ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เจ๊ติ๋มเอฟเฟกต์!! กสทช.สะเทือน ศาลชี้ทำงานอืด ไม่เอื้อทีวีดิจิทัล สั่งคืนเงินค้ำประกัน“ไทยทีวี”ร่วม 1.7 พันล้านบาท รออีกยก ที่ศาลปกครองสูงสุด หากยกสุดท้ายออกหน้าเดิม ทุกช่องดิจิทัลแห่คืนตั๋วกันหมดแน่ จนน่าไล่เบี้ยเอาผิด“บอร์ด กสทช.”ฐานไร้น้ำยา ทำชาติเสียประโยชน์-โอกาส
มีเรื่องแล้วๆๆ .. คนแถว ซ.สายลม “อาณาจักรแสนล้าน”มีร้อนๆ หนาวๆ หลัง “ศาลปกครองกลาง”พิพากษาให้ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ของ “เจ๊ติ๋ม”พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย สามารถบอกเลิกสัญญา“ทีวีดิจิทัล”ต่อ กสทช.ได้ .. โทษฐาน กสทช.บ้อท่าช่วงเปลี่ยนผ่าน“อนาล็อก”เป็น“ดิจิทัล” ล่าช้า ไม่สมราคาคุย ที่โหมพีอาร์ จูงใจให้เอกชนร่วมประมูลทีวีดิจิทัล .. โดยเฉพาะการแจกคูปองให้คนแลก set-top-box ช้ากว่ากำหนดร่วมปี แถมกว่าจะอธิบายเรื่องกล่อง-เสาก้างปลา บลาๆๆๆ ก็อีกเป็นปี .. ตรงนี้ กสทช. อาจโบ้ยไปว่า เจอ“คณะรัฐประหาร”มาขวาง ทุบราคาคูปองลงเกือบครึ่ง จนกระบวนการล่าช้าไปหมด ก็ตามใจ .. ที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็เรื่องขยายโครงข่ายล่าช้า ที่เป็นปมขัดกันภายในของ กสทช. เอง ที่ทาง“เจ๊ติ๋ม”ใช้เป็นหมัดเด็ด ว่า มีผลต่อสัดส่วนผู้ชม กระทบกับรายได้ค่าโฆษณาโดยตรง .. หนำซ้ำช่วงที่“ผู้ให้บริการโครงข่าย”หรือ “Mux”ดูไม่ค่อยพร้อมเนี่ย กลับไร้มาตรการเยียวยา“ผู้ถือตั๋วทีวีดิจิทัล” ที่ต้องแบกต้นทุนจากค่าประมูล และการลงทุนต่างๆ เลย แค่สั่งปรับ“เจ้าของ Mux”พอเป็นพิธี แค่วันละ 2 หมื่นบาทเท่านั้น ..
สรุปง่ายๆ กสทช. ทำงานห่วยเอง คู่กรณีก็เลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญา ศาลก็เลยสั่งให้ กสทช. คืนหนังสือค้ำประกันที่ “เจ๊ติ๋ม”ใช้ในการประมูล ช่อง Loca และช่อง Thai tv มูลค่าราว 1.7 พันล้านบาท .. ส่วนคำขออื่น รวมทั้งค่าประมูล 2 งวดแรก ราว 700 ล้านบาท ศาลให้ยกทั้งหมด .. งานนี้ยังไม่จบ เหลืออีกยกในชั้น“ศาลปกครองสูงสุด”ที่ฝ่ายคนชนะ “เจ๊ติ๋ม” เตรียมยื่อุทธรณ์คำขออื่นที่ถูกยกไป กะเอาคืนเต็มเม็ดหน่วย .. ส่วน กสทช. ก็ต้องยื่นอุทธรณ์แน่ ด้วยผลคำพิพากษาไม่เข้าทาง ยังส่อเป็น“โดมิโน”ว่า หาก“เจ๊ติ๋ม”ชนะคดียกสุดท้ายอีก คงมีคนเข้าคิวคืนตั๋ว จนอาจไม่เหลือซักราย .. ก็ตั้งแต่ปรับเป็น "ทีวีดิจิทัล" ก็เจ๊งกะบ้งกันถ้วนทั่ว น่าจะมีใครไปยื่นเอาผิดทางแพ่งเรียกเงินคืนจาก“บอร์ด กสทช.”ฐานทำให้ประเทศเสียทั้งประโยชน์ และโอกาส ก็ดีนะ
