"หน.ห้องแล็บ" กรมอุทยานฯ เปิดหลักฐานตอกตำรวจ ซัดตรวจวัตถุพยานฆ่า"เสือดำ" ก่อนกรมอุทยานฯ ด้าน"ศรีวราห์" ยันไมีมีการพาดพิงการตรวจดีเอ็นเอ ของกรมอุทยานฯ "ธีระชัย" อัด "ศรีวราห์" จ้องตัดจบ อุ้ม"เปรมชัย" จากผลตรวจดีเอ็นเอ ชี้ระบบตำรวจรวนได้มากขนาดนี้ เพราะ คสช. ทำตัวอย่างมาตรฐานต่ำเตี้ย อย่างปม "นาฬิกาหรู"ของ "บิ๊กป้อม" เชื่อถ้ายังมีรัฐบาล คสช.อย่างนี้ ต่อไปอนาคตลูกหลานไทยสงสัยจะมืดสนิท
จากกรณี เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Kanita Ouitavon”ชี้แจงรายละเอียดการตรวจพิสูจน์ ดีเอ็นเอ จากวัตถุพยาน คดีล่าสัตว์ป่าที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหา หลังจาก เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. อ้างว่า มีการตรวจพบ ดีเอ็นเอ เสือดำที่มีดพก มีดอีโต้ และเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ผู้ใช้ได้ เพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อน ทำให้ไม่พบดีเอ็นเอ ของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย แต่ ดร.กณิตา ได้ชี้แจงรายละเอียด พร้อมยืนยันว่า หากทางตำรวจตรวจใหม่เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ก็สามารถพบได้นั้น
เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ดร.กณิตา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง โดยระบุว่า "หลักฐานวัตถุพยาน ได้แก่ มีด จำนวน 6 เล่ม และชิ้นส่วนเขียง 1 ชิ้น ที่เกี่ยวข้องกับคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ที่ได้มีการส่งคืนให้กับตำรวจ บก.ปทส. แล้ว เมื่อวันที่ 9 มี.ค.61 เวลาประมาณ 17.20 น. (ส่งมอบคืน ณ หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ) เพื่อนำส่งต่อให้กับตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเพิ่มเติมละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะในวัตถุพยานชิ้นที่ตรวจพบ ดีเอ็นเอ ของเสือดำ (จะเห็นว่าที่ซองบรรจุวัตถุพยานแต่ละชิ้นได้เขียนคำว่า “ตรวจแล้ว” ซึ่งหมายถึง ผ่านการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอของมนุษย์โดยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนหน้าที่จะส่งมาให้แล็บของกรมอุทยานฯ ตรวจพิสูจน์เพื่อหาดีเอ็นเอสัตว์ป่า)
**"ศรีวราห์"ยันไร้พาดพิงการตรวจดีเอ็นเอ
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นจะมีการสั่งการให้จนท.พิสูจน์หลักฐานตร. ไปชี้แจงทำความเข้าใจ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของกรมอุทยานฯ และขณะนี้ยังคงทำงานร่วมกันด้วยดี และยังคงรอผลการตรวจมีดและ เขียง ที่ทางกรมอุทยานฯ จะออกเป็นรายงานทางการ เพื่อใช้มาประกอบสำนวนคดี ซึ่งจากเดิม กรมอุทยานฯ แจ้งว่า จะส่งให้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ขณะนึ้ยังไม่ได้รับ ซึ่งก็จะประสานขอกลับไปอีกครั้ง
ส่วนประเด็นภาพรวมของหลักฐาน และสำนวนคดี เชื่อว่าจนถึงขณะนี้ หากยังไม่ได้รับรายงานทางการเรื่องการตรวจมีด และเขียงจากกรมอุทยานฯ หลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ ก็เพียงพอที่จะสรุปสำนวน และเชื่อว่าจะเสร็จทันวันที่ 24 มี.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ คณะทำงานยังคงทำงานเรียบร้อยดี และยังไม่มีการร้องเรียนจากผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหา มีแต่สื่อมวลชน และโซเชียล ที่คอยกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงอยากขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอน เพื่อความรอบคอบของสำนวนคดี เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด ผู้ที่จะถูกฟ้องคือคณะทำงาน ไม่ใช่สื่อมวลชน หรือสังคม
