xs
xsm
sm
md
lg

“กทพ.”คุมเข้ม “ทางด่วน”ห้ามขับเกิน 80 กม./ชม. โซเชียลฯ ด่าเละ **“โหรวารินทร์”ย้อนเล่นมุกเก่าๆ ถางทาง “รัฐบาลแห่งชาติ” **“กสทช.รักษาการ”ฉลองคำสั่งอยู่ยาว เคาะเกณฑ์ประมูลคลื่นมูลค่านับแสนล้าน **“เสี่ยเปรมชัย”พูดไม่อายฟ้าดิน “ผมไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ใช้สมองส่วนไหนคิด!! “กทพ.”คุมเข้ม “ทางด่วน” ห้ามขับเกิน 80 กม./ชม. ลงทุนติดกล้องจับความเร็ว ซิ่งเกินมีใบสั่งส่งถึงบ้าน โซเชียลฯ ด่าเละ ไอเดียไม่เข้าท่า ไม่เข้าใจหน้าที่ตัวเอง ระวังโดนลูกค้าตอบโต้ พร้อมใจไม่ใช้ทางพิเศษ แล้วจะรู้สึก

ไม่เข้าท่า .. เห็นทาง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ร่อนข่าวประชาสัมพันธ์ เพื่อขอความร่วมมือผู้ใช้ทางพิเศษโปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรและป้ายเตือน ป้ายสัญญาณต่างๆ อย่างเคร่งครัด .. โดยเน้นเป็นพิเศษไปที่เรื่อง การใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือ “ทางด่วนในเขตเมือง”ซิ่งได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. ส่วน “ทางด่วนนอกเขตเมือง”ต้องไม่เกิน 110 กม./ชม. .. พร้อมขู่เสียงดังว่า กทพ.ได้ลงทุนติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติไว้ทั่วทุกจุด หากมีการบันทึกภาพรถที่ซิ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็ต้องถึงมือ “เจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วน” ออกใบสั่งเสียค่าปรับตามไปถึงบ้าน .. ออกมาแบบนี้ เดาไม่ยาก โดนด่าเละ ก็ขึ้นชื่อว่า “ทางด่วน”.. แล้วคนที่เลือกขึ้นก็เพื่อทำความเร็ว หวังจะร่นเวลาการเดินทาง จะให้ไปขับกินลมเต่ากัดล้อหรืออย่างไร .. ที่สำคัญ ไม่ได้ขึ้นกันฟรีๆ วันๆ หนึ่งเสียค่าทางด่วนกันคนละหลายร้อยบาท ..
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร

เชื่อว่าผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่เข้าใจดีถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งข้อกฎหมายต่างๆ แต่ดูเหมือน “การทางฯ”ต่างหากที่ไม่เข้าใจบริบทหน้าที่ของตัวเองมากกว่า .. เพราะการ “กำหนดความเร็ว”(ที่ต่ำเกินความเป็นจริง) มันขัดแย้งกับบริบทใช้สอยของ “ทางด่วน”อย่างสิ้นเชิง .. หนักไปกว่านั้น ช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ทางด่วนของ กทพ. ก็ไม่ด่วนสมชื่อ บางครั้งเป็น “ทางคลาน”ที่ขับด้านล่างยังเร็วซะกว่า แล้วยังมาออกกฎไม่เข้าท่าแบบนี้อีก .. มีหวังได้เห็นมาตรการบอยคอต คนแห่กันไม่ขึ้นทางด่วน แล้วจะรู้สึก .. กระแสแรงขนาดนี้ “บิ๊กการทางฯ”คงอยู่เฉยไม่ได้ ตอนนี้ก็อยู่ในสภาพ “ไร้หัว”เสียด้วย .. หลังเล่นการเมืองภายใน จน “ผู้ว่าฯคนเก่า”ถูกเด้งออกจากตำแหน่ง และเป็น สุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมาย และกรรมสิทธิ์ที่ดิน รักษาการผู้ว่าการฯอยู่ในตอนนี้ .. อาจต้องให้ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กำกับดูแลการทางฯ มาจูนสมองผู้บริหารแถวนี้ซะหน่อยแล้ว.
วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ  และ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
**เจ้าสำนักโยนหิน!! มาอีกแล้ว “โหรวารินทร์”ย้อนเล่นมุกเก่าๆ ถางทาง “รัฐบาลแห่งชาติ”วิเคราะห์เป็นฉากๆ “เพื่อไทย -ประชาธิปัตย์” ไร้น้ำยาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ฟันธง “ทีมลุงตู่”ได้เป็นรัฐบาลต่อเนื่อง

