปรุง รักษา ฟื้นฟูคุณภาพดิน ก็ต้องช่วยกันทำ การใช้ปุ๋ย สารเคมี เราก็มีนโยบาย มีการดำเนินการไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังได้รับความร่วมมือค่อนข้างน้อยในเรื่องของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ หลายคนเอาสะดวก หลายคนไม่มีแรงงาน แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป ก็ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เราอาจจะต้องเหนื่อยสักหน่อยในขณะนี้ อย่าหาว่าเราไปรังแกไปแกล้งประชาชน อย่างที่หลายคนเขาเอามาบิดเบือนอยู่ในขณะนี้ เราต้องการให้มีระเบียบในการทำงาน มันก็จะง่ายขึ้นในการที่จะส่งเสริม สนับสนุน ในทุกเรื่องจากรัฐบาลลงไปได้
การจัดระเบียบการปลูกพืชก็สำคัญ ต้องตรงกับความต้องการของตลาด ผมขอย้ำ คำว่า ตลาดนำการผลิต เหมือนกับ การค้าขายออนไลน์ก็เหมือนกัน ถ้าท่านขายมากๆ มันก็มีคนซื้อ ก็ต้องดูปริมาณการที่จะสั่งซื้อออเดอร์เข้ามา แล้วท่านจะผลิตสินค้าประเภทนั้นประเภทนี้เท่าไหร่ ก็กรุณาไปดูด้วย เราจะได้ไม่เสียเปรียบเขา หรือเราจะได้ไม่ตกตลาดเขาไป ไม่มีคนซื้อ เราก็ต้องไปขายทางอื่นอย่างเดียว ก็เหนื่อย ก็ต้องทำทุกอย่าง
ฉะนั้นในเรื่องตลาดนำการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องมีการแสวงหาช่องทางส่งออกสินค้าเพิ่มเติมจากปกติ เช่น อาลีบาบา ที่รัฐบาลนี้ดำเนินการร่วมอยู่ แล้วก็ทางแพลตฟอร์มของรัฐบาลเอง
รวมทั้งการปรับพฤติกรรมการผลิต เช่น การปลูกพืชเชิงผสม ไม่ใช่พืชเชิงเดี่ยวอย่างเดียว มันมีปัญหา ราคาตกต่ำง่าย การทำเกษตรแปลงใหญ่ การทำเกษตรอินทรีย์ การแก้ปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ การปลูกข้าวที่มีคุณภาพ หลายอย่าง หลายกิจกรรม ใน 11 + 2 วาระการปฏิรูปได้กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ อีก 2 อัน ก็คือเรื่องตำรวจ และการศึกษา ใน 11 ก็คือ 11 ด้าน
ที่สำคัญก็คือการปฏิรูปนั้นเป็นกิจกรรมที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และทำอยู่ตลอดเวลา และมีมากมายที่เราทำไปแล้ว และกำลังทำอยู่ เราต้องทำคู่ขนานกัน พร้อมกันในทุกมิติ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ในส่วนยั่งยืนนั้น เราก็ต้องทำต่อเนื่อง ตามยุทธศาสตร์ชาติที่เราวางไว้ 20 ปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิรูป เกิดความยั่งยืน
แต่ระหว่างนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ อย่าไปฟังใครว่ามันปรับไม่ได้ ไปล็อกอนาคต ต้องการจะสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่เลย สืบทอดสิ่งที่เราทำนี่ ทำต่อไปให้ได้หลายอย่างที่ผ่านมานั้น ทำแล้วก็เลิก ทำแล้วก็ไม่ทำต่อ ไม่ทราบว่าใช้หลักการอะไรมาทำ มันก็เลยเป็นอย่างนี้ แล้วพอถึงเวลาที่จะทำใหม่ มันก็ช้าเสียเวลา ถ้าเราทำไปตามยุทธศาสตร์ที่เราวางไว้ มันก็จะสอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคตไปด้วย