** ค่าโง่ศูนย์เหรียญ!! ปปง.จัดหนักดาบสอง อายัดทรัพย์ “เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ”โอเอ ทรานสปอร์ต-ตระกูลโรจน์รุ่งรังสี เบ็ดเสร็จ 2 หน ร่วม 8 พันล้าน ยังเหลือที่ต้องตามทวงอีกไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากพฤติการณ์ “เครือโอเอ”ที่เลี่ยงภาษีไปกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท
ไม่เหมือนแต่ก็คล้ายทีเดียว .. จากโมเดลการทวงคืน“ค่าโง่คลองด่าน”ที่ใช้ “หน่วยงานด้านยุติธรรม”เป็น “หัวหอก”จนสัมฤทธิ์ผลเป็นเบื้องต้น กับคำพิพากษาศาลปกครอง เพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ไม่ต้องจ่ายค่าโง่คลองด่าน 9 พันล้านบาท .. ถือเป็นปฏิบัติการทวงคืนความยุติธรรมให้กับแผ่นดิน เรียกเสียงเฮได้ทั้งประเทศ เป็นไม่กี่ผลงานที่เพิ่มแต้มบวกให้ “รัฐบาล คสช.”ไปไม่น้อย .. นั่นเป็นการทวงคืน“ค่าโง่”ที่ไม่ควรจะเสีย หันมาดูคิวทวงคืน“ค่าโง่”แบบควรจะได้มานานแล้วบ้าง .. กับคิว สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลงดาบสอง อายัดทรัพย์สิน “เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ”ของ ธงชัย โรจน์รุ่งรังสี กับพวก เพิ่มเติม จำนวน 83 รายการ มูลค่า 3.85 พันล้านบาท .. หลังจากที่เมื่อต้นปี 2561 ได้สั่งอายัด ทรัพย์สินเครือ“โอเอ ทรานสปอร์ต” ของ “ตระกูลโรจน์รุ่งรังสี”ไปแล้ว 125 รายการ มูลค่าราว 4.24 พันล้านบาท เบ็ดเสร็จ 2 หนอายัดไปทั้งสิ้น 208 รายการ มูลค่า 8.1 พันล้านบาท ..
เหตุที่ขอยกให้กรณีนี้เป็นเหมือนการทวง “ค่าโง่คลองด่าน”ก็ด้วยพฤติการณ์ของ“เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ”นอกจากจะชัดเจนในเรื่องเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวแล้ว .. ก็ยังใจกล้าเอาเปรียบ“รัฐ”ด้วยการ “เลี่ยงภาษี”ก้อนมโหฬาร ซึ่งเรื่องนี้กรมสรรพากร ก็เคยส่งเรื่องให้ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) หรือ “ตำรวจเศรษฐกิจ” มาหนหนึ่งแล้ว .. โดยชี้ว่า“เครือโอเอ”มีพฤติการณ์แจ้งข้อมูลเท็จ เพื่อหลบเลี่ยงภาษีกว่า 7.8 พันล้านบาท .. หลังถูกเก็บใส่ลิ้นชักอยู่นาน ก็มี “สัญญาณเข้ม”ให้ “ฟันไม่เลี้ยง” .. เท่านั้นแหละ ทางตำรวจหยิบเรื่องขึ้นมาปัดฝุ่น อัพยอดเลี่ยงภาษี 7.8 พันล้านบาท พุ่งไปถึง 1.7 หมื่นล้านบาท เรียกว่า“ทบต้นทบดอก”กันเลยทีเดียว .. ก่อนจะส่งดาบมาให้ ปปง. จัดหนักไปสองดอกเน้นๆ 8 พันล้านบาท .. จากนี้คงมีดาบสาม ดาบสี่ จาก ปปง. ตามออกมาอีก อย่างน้อยๆ ก็ต้องให้ได้ใกล้เคียงกับยอด 1.7 หมื่นล้านบาท ที่สรุปกันล่าสุด .. ด้วยเป็น“ค่าโง่”ที่ปล่อยให้เครือข่ายนี้ทำมาหากิน เอาเปรียบผู้บริโภค เอาเปรียบรัฐด้วยพฤติกรรม “บังหลวง”สร้างฐานะจนร่ำรวย .. ถือเป็น“ค่าโง่”ที่ต้องทวงคืนให้ตกมาเป็นของแผ่นดิน
**กลโกงคลาสสิก!! จาก “โกงเงินผู้ยากไร้”ถึง “โกงกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต”ใช้ทริกตื้นๆ “ปลอมเอกสาร”เหมือนกันเดี๊ยะ เดชะบุญของ ศธ. โกงกันแค่ “ระดับล่าง”เหตุนี้ “หมอธี”เลยสั่งเชือด ไม่คิดมาก ต่อเนื่องถึง“โครงการ Monet”ที่เพิ่งเรื่องแดง ศธ.จ่ายค่าเนต TOT-CATปีละหลายพันล้านมาร่วม 10 ปี ไฉน “บิ๊ก ศธ.”เพิ่งตื่นสั่งยกเลิก เม้าต์สนั่น“กระทรวงเสมา”ระคนสงสัย เอาจริง หรือแค่ตัดตอน ?