ไม่มีปี่มีขลุ่ย .. จู่ๆ วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดังเจ้าของฉายา “โหร คมช.”ก็ทำตัวเป็น “ก้อนหิน”โยนออกมาถามทางให้ “รัฐบาลทหาร”อีกครั้ง .. กับมุกแผ่นเสียงตกร่อง ชื่อสวยหรูว่า “รัฐบาลแห่งชาติ”ที่เคยปล่อยออกมาหนหนึ่ง เมื่อช่วงปลายปี 2558 แต่จุดไม่ติด .. มาคราวนี้ไม่อ้างนิมิต “หลวงปู่เฒ่าเกวาลันแห่งเทือกเขาหิมาลัย” อะไรให้เสียเวลา จัดการ “วิเคราะห์การเมือง” เป็นฉากๆ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มมีความชัดเจนเรื่องการเมือง และจะกลับมาเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง .. แล้วยังฟันธงล่วงหน้าว่า 2 พรรคใหญ่ “เพื่อไทย - ประชาธิปัตย์” ไม่มีปัญญา จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และจะไปร่วมกันเป็นฝ่ายค้าน .. ส่วนรัฐบาลน่ะเหรอ ยังคงเป็นสัมปทานของคนในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งก็คือ “รัฐบาลลุงตู่” นั่นเอง .. พร้อมทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “เท่าที่ดูการเป็นรัฐบาลแห่งชาติมีความเป็นไปได้สูง” ..

ถอดรหัสคำพูดของ “วารินทร์”แล้ว คงไม่ได้ทำนายทายทักเป็น “ร่างทรงหลวงปู่”หากแต่เป็น “ร่างทรงลุงตู่”มากกว่า .. เพราะเหมือนออกมาแก้ต่างให้ ในประเด็น “พลังดูด คสช.”ที่ไล่จีบก๊วนนักการเมืองอาชีพเข้าคอก อย่างต่อเนื่อง .. เกิดภาพว่า “คนดี” อย่าง “ลุงตู่” ทำไมถึงไปเกลือกกลั้วกับ “นักเลือกตั้ง” ที่ดูน้ำเน่าๆ ได้ จน “คนนินทา หมาดูถูก”ไปทั่ว .. เป็นคิวของ “วารินทร์” ที่ต้องใช้ภาพของหมอดูชื่อดัง พูดในลักษณะทำนายด้วยศาสตร์อันลึกลับ ทั้งที่เป็นแค่ข้อแก้ตัวมากกว่า .. และก็แค่การ “โยนหิน” หยั่งกระแสการไปปฏิสัมพันธ์กับนักการเมือง-นักเลือกตั้ง เพื่อมาสนับสนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งได้ พร้อมอุปโลกน์ขึ้นมาว่า ตัวเองเป็น “รัฐบาลแห่งชาติ”ก็แค่นั้น.
พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร  และ  ฐากร ตัณฑสิทธิ์
** คลื่นร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ!! “กสทช.รักษาการ”ฉลองคำสั่งอยู่ยาว เริ่ม “ปฏิบัติหน้าที่ตามที่จำเป็น”เคาะเกณฑ์ประมูลคลื่น 1800 MHz มูลค่านับแสนล้าน ไฟต์บังคับ DTAC ชิงคลื่นคืน เลี่ยง “ซิมดับ” ส่วน AIS - TRUE ยังสงวนท่าที ด้วยบักโกรกอยู่กับค่าคลื่นงวดก่อน