ในเรื่องของการลดความเสี่ยง ที่เราจะแก้ไขได้ เปลี่ยนแปลงได้ ก็มีทั้งแผนปฏิบัติการ ที่จะต้องมีความยืดหยุ่น แต่ต้องมีแผนแม่บทหลัก ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง ยังไง ทั้งตามความต้องการของแม่บทหลัก และของประชาชน ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งไม่เหมือนกัน เราจะทำแผนแม่บทนี้อย่างไร แล้วก็เดินตามแผนแม่บทเหล่านี้ไป เพราะเป็นความต้องการของประชาชนที่แท้จริง เพื่อจะไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ทั้งประเทศชาติและประชาชน ทุกภาคต้องเจริญเติบโตไปพร้อมๆ กันตามสภาพที่มีอยู่ ประชาชนมีความสุข
เรื่องนี้เราต้องขอความร่วมมือ จากฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ในอนาคตไว้ด้วย ก็อยากให้ดูอย่างต่างประเทศอื่นๆ ที่เขาสำเร็จไปแล้ว ที่เขาเจริญไปแล้วมากๆ อะไรที่เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองและประชาชน เขาก็จะร่วมมือกัน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ทำให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนบรรลุผลสำเร็จ ไม่ใช่อะไรที่ฝ่ายรัฐบาลคิด ฝ่ายค้านก็จะต้องค้านทุกเรื่องไป เพราะเกรงว่าตนจะเสียคะแนนความนิยมอะไรทำนองนี้ คือต่างฝ่ายต่างถือคะแนนความนิยมเป็นหลัก บ้านเมืองก็ไปไม่ได้เพราะมันไปๆ หยุดๆ เดินๆ แล้วก็ถอยหลัง ทำนองนี้ พอเปลี่ยนรัฐบาลก็เริ่มต้นใหม่อีก สรุปว่าไม่เสร็จทั้งเก่าทั้งใหม่ วันนี้เราก็ควรต้องวางไว้เป็นระยะๆ สุดแล้วแต่ว่าท่านจะทำได้อย่างไร เราจะต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะในการเมือง หรือรัฐบาลต่อๆ ไปด้วย
หากเราพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว จะเห็นได้สิ่งที่ผมพูดมาไม่ใช่เป็นเพียงแต่ผมอยากจะพูด เป็นลมปากของผม แต่ผมพูดแล้วผมก็ทำด้วย คิดแล้วก็ทำ คิด พูด ทำ อะไรทำได้ ทำทันที อันไหนที่ใช้เวลา ผมก็อยากจะพูดให้ทุกคนเข้าใจว่าต้องอดทน ต้องรอ หลายคนก็ไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าเอ๊ะ ทำให้เศรษฐกิจมันแย่ลง หรือไม่มีงานทำ หรือไปรังแกคนจน ทำนองนี้ บางทีมันก็พูดเพื่อหวังผลทางการเมือง วันหน้าเขาก็ต้องการจะเข้ามาทำแบบเดิมหรือเปล่าผมไม่แน่ใจนะ หลายอย่างที่ผมทำวันนี้มันจะเกิดผลในรัฐบาลหน้า ก็เป็นรัฐบาลเลือกตั้งของท่านนั่นแหละ เป็นของนักการเมืองอยู่แล้ว ที่จะเข้ามาอย่างถูกต้อง รัฐบาลต่อๆ ถ้าเราเข้าใจกัน สานต่อไปก็จะดีขึ้น ดีกว่าเดิม ยิ่งกว่านั้น การทำ ทุกคนอาจจะไม่ได้สนใจตรงนี้ว่ามันยากง่ายเพียงใด การทำยากกว่าการคิด การพูด หลายท่านก็คิดกับพูด แต่ไม่เคยทำงาน ก็มีแต่หลักการ อีกพวกก็อาจจะไม่เก่ง ไม่ใช่นักวิชาการ แต่ทำงานเป็น และทำสำเร็จ ทำไมเราไม่เอาคน 2 กลุ่มนี้มาทำงานกันให้ได้ คนหนึ่งคิด วางแผน พูด และอีกคนปฏิบัติเป็น ก็นำไปสู่การปฏิบัติ ถ้าร่วมมือกันอย่างนี้มันก็ไปกันได้ ถ้าต่างฝ่ายต่างว่ากันไปว่ากันมา โทษกันมันก็มีปัญหาหมด ติคนมันง่าย แต่ทำมันยากนะ ผมไม่อยากให้เป็นปัญหาของการทำงาน