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี ชุดสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกรมอุทยานฯ เริ่มส่อเค้ามีความขัดแย้ง ในการทำคดีของนายเปรมชัย ว่า ส่วนตัวไม่มีความกังวลใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ ทำงานตามกฎหมาย และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัว พล.ต.อ.ศรีวราห์ ที่ลงไปกำกับการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว และตนยังไม่จำเป็นต้องลงไปดูสำนวนคดีด้วยตัวเอง เพราะมีการรายงานผลการสืบสวนสอบสวนให้ทราบตลอดอยู่แล้ว
** อัด"ศรีวราห์"จ้องตัดจบ อุ้ม"เปรมชัย"
ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala หัวข้อ "รัฐบาล คสช.คงจะทำให้เสือดำสูญพันธุ์ไปคามือเสียกระมัง?" โดยมีใจความโดยสรุปว่า กรณีมีข่าว พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่กล่าวว่า ถึงแม้พบดีเอ็นเอของเสือดำบนมีด และเขียง แต่ปรากฏ ว่าไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจนนั้น ต้องขออธิบายก่อนว่า วิธีที่นายเปรมชัยจะพ้นผิดแบบง่ายๆก็คือ จนท.ตำรวจ ระบุว่า ไม่สามารถพบดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย บนมีด และเขียงที่ใช้ชำแหละเนื้อเสือดำ
ทำให้ ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หน.หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานฯ ต้องออกมาชี้แจง โดยยืนยันว่า ได้รับตัวอย่างวัตถุพยานดังกล่าว จาก สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อ16 ก.พ. 61 ซึ่งมีการระบุว่าได้ผ่านการตรวจลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ของมนุษย์จากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาก่อนหน้าเรียบร้อยแล้ว ...และที่สำคัญ ...ในนั้นมีอุจจาระที่ตรวจแล้ว ว่าเป็นดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย อยู่ด้วย
ถ้าสรุปตามข่าวนี้ แบบง่ายๆ ก็คือ ...ฝ่ายตำรวจแจ้งว่าได้ ตรวจดีเอ็นเอ ของมนุษย์เรียบร้อยแล้ว และมีอุจจาระที่ตรวจแล้วว่า เป็นดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย อยู่ด้วย ไฉนเลยที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กลับบอกว่า ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจน ?
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ อ้างว่า สาเหตุที่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจน เป็นเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหา ดีเอ็นเอเสือดำก่อน
ในประเด็นนี้ ดร.กณิตา โต้แย้งว่า สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.พ.61 ระบุว่า ได้มีการตรวจลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ของมนุษย์ จบไปแล้ว ...และมีดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย ปรากฏอยู่ด้วยแล้ว และ สภ.ทองผาภูมิ ได้แจ้งความประสงค์ว่า ต้องการให้กรมอุทยานฯ ตรวจว่ามี ดีเอ็นเอ ของเสือดำอยู่ด้วยหรือไม่ ทางหน่วยฯ จึงได้รับตัวอย่างไว้ตรวจตามที่ร้องขอ
ดังนั้นการที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ อ้างว่า การที่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจนนั้น สาเหตุเป็นเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำ ก่อนนั้น จึงไม่ตรงกับเหตุการณ์จริง
เพราะการที่กรมอุทยานฯ นำวัตถุพยานดังกล่าวมาตรวจหาดีเอ็นเอ เสือดำนั้น เป็นไปตามที่ตำรวจร้องขอ และตำรวจเป็นผู้นำมาส่งให้ โดยระบุด้วยว่ากองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจดีเอ็นเอของมนุษย์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว
นอกจากนี้ จนท.กรมอุทยานฯ ยังกล่าว ...มีข่าวว่า ตำรวจอ้างไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอ บุคคลได้ เพราะมีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่ จนท.กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำตั้งแต่แรก ...ทำให้ตรวจดีเอ็นเอ บุคคลไม่ได้ เพราะถูกทำลายไปแล้ว
ร้อนถึงจนท. กรมอุทยานฯ ต้องออกมายืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ในการตรวจดีเอ็นเอ ของเสือดำ
ทั้งนี้ ดร.กณิตา ยังยืนยันเป็นชนักปักหลัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ไว้ด้วยว่า ลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอของมนุษย์ ที่จะมีก่อนหน้านั้น ยังมิได้ถูก
ทำลายแต่อย่างใด และกรมอุทยานฯ ก็ได้ส่งคืนวัตถุพยาน ให้ตำรวจแล้ว
ดังนั้น ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ย่อมสามารถตรวจเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ได้อย่างแน่นอน
ผมขอสรุปว่า เรื่องนี้นับวันมีแต่บูดเบี้ยว บู้บี้ หมดรูปลงไปทุกวัน นอกจากประชาชนจะไม่สามารถฝากผีฝากไข้ไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว จากตัวอย่างคดีนี้ประชาชนกลับจะต้องตระหนักว่า ...การที่คุกจะขังคนรวยได้นั้น จะต้องมีอภินิหารไม่ต่ำกว่าระดับฟ้าผ่ากลางวัน เหมือนกับกรณีจำคุก นายบุญทรง ในคดีขายข้าวจีทูจีปลอม
ทั้งที่คดีนี้วางอยู่ต่อหน้าโซเชียลมีเดีย ทั้งที่มีประชาชนสนใจติดตามอย่างกว้างขวาง ... การที่ระบบตำรวจจะรวนได้มากขนาดนี้ การที่มีบางคนกล้าจะลุยไฟ เพื่อช่วยใครบางคนแบบชัดเจนมากขนาดนี้ ...จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะรัฐบาล คสช. ทำตัวอย่างมาตรฐานต่ำเตี้ยไว้ให้เห็นเท่านั้น .. จะเกิดขึ้นได้ ก็ในยุคที่นาฬิกาครองเมืองเท่านั้น ..ถ้ายังมีรัฐบาล คสช.อย่างนี้ต่อไป อนาคตลูกหลานไทย สงสัยจะมืดสนิททั้งกลางวัน และกลางคืน แล้วกระมัง
**โพลชี้ปชช.50%ไม่มั่นใจระบบสอบสวนตร.
ด้าน"นิด้าโพล" เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ความโปร่งใสยุติธรรมและความมั่นใจของประชาชนต่อระบบงานสอบสวนของตำรวจ" ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 1-6 มี.ค.นี้ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,250 คน โดยร้อยละ 35.20 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความโปร่งใสยุติธรรม เพราะเกิดความล่าช้า มีข้อผิดพลาดค่อนข้างบ่อย มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง และใช้ระบบพวกพ้อง ขณะที่ ร้อยละ 14.64 ระบุว่า ไม่มีความโปร่งใส ยุติธรรมเลย เพราะ ประชาชนไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบ หรือมีส่วนร่วมในการสอบสวนได้ บางครั้งมีหลักฐานที่ไม่ชัดเจน ชอบยัดข้อหาให้กับคนจน ถูกแทรกแซงการทำงานจากผู้มีอิทธิพล และเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่วนที่ระบุว่ามีความโปร่งใส ยุติธรรมมาก คือ ร้อยละ 9.68 เพราะเห็นว่าทำตามระบบและขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างดี และร้อยละ 39.60 ระบุว่า ค่อนข้างมีความโปร่งใสยุติธรรม เนื่องจากมีระบบการทำงานที่ดี มีหลักฐานประกอบชัดเจน
ขณะที่ความมั่นใจต่อขั้นตอนการดำเนินคดีและระบบงานสอบสวนของตำรวจ พบว่า ร้อยละ 40.56 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะมีการใช้ระบบพวกพ้อง มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซงการทำงาน และมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ร้อยละ 10.72 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย เพราะมีอำนาจของเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คนรวยมักหลุดพ้นคดี ร้อยละ 11.12 ระบุว่า มั่นใจมาก เพราะมีระบบขั้นตอนการทำงานที่ละเอียด ชัดเจน และตำรวจทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว ร้อยละ 37.20 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ เพราะมีระบบการทำงาน ที่ค่อนข้างละเอียดอยู่แล้ว ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และหลักฐานที่มี