คงรู้กันอยู่แล้วว่าออกรูปนี้ .. ไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. จรดปากกาเซ็น มาตรา 44 ระงับสรรหา กสทช.ชุดใหม่ .. รวมทั้งทดเวลาบาดเจ็บให้ “กสทช.รักษาการ” ที่มี “บิ๊กอ้อ” พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร เป็นประธาน ทำงานต่อไปพลาง โดยมีคำสร้อยด้วยว่า “ปฏิบัติหน้าที่ตามที่จำเป็น” .. รุ่งเช้ามา “บอร์ด กสทช.” มีนัดตั้งโต๊ะประชุมกันพอดี ราวกับนัดกันไว้ พร้อมคลอดมติไฟเขียวประมูลคลื่น 1800 MHz ออกมาทันที .. มีการแจกแจงรายละเอียดขั้นตอนเสร็จสรรพ นัดเคาะราคากัน วันที่ 4 ส.ค. ด้วยราคาเริ่มต้น 3.74 หมื่นล้านต่อใบอนุญาต ขนาด 15 MHz ซึ่งเป็นราคาสุดท้ายของการประมูลหนก่อน .. โดยงานนี้มีการใช้กติกา “N-1” พูดง่ายๆ ว่า มีผู้ร่วมประมูลกี่ราย ใบอนุญาตที่นำออกมาประมูลก็จะน้อยกว่าจำนวนผู้เข้าร่วม 1 ใบ มากำกับการประมูล .. ผู้เล่นที่มีความพร้อมเข้าประมูล ก็คงหนีไม่พ้น 3 โอเปอร์เรเตอร์ใหญ่ “AIS - TRUE - DTAC ” .. ส่วน “JAS” ผู้สร้างตราบาปให้วงการโทรคมนาคมอย่างไม่ควรให้อภัยนั้น “เดอะน้อย” ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาฯ กสทช.พูดชัดแล้วว่า หมดสิทธิ์เข้าร่วมวงอย่างเด็ดขาด .. เป็นที่รู้กันว่า แมตซ์นี้ ถือเป็น “ไฟต์บังคับ” ของ DTAC ด้วยมีเงื่อนไขสำคัญที่สัญญาสัมปทานระหว่าง DTAC กับ CAT จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.ย. 61 .. แม้ว่าล่าสุด DTAC จะเพิ่งตีข่าวว่า ได้เซ็นสัญญากับ TOT ให้บริการบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ก็ตาม แต่ก็มีข้อจำกัดของช่วงคลื่น ที่ไม่ครอบคลุมการให้บริการได้ทุกรูปแบบ .. ส่งผลให้ DTAC ยังมีความจำเป็นต้องเข้าประมูล และต้องชนะการประมูลอย่างน้อย 1 ใบอนุญาต เพื่อให้การโอนถ่ายสัญญาณที่จะหมดสัญญา เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ..

DTAC น่ะเข้าแน่ แต่ AIS - TRUE ที่ตอนนี้ถือว่า มีคลื่นในมือเพียงพออยู่แล้ว ยังสงวนท่าทีอยู่ .. ด้วยจนป่านนี้คำสั่ง มาตรา 44 ช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคมจะไม่มีวี่แววว่าได้ฤกษ์คลอด ด้วยถูกข้อครหา “เอื้อนายทุน” ค้ำอยู่ .. ทำเอาแผน “ยื่นหมูยื่นแมว” ที่จะให้ความช่วยเหลือการจ่ายคลื่นงวดก่อน AIS - TRUE แลกกับการที่ 2 ค่ายยักษ์ ร่วมวงประมูลคลื่นรอบใหม่ ก็เลยยังเป็นหมันอยู่ .. แต่หากเข้าประมูลจริง ก็ต้องถามว่า AIS - TRUE มีความจำเป็นในการสู้ราคามากน้อยแค่ไหน อย่างที่บอก คลื่นที่มีตอนนี้ก็ยังล้นๆ มือ แถมเป็นภาระผูกพันที่ไปกระทบการดำเนินธุรกิจเสียด้วย .. หากคิดจะเข้ามาเคาะเล่นๆ เพื่อบีบ “ค่ายสีฟ้า” ให้จ่ายแพงที่สุด ก็น่ากลัวจะเจอทีเด็ด “นายฝรั่งค่ายสีฟ้า” ตีธงถอยเหมือนรอบก่อนๆ สุ่มเสี่ยงติดดอย ค้างเติ่งกันไปอีก .. หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือจาก คสช. ออกมา AIS - TRUE ก็คงเซย์กูดบาย ปล่อย DTAC ไปนั่งเคาะราคาเพียงลำพัง ด้วย กสทช. มีข้อยกเว้นในกรณีผู้เข้าประมูลรายเดียวไว้แล้ว .. หรือหากมีการช่วยเหลือพักชำระค่าคลื่นออกมาจริง AIS - TRUE ก็คงแค่เช็กชื่อ เพื่อให้ครบองค์ประกอบ แล้วปล่อยให้ DTAC เคาะราคาตามใจชอบ เพื่อรักษาหน้ารัฐบาล คสช. และ กสทช. เท่านั้น .. ตามรูปการณ์นี้เหมือน “ค่ายสีฟ้า”น่าจะทางสะดวก แต่แว่วมาว่า ถึงเวลาจริง อาจจะจะมี “ไอ้โม่ง”ทำให้การประมูลคลื่นต้องล้มครืน .. เพื่อให้ลักลั่นกับ ดีเดย์ DTAC หมดสัมปทานกลางเดือน ก.ย. จนอาจเข้าสู่โหมด “ซิมดับ” และต้องเสียงฐานลูกค้าให้เจ้าอื่นๆ .. จริงไม่จริง คอยดูกันไป.
เปรมชัย กรรณสูต  และ  ศศิน เฉลิมลาภ
**ทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ!! “เสี่ยเปรมชัย”พูดไม่อายฟ้าดิน “ผมไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา”พร้อมคุยโวคำโต “ทุกกรมทุกระทรวงมีแต่คนเห็นใจ”ฟุ้งไม่กระทบโครงการสัมปทานงานรัฐ ทั้งที่ควรโดนแบล็กลิสต์ สะท้อนมุมมอง “รัฐข้าราชการ”ที่ไม่ให้ค่าธรรมชาติ-สิ่งแวดล้อม

