ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ใครฆ่าเสือดำ!?“เปรมชัย”ตอบเต็มปาก“ไม่ครับ”สวนคำถามจี้ใจดำ อย่าลืม“วัตถุพยาน”ในแคมป์ที่เกิดเหตุ ฟ้องชัด 4 ผู้ต้องหามีส่วนร่วมในโศกนาฏกรรมสังหาร-ชำแหละ“เสือดำ” อย่างน้อยข้อหา"เจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่า" คงหนีไม่พ้น
ขอโทษพร่ำเพรื่อ .. เปรมชัย กรรณสูต เสี่ยใหญ่อิตาเลียนไทย ผู้ต้องหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เอ่ยปาก“ขอโทษสังคม”อีกครั้ง ระหว่างไปถูกนำตัวไปยื่นฝากขังเพิ่มใน 3 ข้อหา ซึ่งก็ปฏิเสธทุกข้อหาตามสเตป .. หากจำกันได้ “พรานเจ้าสัว”เคยเอ่ยปาก“ขอโทษสังคม”แล้วครั้งหนึ่ง ผ่านสายโทรศัพท์ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ .. การเอ่ยปาก “ขอโทษ”ซ้ำสอง ก็หาใช่ว่าด้วยความสำนึก เพราะยังมีคำพูดที่ว่า "ไม่ครับ" หลังเจอคำถามจี้ใจดำว่า ยังยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าเสือดำ ใช่หรือไม่ พร้อมขอรอให้ความจริงปรากฏในชั้นศาล .. เข้าล็อกมุกที่แซวกันทั่วบ้านว่า “เสือดำ”คง ทะเร่อทะร่า วิ่งไปชนกระสุนสังหารเองกระมัง .. แม้ว่า“เสี่ยเปรมชัย”จะไม่ยอมรับว่าเป็นมือสังหาร หรือยืนกรานต่อหน้าศาลอย่างไร .. หากแต่“วัตถุพยาน”ที่พบในแคมป์ที่เกิดเหตุ ก็ฟ้องชัดว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีส่วนร่วมในโศกนาฏกรรม สังหาร-ชำแหละ “เสือดำ”ไม่มากก็น้อย .. ไล่เรียง 4 ผู้ต้องหา "บอสใหญ่" เป็นใครไม่ได้นอกจาก“เจ้าสัวเปรมชัย”ที่อีก 3 คนต่างเรียกติดปากว่า“นายเปรม” .. อีกทั้งยังมี“รสนิยมส่วนตัว”ที่รู้กันทั่วในวงการ และเชื่อว่า“เสือดำ”ไม่ใช่สัตว์ป่าศพแรก ที่ถูก“ทีมเปรมชัย”สังหาร .. บวกกับ “ปืนยมทูต”หรือปืนในที่เกิดเหตุก็ชื่อ“เปรมชัย”ทั้งหมด และมีข่าวว่ามี ดีเอ็นเอ ติดอยู่อีกต่างหาก ดูตามรูปการณ์ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “เปรมชัย”คือ “ผู้ต้องสงสัย No.1” ..แม้ว่าจะมี “ลูกเล่น”ในการหาช่องทางกฎหมาย หรือการให้ “ลูกน้อง”เป็น “แพะ”รับสารภาพว่าเป็น“ผู้เหนี่ยวไก”
แต่ก็อย่าลืมว่า ข้อหาสำคัญที่ทางตำรวจทำสำนวนเสร็จลอตแรก 9 ข้อหานั้น คือ “เจตนาร่วมกันล่าสัตว์ป่า”ที่ทางมูลนิธิสืบฯ โดย ศศิน เฉลิมลาภ เกาะติดมาตลอด .. น่าจะเป็นแรงกดดันที่ทำให้ตำรวจภายใต้การนำของ “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สรุปสำนวนรวดเร็วน่าชื่นชม แต่จะแข็งแรงไหม ก็อีกเรื่อง .. ตีความตามตัวอักษร “ร่วมกัน”คงไม่จำเป็นต้องลงมือเอง แค่รู้เห็นเป็นใจ โทษทัณฑ์ก็หนักเอาการอยู่ .. ถึงสุดท้ายจะจับมือดมไม่ได้ว่า ใครเป็นผู้ลั่นไก ใครเป็นมือชำแหละ และใครต้มยำ ทำแกง “เสี่ยเปรมชัย”ก็ “ร่วมกัน”อยู่ในที่เกิดเหตุอยู่ดี .. เห็นว่าศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศแล้วด้วย คิดจะไปอีกที หนนี้คง“ทางธรรมชาติ”เท่านั้น .