จากกรณี เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Kanita Ouitavon”ชี้แจงรายละเอียดการตรวจพิสูจน์ ดีเอ็นเอ จากวัตถุพยาน คดีล่าสัตว์ป่าที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหา หลังจาก เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. อ้างว่า มีการตรวจพบ ดีเอ็นเอ เสือดำที่มีดพก มีดอีโต้ และเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ผู้ใช้ได้ เพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อน ทำให้ไม่พบดีเอ็นเอ ของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย แต่ ดร.กณิตา ได้ชี้แจงรายละเอียด พร้อมยืนยันว่า หากทางตำรวจตรวจใหม่เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ก็สามารถพบได้นั้น
เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ดร.กณิตา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง โดยระบุว่า "หลักฐานวัตถุพยาน ได้แก่ มีด จำนวน 6 เล่ม และชิ้นส่วนเขียง 1 ชิ้น ที่เกี่ยวข้องกับคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ที่ได้มีการส่งคืนให้กับตำรวจ บก.ปทส. แล้ว เมื่อวันที่ 9 มี.ค.61 เวลาประมาณ 17.20 น. (ส่งมอบคืน ณ หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ) เพื่อนำส่งต่อให้กับตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเพิ่มเติมละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะในวัตถุพยานชิ้นที่ตรวจพบ ดีเอ็นเอ ของเสือดำ (จะเห็นว่าที่ซองบรรจุวัตถุพยานแต่ละชิ้นได้เขียนคำว่า “ตรวจแล้ว” ซึ่งหมายถึง ผ่านการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอของมนุษย์โดยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนหน้าที่จะส่งมาให้แล็บของกรมอุทยานฯ ตรวจพิสูจน์เพื่อหาดีเอ็นเอสัตว์ป่า)
**"ศรีวราห์"ยันไร้พาดพิงการตรวจดีเอ็นเอ
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นจะมีการสั่งการให้จนท.พิสูจน์หลักฐานตร. ไปชี้แจงทำความเข้าใจ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของกรมอุทยานฯ และขณะนี้ยังคงทำงานร่วมกันด้วยดี และยังคงรอผลการตรวจมีดและ เขียง ที่ทางกรมอุทยานฯ จะออกเป็นรายงานทางการ เพื่อใช้มาประกอบสำนวนคดี ซึ่งจากเดิม กรมอุทยานฯ แจ้งว่า จะส่งให้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ขณะนึ้ยังไม่ได้รับ ซึ่งก็จะประสานขอกลับไปอีกครั้ง
ส่วนประเด็นภาพรวมของหลักฐาน และสำนวนคดี เชื่อว่าจนถึงขณะนี้ หากยังไม่ได้รับรายงานทางการเรื่องการตรวจมีด และเขียงจากกรมอุทยานฯ หลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ ก็เพียงพอที่จะสรุปสำนวน และเชื่อว่าจะเสร็จทันวันที่ 24 มี.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ คณะทำงานยังคงทำงานเรียบร้อยดี และยังไม่มีการร้องเรียนจากผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหา มีแต่สื่อมวลชน และโซเชียล ที่คอยกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงอยากขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอน เพื่อความรอบคอบของสำนวนคดี เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด ผู้ที่จะถูกฟ้องคือคณะทำงาน ไม่ใช่สื่อมวลชน หรือสังคม