แต่ปัญหาของเราวันนี้ที่เราเจอมา ผมจำเป็นต้องพูด มันอาจจะเกิดจากความเคยชิน กับความไร้ระเบียบ การไม่ต้องเคารพกฎหมาย มีการปล่อยปละละเลย สะสมมายาวนาน ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้อีกเช่นกันที่ต้องแก้ไขในสิ่งดังกล่าวให้ได้ แล้วเราจะทำให้ดีที่สุด หลายอย่างทำไปแล้วก็รักษาไม่ได้ เพราะประชาชนก็ลืมอีก ลืมง่าย แล้วก็กลับมาทำแบบเก่า ทำแบบเดิมอีก แล้วจะให้ผมทำยังไง
เพราะฉะนั้นปัญหาที่ทับซ้อนก็คือ การสร้างความเข้าใจ ในบรรยากาศของความพยายามที่จะบิดเบือน ชักใบให้เรือเสียบ้าง มือไม่พายเอาเท้าราน้ำบ้าง บางคนก็ยอมเป็นเด็กเลี้ยงแกะ พูดจาไร้เหตุผล ปราศจากหลักฐาน
เรื่องที่มีการกล่าวหาว่ามีการใช้งบประมาณ ทุจริต ใช้วงเงินเป็นหมื่นล้านบาท ผมไม่ทราบเอามาจากไหนเหมือนกัน และเอามาได้อย่างไร ถ้าท่านรู้ท่านต้องบอกมาผมด้วย หรือท่านเคยทำผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ก็ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ต้องอาศัยเวลาและใช้ความพยายามที่มากขึ้น
อีกประการที่เราต้องเข้าใจ คือ แทบทุกการปฏิรูป เราต้องอาศัยการออกกฎหมายใหม่ๆ ยกเลิกกฎหมายเก่าที่ไม่ทันสมัย มันก็ต้องใช้เวลา ปรับปรุงให้เป็นสากล เพื่อจะอำนวยความสะดวกให้เกิดการปฏิรูป มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมได้ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในช่องทางที่เหมาะสมด้วย กฎหมายไม่มีใครชอบ มันต้องมีคนได้และคนเสีย เราทำอย่างไรให้คนได้กับคนเสียเกิดความเป็นธรรม วันหน้าจะได้ไปด้วยกัน
ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ มันใช่อย่างที่มีนักการเมือง พรรคการเมือง นักวิชาการบางคน ออกมาพูดหรือเปล่าผมไม่แน่ใจนะ พูดในเชิงขัดแย้ง กดดัน รัฐบาล และ คสช. พูดดักหน้าดักหลังตลอดเวลา ตลอดระยะเวลา 4 ปีของผมนี่ ผมไม่อยากให้คนไทยทุกคนมองแต่ผลประโยชน์ที่รวดเร็วเหมือนเดิม ได้มากเหมือนเดิมแต่ไม่ยั่งยืนหรอกครับ ไม่ทั่วถึง ไม่เป็นธรรม ก็เหมือนอาจจะเป็นการกระทำที่เรียกว่า ขุดบ่อล่อปลา แล้วก็ให้ปลาทุกตัวว่ายมารวมกัน เสร็จแล้วก็ถูกวิดน้ำให้แห้ง เพราะมีการดูดซึม น้ำรั่วออกมาด้วย ด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน ปลาในนั้นก็จะกลายเป็นเหยื่อ วันนี้ผมอยากจะบอกว่าประชาชนอย่ากลายเป็นปลาหรือเป็นเหยื่อ เพราะเราไปคาดหวังในแหล่งน้ำที่เขาวางแผนไว้ ง่ายๆ ล่อเข้าไป แทนที่จะรับประโยชนฺก็กลายเป็นเหยื่อไปซะเอง