โกงทุกหย่อมหญ้า .. ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง“ขบวนการทุจริตเงินผู้ยากไร้”ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ผลสอบ ป.ป.ท. ระบุแล้วว่า ผิดปกติไม่ต่ำกว่า 44 จังหวัด .. เป็นผลสอบเบื้องต้นเฉพาะปีงบ 60 ก็เขมือบงบประมาณไปไม่ต่ำ 180 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของงบโครงการใน 44 จังหวัด .. ด้วยโมเดลเหมือนๆ กัน คือ“ปลอมเอกสาร”ที่ถือเป็น“ทริกโกงคลาสสิก”ที่ใครๆ ก็ทำกัน .. เลยไม่แปลกที่ตอนนี้ “ทริก” เดียวกันไปโผล่ที่“กระทรวงศึกษาธิการ”ที่ตรวจพบการทุจริตเงิน“กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต”ที่มีวัตถุประสงค์ให้ทุนการศึกษาเพื่อต้าน“ขบวนการตกเขียว” .. แต่จากเป้าประสงค์แสนดี กลับถูกปู้ยี้ปู้ยำ เละเทะ ไม่ต่างจากการโกงเงินผู้ยากไร้ .. เบื้องแรกมีบุคคล 22 ราย ทั้งใน-นอกราชการ เกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้มีการทุจริตเงินกองทุนฯนี้ ตั้งแต่ปี 2551-2561 เป็นเงินรวมกว่า 88 ล้านบาท .. แต่การจัดการปัญหาของ“กระทรวงเสมา”ต่างจาก “กระทรวงนักบุญ”เมื่อตรวจพบว่า“มีมูล”ปั๊บ “หมอธี”นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ก็สั่งเชือดข้าราชการที่เกี่ยวข้องทันใด ..
เดชะบุญ กรณีนี้ทำกันเป็นขบวนการในระดับพื้นที่เท่านั้น ก็เลยตัดสินใจลงดาบง่ายหน่อย .. แล้วยังสั่งการให้ การุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงฯไปแจ้งความดำเนินคดีแก๊งโกงเงินในกระทรวงศึกษาฯ อีกด้วย .. นัยว่าปล่อยไว้ก็อาจจะ“บานตะไท”จนพัวพันมาถึงผู้บริหารระดับสูง อย่าง “กระทรวงนักบุญ”เขา .. ถัดมาก็คิวที่ "หมอธี" สั่งยกเลิกระบบเนตในสถานศึกษา หรือ "Monet"หลังมีปัญหาคาราคาซังมาเป็น 10 ปี .. เชื่อหรือไม่ว่า ทุกหน่วยงานกระทรวงศึกษาฯ จ่ายเงินการเช่าสัญญาณอินเตอร์เนตสำหรับโครงการนี้ ปีละหลายพันล้านมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่กลับไม่เคยได้ใช้ ประโยชน์ .. ด้วยสัญญาผูกพันที่ “เสียเปรียบเต็มประตู”จากการเช่าบริการจากเอกชน ทั้งบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT)และ บริษัท กสท โทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) (CAT) ..แล้วที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน ก็ด้วยมีข่าวเม้าต์ ว่า สะตุ้งสตังค์ ที่หล่นรายทางกระเด็นไปเข้ากระเป๋า“บิ๊ก ศธ.” ในหลายยุคเสียด้วย .. แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ไฉนเลย“หมอธี”ถึง “เพิ่งตื่น”มาเอาจริงเอาจังตอนนี้ ทั้งที่นั่งแท่น“เจ้ากระทรวง”มาปีเศษ .. และหากนำรายละเอียดงบประมาณ มาเทียบกับตัวชี้วัดโครงการ Monet น่าจะจับได้ไล่ทันตั้งแต่วันแรกๆ แล้วด้วยซ้ำ .. แม้เบื้องหน้าจะเป็นเรื่องดี แต่เบื้องลึกแล้ว “คนกระทรวงเสมา” ก็อดคลางแคลง มีคำถามไม่ได้ว่า งานนี้“เอาจริง”หรือแค่“ตัดตอน”กันแน่
ช.ชฎา