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี ชุดสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกรมอุทยานฯ เริ่มส่อเค้ามีความขัดแย้ง ในการทำคดีของนายเปรมชัย ว่า ส่วนตัวไม่มีความกังวลใดๆ เพราะเจ้าหน้าที่ ทำงานตามกฎหมาย และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัว พล.ต.อ.ศรีวราห์ ที่ลงไปกำกับการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว และตนยังไม่จำเป็นต้องลงไปดูสำนวนคดีด้วยตัวเอง เพราะมีการรายงานผลการสืบสวนสอบสวนให้ทราบตลอดอยู่แล้ว
** อัด"ศรีวราห์"จ้องตัดจบ อุ้ม"เปรมชัย"
ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala หัวข้อ "รัฐบาล คสช.คงจะทำให้เสือดำสูญพันธุ์ไปคามือเสียกระมัง?" โดยมีใจความโดยสรุปว่า กรณีมีข่าว พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่กล่าวว่า ถึงแม้พบดีเอ็นเอของเสือดำบนมีด และเขียง แต่ปรากฏ ว่าไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจนนั้น ต้องขออธิบายก่อนว่า วิธีที่นายเปรมชัยจะพ้นผิดแบบง่ายๆก็คือ จนท.ตำรวจ ระบุว่า ไม่สามารถพบดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย บนมีด และเขียงที่ใช้ชำแหละเนื้อเสือดำ
ทำให้ ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หน.หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานฯ ต้องออกมาชี้แจง โดยยืนยันว่า ได้รับตัวอย่างวัตถุพยานดังกล่าว จาก สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อ16 ก.พ. 61 ซึ่งมีการระบุว่าได้ผ่านการตรวจลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ของมนุษย์จากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาก่อนหน้าเรียบร้อยแล้ว ...และที่สำคัญ ...ในนั้นมีอุจจาระที่ตรวจแล้ว ว่าเป็นดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย อยู่ด้วย
ถ้าสรุปตามข่าวนี้ แบบง่ายๆ ก็คือ ...ฝ่ายตำรวจแจ้งว่าได้ ตรวจดีเอ็นเอ ของมนุษย์เรียบร้อยแล้ว และมีอุจจาระที่ตรวจแล้วว่า เป็นดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย อยู่ด้วย ไฉนเลยที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กลับบอกว่า ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจน ?
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ อ้างว่า สาเหตุที่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจน เป็นเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหา ดีเอ็นเอเสือดำก่อน
ในประเด็นนี้ ดร.กณิตา โต้แย้งว่า สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.พ.61 ระบุว่า ได้มีการตรวจลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ของมนุษย์ จบไปแล้ว ...และมีดีเอ็นเอ ของนายเปรมชัย ปรากฏอยู่ด้วยแล้ว และ สภ.ทองผาภูมิ ได้แจ้งความประสงค์ว่า ต้องการให้กรมอุทยานฯ ตรวจว่ามี ดีเอ็นเอ ของเสือดำอยู่ด้วยหรือไม่ ทางหน่วยฯ จึงได้รับตัวอย่างไว้ตรวจตามที่ร้องขอ
ดังนั้นการที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ อ้างว่า การที่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอ ของคนได้ชัดเจนนั้น สาเหตุเป็นเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำ ก่อนนั้น จึงไม่ตรงกับเหตุการณ์จริง
เพราะการที่กรมอุทยานฯ นำวัตถุพยานดังกล่าวมาตรวจหาดีเอ็นเอ เสือดำนั้น เป็นไปตามที่ตำรวจร้องขอ และตำรวจเป็นผู้นำมาส่งให้ โดยระบุด้วยว่ากองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจดีเอ็นเอของมนุษย์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว
นอกจากนี้ จนท.กรมอุทยานฯ ยังกล่าว ...มีข่าวว่า ตำรวจอ้างไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอ บุคคลได้ เพราะมีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่ จนท.กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำตั้งแต่แรก ...ทำให้ตรวจดีเอ็นเอ บุคคลไม่ได้ เพราะถูกทำลายไปแล้ว