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะฝากให้คิดตามว่า เหตุใดที่รายได้ประชาชนยังไม่ดีพอ ที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง อันนี้ก็มีผลมาจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน เราต้องไปดูว่าเชื่อมโยงกับต้นตอของปัญหาอย่างไร ความเป็นประชาธิปไตยของบ้านเรามีส่วนหรือเปล่า เราทุกคนนั้นถ้าเราหวังให้ทุกอย่างดีขึ้น เราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง และเราทุกคนก็ควรต้องควรยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย เพื่อให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง หรืออาจจะไม่ต้องซื้อนะ เพราะเป็นเสียงติดกับตัวบุคคลไปนานแล้ว แต่มีการ อาจจะหาเสียง ให้ผลประโยชน์ล่วงหน้า ว่าจะสร้างโน่นสร้างนี่ ทำตรงโน้นตรงนี้ให้ มันทำไม่ได้หรอกครับ ในรัฐบาลต่อๆ ไป มันจะต้องทำในสิ่งที่อยู่ในแผน จะต้องทั่วถึง ทุกพื้นที่
เรารู้อยู่แล้วว่าประชาชนต้องการอะไร เพราะข้าราชการก็มีข้อมูล การฟังเสียงประชาชนก็เป็นข้อมูลเสริมเข้ามา แล้วมาพิจารณาว่าเราจะทำอะไรกันต่อไป ไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนมาร้องเรียนด้วยซ้ำไป เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ของข้าราชการจะต้องทำ เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกคนดีมีคุณธรรม เลือกพรรค เลือกคนด้วยนโยบายที่ชัดเจน ใช้เหตุผลในการเลือก ไม่ใช่เลือกใครก็ได้มาเป็นรัฐบาล ด้วยความคุ้นเคย ด้วยความไม่รู้จักคนอื่น หรือด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่สนใจเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทั้งนี้ อาจจะเพียงเพื่อตอบสนองความหวัง ว่าจะมีรายได้ที่ดีขึ้น ด้วยการกระทำแบบเดิมๆ ที่เคยทำได้เหมือนที่ผ่านมา รายได้ดีขึ้นเพราะไม่ต้องระมัดระวังอะไร เช่น จากการปล่อยปละละเลยของการให้มีการกระทำความผิดกฎหมาย มีการทุจริต สังคมขาดความมีระเบียบวินัย เศรษฐกิจบกพร่อง งบประมาณมีปัญหา ไร้ซึ่งระเบียบวินัยการเงินการคลัง โดยไม่มีการวางรากฐานการพัฒนาประเทศ หรือมีการดำเนินการอย่างไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีความร่วมมือระหว่างกัน ไม่มีแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ที่เรียกว่าทำเป็นขั้นเป็นตอน 1-2-3 ไม่เคยพูดถึงการปฏิรูปในสิ่งที่จำเป็น ว่าจะทำอะไรก่อน อะไรหลัง ทุกคนต้องการหมด แต่ทำไม่เป็น จะเอาโน่นเอานี่กันทุกคน แล้วทำได้ไหมล่ะ รัฐบาลพยายามง่ายทำก่อน ยากน้อยหน่อยก็ลำดับสอง ยากมากๆ ลำดับสาม เพราะการปฏิรูปมันต้องทำ 2 ลักษณะด้วยกัน อันแรกก็คือแต่ละหน่วยงานทำเอง อาจจะเป็นเรื่องงานตามฟังก์ชั่นของตัวเอง เขาต้องปฏิรูปของตัวเองจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น
อีกอัน อันที่สองก็คือการปฏิรูปในลักษณะที่เป็นการบูรณาการ หลายหน่วยงานจะต้องมาทำงานด้วยกัน มาทำแผนแม่บท มาทำแผนปฏิบัติการด้วยกัน ใช้งบประมาณด้วยกัน เช่น การบริหารจัดการน้ำ ทำนองนี้ หรือเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอะไรอื่นๆ ที่หลายกระทรวงต้องมาทำร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ มันเกิดขึ้นไม่ได้หรอกครับ บูรณาการอย่างที่ว่า ที่ผ่านมาทั้งหมด ทุกอย่างจะกลับมาที่เดิม
