“เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” เฮ! ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ กสทช.คืนเงินแบงก์การันตีกว่า 1,500 ล้าน เหตุไม่ปฏิบัติตามสัญญาชี้ชวนทีวีดิจิตอล แต่ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายเพราะดำเนินกิจการขาดทุนเอง เจ้าตัวพอใจหลังทุกข์หนักหลายปี ระบุหลายคนเกือบฆ่าตัวตาย เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอค่าเสียหาย 700 ล้าน
วันนี้ (13 มี.ค.) ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาในคดีที่บริษัทไทยทวี จำกัด โดยนางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และสำนักงานกสทช. เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้การประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลของบริษัทไทยทีวี เป็นโมฆะทั้งหมด และเพิกถอนหนังสือ กสทช.ฉบับลงวันที่ 28 พ.ค. 58,ฉบับลงวันที่ 5 มิ.ย. 2558 ที่ให้บริษัทไทยทีวีชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่งวดที่สองและฉบับลงวันที่ 22 มิ.ย. 2558 ที่ยกเลิกให้บริษัทไทยทีวีได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่พร้อมกับให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ให้ใช้คลื่นความถี่ และให้สั่ง กสทช.คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพจำนวน 16 ฉบับลงวันที่ 10 ก.พ.57
โดยศาลปกครองกลาง พิพากษาว่า การที่กสทช.ไม่สามารถดำเนินการให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินได้ระบบดิจิตอลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศให้แล้วเสร็จก่อนจัดการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล เป็นเหตุให้บริษัทไทยทีวีฯเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ตามประกาศสำนักงานกสทช.และเป็นผู้ชนะประมูลและได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ประกอบกิจการโทรทัศน์ 2 ช่องคือ ไทยทีวี และโลก้า ไม่สามารถถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลได้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ตามประกาศเชิญชวนของสำนักงานกสทช. และตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ เมื่อกสทช.และสำนักงานกสทช.ไม่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ตามกฎหมาย บริษัทไทยทีวีจึงมีสิทธิบอกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ทั้งสองช่องรายการ
ส่วนเมื่อบริษัทไทยทีวีบอกเลิกใบอนุญาตแล้วจะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตหรือไม่เห็นว่า เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่าบริษัทไทยทีวีมีสิทธิบอกเลิกใบอนุญาตฯแล้ว และบริษัทได้ดำเนินการชี้แจงการยุติการให้บริการให้ประชาชนได้รับทราบผ่านหน้าจอโทรทัศน์ทั้งสองช่องรายการตลอดวันเป็นเวลา 30 วันตามหลักเกณฑ์ของกสทช.แล้วจึงมีผลเป็นการบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ซึ่งก็บัญญัติว่าเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม แต่ส่วนเป็นการงานที่ได้กระทำให้และเป็นการยอมให้ใช้ทรัพย์นั้นการจะชดใช้คืนทำได้ด้วยเงินตามควรค่าแก่การนั้นๆ หรือถ้าในสัญญามีกำหนดว่าให้ใช้เงินตอบแทนก็ให้ใช้ตามนั้น ดังนั้นบริษัทไทยทีวีฯจึงต้องคืนคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาตให้กสทช. โดยไม่สิทธิเผยแพร่ออกอากาศรายการโทรทัศน์ทั้ง 2 ช่องอีกต่อไป และต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในงวดที่ 2 รวม ดอกเบี้ยผิดนัดร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่ได้ดำเนินการไปก่อนการบอกเลิกใบอนุญาตในวันที่ 25 พ.ค. 58 เป็นเงิน 288,472,000 บาท แก่กสทช.
ส่วนหนังสือค้ำประกันธนาคารกรุงเทพลงวันที่ 10 ก.พ. 57 จำนวน 16 ฉบับ ซึ่งเป็นการค้ำประกันชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแต่ละงวดๆนั้น เมื่อการบอกเลิกสัญญาเป็นไปโดยชอบแล้วก็ไม่จำเป็นต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตหลังการบอกเลิกสัญญาในงวดที่เหลือนับแต่วันที่ 25 พ.ค. 58 ดังนั้น กสทช.ย่อมไม่มีสิทธิยึดหน่วงหนังสือคำประกันดังกล่าวไว้ จึงพิพากษาให้คืนหนังสือค้ำประกันที่เกินงวด 1,2 ให้กับบริษัทไทยทีวีฯ หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้จำนวนเงินตามหนังสือค้ำประกันที่ไม่สามารถคืนได้ให้กับบริษัทไทยทวีฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุดและคืนค่าธรรมเนียมศาลบางส่วนตามส่วนการชนะคดีให้แก่บริษัทไทยทีวีฯ
สำหรับที่บริษัทไทยทีวีขอให้กสทช.ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 713,828,282.94 พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนั้น ศาลเห็นว่าการดำเนินการล่าช้าของกสทช.ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้บริษํทไทยทีวีประสบภาวะขาดทุน แต่ความเสียหายเกิดขึ้นมาจากการดำเนินธุรกิจปกติ กสทช.จึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้
นางพันธุ์ทิพา ให้สัมภาษณ์หลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่าพอใจที่ศาลชี้ว่า กสทช.ทำผิดจริง ทำให้คนทั้งประเทศรู้ว่า กสทช.ทำผิดจริง ซึ่งศาลให้ กสทช.คืนแบงค์การันตีให้บริษัทไทยทีวีในงวดที่สาม สี่ ห้าและหก มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท แต่ศาลไม่ได้ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 700 ล้านบาทตามที่ขอไป จึงจะยื่นอุทธรณ์เพิ่มเติมในส่วนนี้ โดยมั่นใจว่ามีเอกสารที่ชี้ให้เห็นว่า กสทช.ทำผิดสัญญาจนทำให้เกิดความเสียหาย
"เชื่อว่าเราไม่ใช่คนที่ไม่เก่ง ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ หรือไม่มีสายป่านขาดทุนแล้วจึงเลิก แต่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนเก่ง มีความสามารถ เพียงแต่สิ่งที่ กสทช.ทำไม่ได้เอื้อและเป็นอุปสรรคจนทำให้เกิดความเสียหาย ประวัติการทำธุรกิจเกือบสี่สิบปีไม่เคยขาดทุนแม้แต่บาทเดียว ทำไมเราจึงจะมาโง่วันนี้ กลายเป็นคนมองธุรกิจไม่เป็น อ่อนแอ เป็นเรื่องที่กระทบภาพลักษณ์มาก การสู้วันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่สู้เพื่อประชาชน ซึ่งตอนนี้ช่องอื่น ๆ ก็ลำบากหมด บางคนครอบครัวแตกแยกถึงขนาดเกือบฆ่าตัวตาย ซึ่งล้วนเกิดจากการกระทำของกสทช.ทั้งสิ้นถือว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง และแม้ว่า
กสทช.ชุดที่อนุมัตเรื่องทีวีดิจิตอลจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น" นางพันธุ์ทิพา กล่าว
ด้านนายสมบัติ ลีลาพตะ ผอ.สำนักกฎหมายกสทช. ทางกสทช.จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน เนื่องจากเห็นว่าศาลยังไม่ได้นำข้อเท็จจริงบางส่วนมาประกอบการพิจารณาเช่นรายละเอียดในหนังสือชี้ชวน ที่กำหนดว่าโครงข่ายจะมีการขยายได้ปีละเท่าใดและกรณีที่บ.ไทยทีวีอ้างว่าโครงข่ายของกรมประชาสัมพันธ์มีปัญหาแต่จริงๆทางไทยทีวีใช้โครงข่ายของผู้ประกอบการรายอื่น