ข่าวปนคน คนปนข่าว
**หลัก“ปู”เหนือหลักการ!! จับพิรุธ “ศรีวราห์”พูดมั่วเข้าทาง “ทีมเจ้าสัว”กล่าวหากรมอุทยานฯ ทำลายดีเอ็นเอ บนมีด-เขียง จนไม่รู้ใครหั่นเสือดำ เจอ “นิติวิทย์ กรมอุทยานฯ”ตอกหน้าหงาย เผย ตร.พิสูจน์หลักฐาน เก็บ ดีเอ็นเอไปหมดแล้ว ฝากถามไม่ใช้มีดชำแหละเสือดำ แล้วจะใช้อะไรชำแหละ
ฟอร์มสดต่อเนื่อง ..“บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลการสอบสวนคดีล่าสัตว์ป่า ที่มี “พรานเจ้าสัว”เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหา .. แม้จะยืนยันว่าสำนวนคดีคืบหน้าแล้ว 95% กับ 9+3 ข้อหา ที่ “เปรมชัยและพวก”จะถูกดำเนินคดี .. แต่ในทางกลับกัน แอกชั่นของ “บิ๊กปู”ดูเข้าทาง “ทีมเจ้าสัว” โดยตลอดเช่นกัน .. คิวล่าสุดที่ออกอ้างว่า มีการตรวจพบดีเอ็นเอ เสือดำที่มีดพก มีดอีโต้ และเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ผู้ใช้ได้ .. โดยอ้างว่า“กรมอุทยานฯ” นำ “มีด-เขียง”ไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อน ทำให้ไม่พบดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย .. พูดง่ายๆ คือโทษว่าทาง“กรมอุทยานฯ”นำวัตถุพยานไปปู้ยี่ปูยำ จนดีเอ็นเอเสียหาย ไม่สามารถจับมือใครดม ..
งานนี้ก็เป็นเรื่อง เมื่อ ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ออกมาโพสต์ข้อความตอกหน้า “รองฯปู”เสียหน้าหงาย .. ซัดไปซึ่งหน้าว่า แถลงข่าวเท็จ สร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม พร้อมถามกลับด้วย “มีดชำแหละเสือดำไม่ได้ แล้วอะไรถึงจะชำแหละได้” ..พร้อมทั้งลากไส้ให้เห็นว่า งานนี้มีคนพูดไม่จริง นั่นก็คือฝ่าย “บิ๊กปู”นั่นเอง .. ด้วยวัตถุพยาน ปืนผาหน้าไม้ต่างๆ นั้น ทางกองพิสูจน์หลักฐานของตำรวจ ได้นำไปตรวจลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ของมนุษย์จนเสร็จสรรพแล้ว ก่อนส่งต่อให้ “กรมอุทยานฯ” .. พร้อมยังเลคเชอร์ วิธีการตรวจดี เอ็นเอ ด้วยว่า ไม่ได้การใช้สารเคมีอะไรอย่างที่ “ท่านรอง ผบ.”กล่าวอ้างแต่อย่างใด .. เจอแฉแหลกเช่นนี้ “บิ๊กปู”ก็ได้แต่แก้เกี้ยวไปว่า ไม่เคยให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของ “กรมอุทยานฯ”และขณะนี้ยังคงทำงานร่วมกันด้วยดี .. ทั้งที่เมื่อย้อนไปฟังคำสัมภาษณ์ ก็พบว่า “ศรีวราห์”พูดเป็นตุเป็นตะว่า วัตุพยาน“มีด - เขียง”มีการปนเปื้อนจากสารเคมี เพราะเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เสือดำ ทำให้การตรวจดีเอ็นเอ บุคคลไม่ชัดเจน ด้วยถูกทำลายไป จึงไม่พบดีเอ็นเอ .. เพราะไม่จำเป็นต้องไปดมมือว่า ใครเป็นคนหั่นเสือดำ ด้วย“วัถุพยาน”ที่ปรากฏในแคมป์ของ “เสี่ยเปรมชัย” ก็เพียงพอแล้วที่จะสรุปว่า มีการชำแหละศพเสือดำกันกลางป่าจริงๆ .. ผู้หลักผู้ใหญ่ อุตส่าห์ให้ท้ายว่า “บิ๊กปู”“ตรงไปตรงมา”ไม่คิดจะเปลี่ยนตัว .. แต่ดูจะ “เสียหลัก”เอาแค่ยึด “หลักกู”จนสร้างความสับสนตั้งแต่เข้ามาจับงานนี้ กระแส # เสือดำต้องไม่ตายฟรี ก็เลยเบนเป้าจาก“เจ้าสัวอิตาเลียนไทย”กลายเป็นกระแส # เราไม่เอาศรีวราห์ ที่มาแรงแซงโค้งกว่าเพื่อน