ร้อนถึงจนท. กรมอุทยานฯ ต้องออกมายืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ในการตรวจดีเอ็นเอ ของเสือดำ
ทั้งนี้ ดร.กณิตา ยังยืนยันเป็นชนักปักหลัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ไว้ด้วยว่า ลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอของมนุษย์ ที่จะมีก่อนหน้านั้น ยังมิได้ถูก
ทำลายแต่อย่างใด และกรมอุทยานฯ ก็ได้ส่งคืนวัตถุพยาน ให้ตำรวจแล้ว
ดังนั้น ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ย่อมสามารถตรวจเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ได้อย่างแน่นอน
ผมขอสรุปว่า เรื่องนี้นับวันมีแต่บูดเบี้ยว บู้บี้ หมดรูปลงไปทุกวัน นอกจากประชาชนจะไม่สามารถฝากผีฝากไข้ไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว จากตัวอย่างคดีนี้ประชาชนกลับจะต้องตระหนักว่า ...การที่คุกจะขังคนรวยได้นั้น จะต้องมีอภินิหารไม่ต่ำกว่าระดับฟ้าผ่ากลางวัน เหมือนกับกรณีจำคุก นายบุญทรง ในคดีขายข้าวจีทูจีปลอม
ทั้งที่คดีนี้วางอยู่ต่อหน้าโซเชียลมีเดีย ทั้งที่มีประชาชนสนใจติดตามอย่างกว้างขวาง ... การที่ระบบตำรวจจะรวนได้มากขนาดนี้ การที่มีบางคนกล้าจะลุยไฟ เพื่อช่วยใครบางคนแบบชัดเจนมากขนาดนี้ ...จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะรัฐบาล คสช. ทำตัวอย่างมาตรฐานต่ำเตี้ยไว้ให้เห็นเท่านั้น .. จะเกิดขึ้นได้ ก็ในยุคที่นาฬิกาครองเมืองเท่านั้น ..ถ้ายังมีรัฐบาล คสช.อย่างนี้ต่อไป อนาคตลูกหลานไทย สงสัยจะมืดสนิททั้งกลางวัน และกลางคืน แล้วกระมัง
**โพลชี้ปชช.50%ไม่มั่นใจระบบสอบสวนตร.
ด้าน"นิด้าโพล" เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ความโปร่งใสยุติธรรมและความมั่นใจของประชาชนต่อระบบงานสอบสวนของตำรวจ" ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 1-6 มี.ค.นี้ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,250 คน โดยร้อยละ 35.20 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความโปร่งใสยุติธรรม เพราะเกิดความล่าช้า มีข้อผิดพลาดค่อนข้างบ่อย มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง และใช้ระบบพวกพ้อง ขณะที่ ร้อยละ 14.64 ระบุว่า ไม่มีความโปร่งใส ยุติธรรมเลย เพราะ ประชาชนไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบ หรือมีส่วนร่วมในการสอบสวนได้ บางครั้งมีหลักฐานที่ไม่ชัดเจน ชอบยัดข้อหาให้กับคนจน ถูกแทรกแซงการทำงานจากผู้มีอิทธิพล และเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่วนที่ระบุว่ามีความโปร่งใส ยุติธรรมมาก คือ ร้อยละ 9.68 เพราะเห็นว่าทำตามระบบและขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างดี และร้อยละ 39.60 ระบุว่า ค่อนข้างมีความโปร่งใสยุติธรรม เนื่องจากมีระบบการทำงานที่ดี มีหลักฐานประกอบชัดเจน
ขณะที่ความมั่นใจต่อขั้นตอนการดำเนินคดีและระบบงานสอบสวนของตำรวจ พบว่า ร้อยละ 40.56 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะมีการใช้ระบบพวกพ้อง มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซงการทำงาน และมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ร้อยละ 10.72 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย เพราะมีอำนาจของเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คนรวยมักหลุดพ้นคดี ร้อยละ 11.12 ระบุว่า มั่นใจมาก เพราะมีระบบขั้นตอนการทำงานที่ละเอียด ชัดเจน และตำรวจทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว ร้อยละ 37.20 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ เพราะมีระบบการทำงาน ที่ค่อนข้างละเอียดอยู่แล้ว ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และหลักฐานที่มี