กรณีที่มีข่าวเรื่องการดูด ส.ส. พรรคโน้น พรรคนี้ ผมไม่ใช่นักการเมืองนะครับ ผมทำงานทางการเมืองให้ตอนนี้ แต่ทุกคนทราบดีว่าเรื่องการดูดนี่มีเป็นมายาวนานแล้ว ไม่ใช่มาบอกแต่ คสช.ดูด ผมก็อยู่ตรงนี้อยู่ ผมก็เป็นรัฐบาล ผมก็อยู่ตรงกลางตรงนี้ ที่จะต้องอำนวยการให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้ เป็นหน้าที่ของผมขณะนี้ ฉะนั้นเรื่องการดูดกันมันก็มีทุกพรรคการเมืองมายาวนานแล้ว มันเป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทยตลอดมา หลายคนอาจจะอ้างว่าทำด้วยอุดมการณ์ ด้วยนโยบายเพื่อชาติและประชาชน คำว่าดูด ส.ส. คงเป็นภาษาของสื่อฯ เป็นการตลาด
ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนควรใช้วิจารณญาณได้เองว่าอะไรคือการทำเพื่อส่วนรวม อะไรเป็นการทำเพื่อพวกพ้อง หากเรามีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญเช่นเดียวกันแล้ว ก็น่าจะช่วยกันทำงานได้ เราไม่อาจมองข้ามกันได้ เราจะต้องทำให้นักการเมืองทุกคนที่เข้าสู่ระบบเลือกตั้ง ครั้งหน้านี่เป็นคนที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีธรรมาภิบาล ไม่ว่าจะนักการเมืองเก่า นักการเมืองใหม่ หรือคนที่เคยทำผิดกฎหมาย มีคดี ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม หรือเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง แตกแยกของคนในชาติ คนเหล่านี้ใครควรจะได้รับการเลือกตั้งหรือใครที่ไม่ควรจะได้รับการเลือกตั้ง ก็เป็นเรื่องของประชาชนพิจารณา ผมไปชี้นำไม่ได้
ทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะนำพาประเทศของเราไปสู่ทางออกของปัญหาตามแนวทางสันติวิธี ไม่อยากให้ขัดแย้งกันอีก เพราะต้องแก้ไขด้วยกัน รัฐบาลจะไปสั่ง หรือ คสช. จะไปสั่งให้เลิกทะเลาะกันมันเป็นไปไม่ได้ เพราะอยู่ที่ใจของแต่ละคน
เพราะฉะนั้นเราน่าที่จะปฏิรูปการเมืองทีละขั้นหรือไม่ วันนี้เราไปตั้งหลักกันที่การเลือกตั้งก่อน วันนี้ผมก็สร้างสภาวะแวดล้อมเตรียมการทั้งหมดให้พร้อมที่จะไปสู่การเลือกตั้ง รักษาความสงบเรียบร้อย ก็อย่าให้มันเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นมาระหว่างการเลือกตั้งอีกเลย
ถ้าเราเอาการเลือกตั้งมาเป็นตัวตั้ง เราจะต้องหาวิธี ว่าจะทำอย่างไร ที่จะทำให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ ปัจจุบัน จากความเคลื่อนไหวของนักการเมือง ที่ผมติดตาม ศึกษาอยู่ พรรคการเมือง มีอยู่ 3 ทางด้วยกัน อันที่ 1 ก็คือการเคลื่อนไหวของนักการเมืองใหม่ทั้งหมด อันที่ 2 นักการเมืองเดิม อาจจะที่มีคุณภาพ หลายพรรคต่างๆ ก็มาช่วยกัน อันที่ 3 ก็คือนักการเมืองจากทุกพรรค ทุกกลุ่ม เดิมๆ ที่ไม่ได้แยกย้ายพรรคอะไร พวกนี้ก็จะเข้ามาเลือกตั้งเหมือนเดิม วิธีการเดิมๆ อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจนะ เพราะฉะนั้นหลายคนอย่างที่บอกไปแล้วว่า