ไปมุดอยู่รูไหนมาไม่ทราบ .. “พรานเจ้าสัว”เปรมชัย กรรณสูตร เบอร์หนึ่งอิตาเลียนไทยฯ จำเลยในคดีล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ถึงพูดออกมาได้ว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด .. ก็หลักฐานมัดตัวอยู่ทนโท่ มีคดีความเป็นหางว่าวนับสิบข้อหา ขนาดตำรวจที่ดูจะเข้าข้าง ยังช่วยเป่าคดีไม่ออกเลย .. เรื่องที่ว่า ไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา พูดประมาณว่า ตื่นขึ้นมาก็ถูกจับ ทำราวกับ “เสือดำ”วิ่งมาชนลูกปืนอย่างไรอย่างนั้น .. ก็เป็นธรรมดาของ“ผู้ร้าย” ที่ไม่มีใครยอมรับว่าทำผิด ด้วยอาจส่งผลต่อรูปคดีในชั้นศาล .. แต่ที่บอกว่า มีแต่คนเห็นใจ ก็ต้องถามว่า ไอ้คนที่เห็นใจนี่มันเป็นใคร มีผลประโยชน์อะไรกับคุณ .. หรือเลือกฟังเฉพาะที่อยากฟัง ที่สังคมไทยค่อนประเทศ พิพากษาคุณไปเรียบร้อยแล้ว กลับไม่สนใจ .. เวลาเยียวยาทุกสิ่ง “เสี่ยเปรมชัย” คงลืมอารมณ์ที่ทำหน้าละห้อย ออกปากขอโทษ ขอโพยสังคม เมื่อตอนเกิดเรื่องใหม่ๆไปหมดแล้ว .. แต่จำไว้อย่าง เรื่องแบบนี้คนไทยจำแม่น พูดจา “ล่อเป้า” แบบนี้ก็ดี เหมือนเป็นการปลุกระแสให้คนกลับมาสนใจ ..

ส่วนเรื่องที่ยืนยันต่อที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ว่าจะทำหน้าที่ “บิ๊กบอส”ต่อไป คงเป็นเหตุผลเชิงธุรกิจของครอบครัว คนนอกคงเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ .. แต่ “คนใน”อย่าง “ผู้ถือหุ้น” ต้องตระหนักว่า “บิ๊กบอส”ทำผิดจรรยาบรรณผู้บริหารที่เขียนไว้สวยหรูในเอกสารบรรษัทภิบาลของบริษัทอย่างชัดเจน .. ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้น ก็การที่ “เสี่ยเปรมชัย”คุยโวว่า คดีฆ่าเสือดำ ไม่กระทบกิจการใดของอิตาเลียนไทย โดยเฉพาะในส่วนของที่รับสัมปทานจาก “รัฐบาลไทย” .. นอกจากไม่มี “แบล็กลิสต์”อะไรตามที่สังคมเรียกร้อง “มาตรการแซงชั่น”แล้ว ยังปล่อยให้ “คนร้าย” มาคุยโวเสียอีกว่า “ทุกกรมทุกระทรวงมีแต่คนเห็นใจ” .. จนอยากรู้เหลือเกินว่า คนที่เห็นใจ “พรานเจ้าสัว”ที่มีเจตนาร้าย ขนอาวุธครบมือเข้าป่าล่าสัตว์ มีใครหน้าไหนบ้าง .. คงเป็นตามที่ "ศศิน เฉลิมลาภ" แห่งมูลนิธิสืบฯ ว่าไว้ “เขามั่นใจในคอนเนกชั่นของเขา” จนน่ากลัวจะนำไปสู่การต่อสู้คดีด้วย “เทกนิกทางกฎหมาย” .. แล้วประโยคที่ว่า “ทุกกรมทุกระทรวง มีแต่คนเห็นใจ” มันยิ่งประจานให้เห็นมุมมองความคิดของ “รัฐข้าราชการ” ต่อเรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติ-สิ่งแวดล้อมอย่างไร .. ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่าเสือดำ หรือปมร้อนๆ ล่าสุดอย่าง “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ที่ดูจะตีมูลค่าความรู้สึกของ “นายทุน - ผู้หลักผู้ใหญ่” มากเสียกว่าความเสียหายทางธรรมชาติ ที่ประเมินค่าไม่ได้.


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น