** โยนหินนายกฯ คนใน !! ปฏิบัติการอุ้ม“ป.ป.ช.สายตรงวงษ์สุวรรณ" ฉลุย ถึงคราว “บิ๊ก คสช.”เปิดหน้าลุยการเมืองเต็มตัว โยนหิน“บิ๊กตู่”นั่งกุนซือพรรคพลังประชารัฐ แก้เกม“นายกฯคนนอก”ที่โพลไม่ซื้อ
กฎหมายลูกทรพี .. คือคำนิยามที่หลุดออกจากปาก "สุพจน์ ไข่มุกด์" รองประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คนที่ 1 ในฐานะอดีตประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ .. ที่มีต่อกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ชี้ว่า ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ .. ในประเด็น “คุณสมบัติขั้นเทพ - คุณสมบัติต้องห้าม”ที่หลายฝ่ายมองว่า“ย้อนแย้ง - สองมาตรฐาน”ด้วยปมเดียวกันนี้ กกต.ทั้งชุดกลับโดน “เซตซีโร”ไปซะงั้น .. ผลลัพธ์ที่ออกมา ก็เท่ากับตีตั๋วให้“ป.ป.ช.สายตรงวงษ์สุวรรณ”ที่นำโดย “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อยู่ต่อจนครบวาระ 9 ปี .. นับนิ้วแล้ว ก็เหลืออีกราว 7 ปี อยู่ “ค้ำอำนาจ”ให้ “บิ๊กทหาร”ที่เอาแน่กับการต่อท่ออำนาจแบบสบายๆ .. พอปฏิบัติการหิ้ว “ป.ป.ช. สายตรงวงษ์สุวรรณ”ไว้เป็น “อาวุธเด็ด”สำเร็จ .. ก็เลยมีการ “โยนหิน”กันออกมาทันที กับการปูดข่าวว่า “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมจะสวมเสื้อพรรคการเมือง ลุยเลือกตั้งหนหน้า .. แม้จะติดล็อกไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้ แต่ตำแหน่ง“ประธานที่ปรึกษาพรรค”ของ “พรรคพลังประชารัฐ”ที่จดจองชื่อพรรคไว้กับ กกต. ตั้งแต่วันแรก 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็เพียงพอที่จะสลัดภาพ “นายกฯคนนอก”เป็น “นายกฯคนใน”..
ด้วยวัดทิศทางลมแล้วพบว่า ผลการสำรวจหลายสำนักชี้ตรงกันว่า ไม่สนับสนุนพรรคที่จะสนับสนุน“บิ๊กตู่”เป็น “นายกฯคนนอก”ซักเท่าไร .. ก็เลยลองโยนหินหยั่งเชิงว่า หาก“บิ๊กตู่”สวมเสื้อเข้าสังกัดพรรคการเมือง สังคมไทยจะคิดอ่านอย่างไร .. น่าแปลกที่ข่าวออกมาเป็นวันๆ แต่กลับไม่มีเสียงปฏิเสธออกมาจากโทรโข่งซีกรัฐบาลอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนปล่อยให้ “โยนหิน”ไปพลางก่อน ตามแผน .. สำทับกับชื่อพรรค “พลังประชารัฐ”ก็เป็น “คีย์เวิร์ด”ที่ส่งตรงมาจาก “ทีมเศรษฐกิจ คสช.”และมีการพูดกันในวงในว่า เป็นพรรคที่“บิ๊ก คสช.”ในส่วนของ “ฝ่ายพลเรือน”เตรียมส่งเข้าประกวด .. โดยมีคนระดับรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. มานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ด้วย.