**งัดแผนสำรอง!! ศึกสัประยุทธ์ ชิงเก้าอี้ กสทช. คุม "อาณาจักรแสนล้าน" ยกแรก“ทีมน้อย”ทิ้ง “ทีมน้ำ”อื้อ ฝ่ายเป็นรองงัดแผนสอง“มังกรซ่อนน้ำ”ตามสูตร 4+1 ส่งโผเดิมผ่านมือ “บิ๊กมังกร”ว่าที่ประธาน เข้า“บ้านใหญ่ - ตึกไทยฯ”หากสูตรลงล็อก “ฐากร”หลุดเลขาฯ “แม่ข่ายทีมน้ำ”พร้อมเสียบแทน
เสียรังวัดไม่น้อย .. เมื่อ “ศาลปกครองกลาง”พิพากษาให้ “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล”ชนะ กสทช. ในคดีขอบอกเลิกสัญญา“ทีวีดิจิทัล”ได้ .. ไม่ต่างจากการจุดพลุเป็นสัญญาณให้ เจ้าของช่องทีวีดิจิทัล อื่นๆ ปลดล็อกบ่วงคอ ที่ทนขาดทุนบักโกรกมาตั้งแต่ประมูลได้ เมื่อปี 2557 นู่น .. หากแต่การที่ “กิจการโทรทัศน์”ดูมีปัญหา ก็ไม่ได้ทำให้“เก้าอี้ กสทช.”ที่กำลังสรรหารอบไฟนอลอยู่ตอนนี้ ลดความหอมหวานลงแต่อย่างใด .. นอกจากเงินเดือน-ค่าตำแหน่ง เดือนละตก 3 แสนบาท ทริปทัวร์ดูงานทั่วโลกแบบอันลิมิตแล้ว .. อำนาจในการกำกับดูแล“ขุมทรัพย์”อย่าง“กิจการโทรคมนาคม”ที่ยังมีคิวประมูลอีกเพียบ มูลค่า “หลายแสนล้านบาทไทย”ต่างหาก ที่น่าคบหากว่าเป็นไหนๆ .. เคยชำแหละไปแล้วว่า การสรรหา กสทช. รอบสุดท้ายจาก 14 คน ให้เหลือ 7 คน เข้าวินครอง“อาณาจักรซอยสายลม”..เป็นการสัประยุทธ์ "ทีมน้อย- ทีมน้ำ" เพื่อชิงความเป็นใหญ่ "อาณาจักรแสนล้าน" .. โดย “แม่ข่าย”ทั้ง 2 ทีม ต่างเป็น“ขาใหญ่”ใน กสทช.ปัจจุบันทั้งคู่ แง่หนึ่งก็เรื่องการกำกับผลประโยชน์มหาศาล อีกแง่ก็เพื่อให้ “คนใหม่”เข้ามาเก็บกวาดขยะที่ตัวเองซุกอยู่ บรรดาคดีร้องเรียนที่ทั้งคู่มี เป็นหางว่าว .. ประเดิมฟอร์มล่าสุด ดูท่า “ทีมน้อย”ดูจะมีภาษีเหนือกว่า ทั้งมีแบ็กหนาอย่าง “บ้านใหญ่”ทั้ง “แม่ข่าย”ยังมีเก้าอี้ทำงานอยู่ค้ำอำนาจที่“อาณาจักรซอยสายลม”ต่อ ด้วยมีวาระเหลืออีก 2 ปีกว่าๆ .. ส่วน “ทีมน้ำ”เก้าอี้กำลังหลุดหลังได้ชุดใหม่ แถมจูนไม่ติดทั้ง“บ้านใหญ่”และ “ตึกไทยคู่ฟ้า”ที่สู้อุตส่าห์ฝากฝังอนาคตไว้กับ “ทีม เสธ.หน้าห้อง”ที่เป็นรุ่นน้อง ที่โรงเรียน