หลายคนจำเป็นต้องสังกัดพรรคด้วยเหตุผลความจำเป็น คือ เมื่อจะเข้ามาก็ต้องมีการสนับสนุนและ ก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในรัฐบาล แต่เพียงอย่างเดียว อันนี้คงไม่ดี วันนี้ต้องแก้ไขใหม่ ลองไปคิดดูสิว่าเราฝืนข้อเท็จจริงไม่ได้ เรามีนักการเมืองแบบไหนบ้างในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเก่า จะใหม่ จะดี ไม่ดี ก็มีอยู่เท่านี้ เราอาจจะต้องใช้วิธีไหน ผสมกันหรือเปล่า 1 หรือ 2 เราต้องยอมรับความจริงตรงนี้ นักการเมืองใหม่เข้ามาน้อยมาก เราน่าจะอยากได้คณะรัฐมนตรีที่ควรมีนักการเมืองใหม่เข้ามาเติม มาเสริม แล้วมีนักการเมืองเก่าที่ดีๆ หวังดีกับประเทศชาติจริงๆ เข้ามาทำงาน ด้วยความสมัครใจ ทำเพื่อชาติ เพื่อพี่น้องประชาชน มากกว่าจะทำเพื่อพรรคอย่างเดียว
โดยเราทุกคน ประชาชนจะต้องศึกษานโยบาย ท่าที แนวโน้ม การให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองที่มีเจตนารมณ์ ยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปอย่างแท้จริง ที่จะต้องอาศัยเวลาในการปฏิรูป ระยะสั้น กลาง ยาว ต่อไปเรื่อยๆ ตามแผนแม่บท แผนปฏิบัติการ ซึ่งต้องคำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณ และรายได้แผ่นดินด้วย
ปัจจุบันนั้นเราก็ยังมีปัญหาอยู่พอสมควรในเรื่องการจัดหารายได้เพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ในเรื่องของการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน สังคมผู้สูงวัย แรงงาน ซึ่งก็คงจะต้องทำเพิ่มเติม
เราอย่าไปหลงเชื่อว่าการเลือกตั้งอย่างเดียวนั้น ไม่ต้องคำนึงถึงบริบทต่างๆ ทำเหมือนเดิม เลือกเหมือนเดิม ไม่เลือกก็ได้ เราจะไม่สามารถแก้ปัญหาในอดีตได้เลย เราไม่สามารถจะวางรากฐานการพัฒนาในอนาคตได้ ถ้าเราคิดแบบเดิม เราควรให้ความสำคัญในเรื่องนโยบายต่างๆ ของแต่ละพรรคด้วย เพื่อจะให้เกิดการสร้างความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ ก็จะต้องส่งเสริมการเคารพกฎหมาย แก้ไขประเด็นความขัดแย้ง ไม่สร้างความวุ่นวายแตกแยก ไม่อำนวยประโยชน์แก่คนบางกลุ่ม บางพวกเป็นการเฉพาะ หรือบางพื้นที่ เพราะว่าจะไม่ช่วยแก้ปัญหา ยังจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียม ในวันข้างหน้าอีกด้วย
ลองพิจารณาคำกล่าวของผู้นำประเทศหนึ่ง ที่กล่าวว่า "ไม่ว่าแมวขาว หรือแมวดำ ก็ขอเพียงจับหนูได้ ก็คือแมวที่ดี" เนื่องจากในการแก้ปัญหาเดียวกันนั้น แต่ต่างพื้นที่ ต่างสภาพแวดล้อม วิธีการย่อมแต่ต่างกัน ในรายละเอียดไม่มีสูตรตายตัว เพียงแต่ว่าสำหรับเราเองนั้นเราจะต้องทำให้ทั้งแมวขาว แมวดำ ของเรา ไม่ทะเลาะกันเอง ไม่กัดกันเอง และเป็นแมวสะอาด ไม่มีเชื้อโรค ไม่อย่างนั้นก็ไปปราบหนูไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้บ้านเมืองเราสะอาด ต้องใช้แมวที่สะอาดนะ ฝากช่วยกันคิดดู
ขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สวัสดีครับ