**ใกล้แค่เอื้อม!! ผู้ค้าหนี “ป้าขวาน”อพยพตั้งแผงลอยห่างบ้านป้าแค่ 50 เมตร ชาวหมู่บ้านเสรีวิลล่า สวนหลวง ร.9 โวยลั่น“ดันทุรัง-ไม่รักษากฎหมาย”วัดใจ “ผอ.เขตประเวศ”ที่เพิ่งโดยศาลปกครองตักเตือน-ปรับ 5 พันบาท ปล่อยปละอีก มีหวังโดนหนักกว่าเดิม
ขำไม่ออกจริงๆ .. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Ajapim Aroonlucksana”ระบุว่า เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ใกล้ “บ้านแสงหยกตระการ” ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ซ.ศรีนครินทร์ 55 ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ “ขวานพิฆาต”จนตลาดย่านนั้น ปิดตัวเรียบ .. สืบเสาะได้ความว่า เป็น“คุณอัชพิมพ์ อรุณลักษณ์” ที่กำลังเดือดร้อน เมื่อ“ตลาดรอบบ้านป้า”รุกคืบมาตั้งตลาดขนาดย่อมขึ้นริมรั้วข้างบ้าน โดยห่างจาก “บ้านป้าขวาน”แค่ 50 เมตร มีผู้มาซื้อ - ขาย เป็นจำนวนมาก .. ทั้งที่ “บิ๊กวิน”พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ได้สั่งการเด็ดขาดให้ปิดตลาดในในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ทั้งหมด จนกว่าศาลปกครองกลาง จะมีคำพิพากษาเชี้ขาดข้อพิพาทเป็นที่สุด .. อีกทั้งศาลปกครองกลาง ก็เพิ่งมีคำสั่งตักเตือนผู้ว่าฯ กทม. และสั่งปรับ “ผอ.เขตประเวศ”เป็นเงิน 5 พันบาท ฐานปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองก่อนหน้านี้ล่าช้าเกินสมควร โดยไม่มีเหตุอันสมควร ปล่อยปละสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ..
หลังมีคำสั่ง “ทีมโฆษกศาลปกครอง”ก็ชี้แจงว่า การที่ศาลฯ สั่งปรับเงิน “ผอ.เขตประเวศ”ก็เพื่อเป็น “อุทาหรณ์”ตามกฎหมายใหม่ ที่ให้อำนาจศาลติดตามการบังคับคดี และลงโทษเจ้าหน้าที่ถึงขึ้นปรับได้ .. พร้อมทิ้งท้ายด้วยว่า หากยังพบว่าไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลฯอีก ก็สามารถสั่งปรับได้อีก โดยเพิ่มจำนวนเงินได้ตามเรตสูงสุด ไม่เกิน 5 หมื่นบาท และอาจรายงานผู้บังคับบัญชา ให้ลงโทษทางวินัยได้อีก .. ก็ต้องรอดูว่า ตลาดแผงลอย-รถเข็น ที่อพยพมาจาก “ตลาดรอบบ้านป้า”จะเข้าข่ายการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลหรือไม่ .. หรือหากเจ้าของบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนล่าสุด ไปร้อง ต่อศาลปกครองเป็นคดีอีก .. เห็นที ธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ คงจะงานเข้าแน่นอน .. ด้วย วชิระ ชอบแต่ง รองโฆษกศาลปกครอง ก็ออกมาระบุแล้วว่า พื้นที่บริเวณนั้น ถือเป็นพื้นที่ข้อพิพาท ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง และโดยหลักการ “เขตประเวศ”ในฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครองที่รับผิดชอบพื้นที่ ไม่ควรปล่อยให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่เพิ่มขึ้นมาอีก
ช.ชฎา
