รองนายกฯ ยกคดี “ติ๋ม ทีวีพูล” เป็นบรรทัดฐานให้ กสทช. จะปฏิบัติอย่างไร หากมีคนขอเลิกสัญญาอีก แจงนัดหารือพรุ่งนี้ก็ยังสรุปไม่ได้ ต้องคุยนายกฯ ก่อน พร้อมให้เป็นหน้าที่ ป.ป.ท. สอบโกงเต็มที่ รบ.ไม่ต้องส่งคนร่วม
วันนี้ (14 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือติ๋ม ทีวีพูล ชนะคดีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะเป็นบรรทัดฐานให้ทีวีดิจิตอลอื่นๆ ใช้วิธีนี้หรือไม่ว่า จะเป็นบรรทัดฐานต่อฝ่ายทีวีดิจิตอลหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะมีทั้งข้อดีข้อเสีย คือมีทั้งกำไรและขาดทุนกับการที่คุณจะทำอย่างนั้น แต่เรื่องนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้แก่ฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะ กสทช.ว่าถ้ามีคนมาขอยกเลิกสัญญาหรือขอถอนตัวออกไปจะต้องปฏิบัติอย่างไร แบ่งงวดกันอย่างไร
เมื่อถามว่า ทาง กสทช.จะยื่นอุทธรณ์ใน 30 วัน ในขณะที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลก็จะต้องจ่ายเงินงวดถัดไปในเดือน พ.ค.นี้ด้วย ตรงนี้จะต้องรอฟังศาลปกครองสูงสุดก่อนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าสมมติเขามีการอุทธรณ์ไปที่ศาลปกครองสูงสุด ทุกอย่างเมื่อศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุดก็ต้องรอก่อน ยังไม่จ่าย แต่ส่วนเรื่องการบังคับคดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่าท่านที่รองฯจะเชิญตัวแทนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล หารือในวันที่ 15 มี.ค.จะได้ข้อสรุปหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นการหารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องขอความช่วยเหลือ ขอความเห็นใจมา เราก็เอาเรื่องที่เขาขอมาดู ซึ่งพบว่าบางอย่างพอจะผ่อนให้ได้ บางอย่างช่วยได้แต่คนละแนวทางกันกับที่ขอ แต่ก็มีบางอย่างคงจะทำไม่ได้ เพราะต้องให้ได้ประโยชน์กับสาธารณะด้วย ซึ่งทั้งหมดได้มีการพูดคุยมาหลายรอบแล้ว ในวันที่ 15 มี.ค.ก็จะคุยกันอีกสักครั้งหนึ่ง ส่วนจะได้ข้อสรุปเลยหรือไม่ หรือต้องไปคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อน นายวิษณุกล่าวว่า ทุกเรื่องต้องไปคุยกับนายกฯ อยู่แล้ว ไม่มีใครสรุปแล้วจบได้ทันที ต้องนำไปสู่การทำให้ถูกกฎหมายก่อน
นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีการตรวจสอบการทุจริตในหลายๆโครงการขณะนี้ รัฐบาลจะต้องส่งคนลงไปร่วมตรวจสอบด้วยหรือไม่ว่า คงไม่ต้อง เพราะมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบ มีหน้าที่โดยตรงในการป้องกันการทุจริตในภาครัฐ และ ป.ป.ท.ก็มีสิทธิ์ที่จะระดมหรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ได้ด้วย อีกทั้งการตรวจสอบไม่ได้ลงไปลักษณะของการตรวจสอบทุจริต แต่เป็นการสุ่มลงไปตามที่มีข้อสงสัย ซึ่งหากพบว่ามีการทุจริตก็จะมีกระบวนการอื่นตามลงไปอีกที
เมื่อถามว่าขณะนี้พบแล้ว 3 โครงการ หากมีการสุ่มตรวจลงไปอีกจะพบอีกหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ในความเป็นจริงข่าวไม่มี แต่เขาก็ลงไปสุ่มตรวจอยู่หลายโครงการมาก่อนหน้านี้แล้ว