.. เมื่อบู๊กันซึ่งหน้า ทำท่าจะสู้ไม่ได้ “ทีมน้ำ”ก็เลยงัดแผนสอง“มังกรซ่อนน้ำ”ตามสูตร 4+1 หวังถือเสียงข้างมากใน“ซุ้ม กสทช.” .. อาศัยความที่เคยเป็น “ลูกน้องเก่า”ของ พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ อดีตเจ้ากรมทหารสื่อสาร ผู้เข้ารอบสุดท้าย ด้านกิจการโทรทัศน์ ..“แม่ข่ายทีมน้ำ” ก็เลยขอหลบมาเป็นผู้ตาม ใช้วิธียัดโผใส่”บิ๊กมังกร”ที่ว่ากันว่า หากหลุดเข้าไปได้ เก้าอี้ประธาน กสทช. แบเบอร์ ด้วยลิ้งก์ได้กับทั้ง“บ้านใหญ่ - ตึกไทยฯ”เป็นรุ่นพี่ที่ นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ค่อนข้างเกรงใจ .. ส่วนลูกทีม ก็มี "พ.อ.กฤษฎา เทอดพงษ์-อธิคม ฤกษบุตร-พ.อ.อนุรัตน์ อินกัน" รวมเป็น 4 และหาตัวแปรอีกหนึ่ง เข้าสูตร 4+1 แพ็กกัน 5 เสียง เอาชัวร์ในที่ประชุมไว้ก่อน .. อีกหนึ่งที่ “ทีมน้ำ”กำลังใช้พื้นเพ“คนปักษ์ใต้” ด้วยกันไปตามจีบ เห็นว่าเป็น วรรณชัย สุวรรณกาญจน์ แคนดิเดต ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคฯ ที่นอนมา ด้วยคู่เทียบติดหล่ม“คุณสมบัติต้องห้าม”.. หากลงล็อก สูตร 4+1 ที่เดินเกมแรงอยู่ “แม่ข่ายทีมน้ำ”ก็เตรียมเดินเกมต่อ ให้ กสทช.ชุดใหม่ เปลี่ยนตัว "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" ออกจาก เลขาฯ กสทช. โดยที่ตัวเองจะยอมลดชั้น ไปทำหน้าที่ “แม่บ้าน กสทช.”เอง .. เป็นความคืบหน้าล่าสุด ศึกสัประยุทธ์ "ทีมน้อย- ทีมน้ำ" ที่สิทธิ์ขาดตัดสินใจอยู่ที่ "สนช." ที่ตอนนี้
พร้อมโหวตทุกเวลา .. รอก็แต่สัญญาณจาก“ตึกไทยฯ”มาถึง “บิ๊กเจี๊ยบ”พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ วิป สนช. คนดัง ก็ตีธงให้นำเข้าวาระประชุมได้ เลย.
**ล็อกดีไม่มีหลุด!! เปิดเล่ห์งานประมูลรัฐ งานใหญ่ขยายสนามบินขอนแก่น อัปผลงานผู้รับเหมาสูงผิดปกติ เอื้อ“ทุนใหญ่”ชัด ปิดตายโอกาส“ทุนเล็ก” ส่วนงานพีอาร์ สปสช. เขียน ทีโออาร์ ใช้สื่อหลักที่มียอดติดตาม 10 ล้านไลค์ ขึ้น เหมือนประเคนงานให้“สื่อหัวแดง”
ช่วงกอบโกยที่แท้จริง .. นอกจากทุจริตไร้ยางอาย ด้วยทริกปลอมเอกสาร ทั้ง“กระทรวงนักบุญ - กระทรวงครู”ที่เหมือนเอาเท้าลูบหน้า “รัฐบาลปราบโกง”แล้ว .. กลโกงสุดคลาสสิก อีกกระบวนท่าก็หนีไม่พ้น “ล็อกสเปก”ที่ทำกันเหมือนเป็นมรดกตกทอดของ“รัฐข้าราชการ”.. งานใหญ่-งานเล็ก พวกไม่สน ขอล็อกเอาให้แน่ ไม่เพื่อพวกพ้องตัวเอง ก็ต้องนายทุนเงินหนาที่มี “ค่าน้ำร้อน-น้ำชา”ถึง .. ทั้งงานใหญ่ระดับการปรับปรุง “สนามบินขอนแก่น”ยกระดับสู่สนามบินนานาชาติ ของกระทรวงคมนาคม มูลค่า 2.25 พันล้านบาท .. ก็เกิดข้อพิรุธขึ้นใน“ทีโออาร์”ที่กำหนดผลงานของผู้เข้าร่วมประกวดราคา ว่าต้องเคยผ่านงานไม่ต่ำกว่า 9 ร้อยล้านบาท ที่คิดเป็น 40% ของมูลค่าโครงการ .. เบื้องแรกก็คิดว่าเป็นความหวังดีของ “ผู้ร่างทีโออาร์”ที่คงต้องการผู้รับเหมาโปรไฟล์ดี เข้ามาทำงาน .. ทว่าตามจริงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดผลงานฯ นั้น ระบุให้เริ่มต้นได้ตั้งแต่ 25% .. และโดยปกติทั่วไป งานของราชการ และงานเกี่ยวกับสนามบินทั่วประเทศ ก็มักจะกำหนดผลงานอยู่ที่ ระดับ 25-30% ไม่เกินนี้ .. พองาน “สนามบินขอนแก่น”ถีบไปถึง 40% ของมูลค่าโครงการ แม้จะไม่ขัดระเบียบ แต่ทำเอาผู้รับเหมาหลายราย ถึงกับร้องจ๊าก แบบนี้มันกีดกัน ไม่ให้ลืมตาอ้าปากกันชัดๆ ..
ด้วยมูลค่าผลงานขนาดนี้ กวาดตาดูทั้งประเทศ มีไม่เกิน 4-5 เจ้า ไม่พ้น “ทุนใหญ่”บรรดา 5 เสือรับเหมาทั้งหลาย ปฏิเสธไม่ได้ว่า จงใจเอื้อทุนใหญ่เห็นๆ .. หรือจะอย่าง“งานเล็ก”โครงการเผยแพร่ความสำเร็จการดำเนินการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติผ่านสื่อออนไลน์ยอดนิยมประจำปี 2561 งบจิ๊บๆ 1.5 ล้านบาท ของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่เอาเข้าระบบ“อีอ๊อกชั่น”ประมูลงานกันทางออนไลน์ .. ดูไปดูมา ก็โปร่งใสดี ด้วยใช้ระบบประมูลกันบนโต๊ะ ไม่ใช่ “วิธีพิเศษ”อย่างที่นิยมกัน .. เนื้องานไม่มีอะไรมาก แค่ลงสกู๊ปพิเศษ-บทความผ่าน“สื่อหลัก” .. แต่ก็ไปสะดุดอีกตรง“ทีโออาร์”ที่เขียนใส่ไว้ในหัวข้อ“รายละเอียดคุณสมบัติพิเศษ”ประมาณว่า ต้องเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ ที่มียอดจำหน่าย Top5 ของประเทศ มียอดติดตามช่องทาง Social Media ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านไลค์ .. พวกเล่นแบบนี้ มันก็โคตะระเจาะจง ก็รู้กันทั้งบางว่า เพจที่คนติดตามระดับ 10 ล้าน ในไทยแทบนับนิ้วได้ แล้วถ้าเป็น“สื่อหนังสือพิมพ์”ก็มีอยู่หัวเดียว ที่ทั้งซื้อ-ทั้งปั่น จนทะลุ 10 ล้าน .. เขียนทีโออาร์แบบนี้ ก็ไม่ต่างจาก“ล็อกสเปก”เอางานไปประเคนให้ถึงประชาชื่น .. ถ้ามาไม้นี้ ก็กล้าๆใช้“วิธีพิเศษ”จิ้มเลือกไปเลยดีกว่า อย่าทำมาเหนียมๆ อ้อมๆ แบบนี้เลย.
ช.ชฎา