xs
xsm
sm
md
lg

นิติวิทย์ กรมอุทยานฯ โต้ “ศรีวราห์” ไม่ได้แตะต้อง “มีด-เขียง” วัตถุพยาน “เปรมชัย” เลย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หน.หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ โต้ รอง ผบ.ตร. ยืนยันกรมอุทยานฯ ไม่ได้แตะต้องวัตถุพยาน ทั้งมีดและเขียง ชิงตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อน ระบุ แค่ก้านสำลีที่ตำรวจป้ายคราบเลือดมาให้ก็พบดีเอ็นเอเสือดำแล้ว วอนสังคมเป็นปากเสียงให้สัตว์ป่าต้องไม่ตายฟรี

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นางกณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมดูแลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอสััตว์ป่าในคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทยฯ ผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า การติดตามการตรวจพิสูจน์หลักฐานวัตถุพยานในคดีฯ ดังกล่าว ที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พบดีเอ็นเอของเสือดำบนมีดและเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอคนใช้ได้ชัดเจน เหตุเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนนั้น อาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้

กรมอุทยานฯ โดยหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ได้รับตัวอย่างวัตถุพยาน ซึ่งมีมีดทั้ง 6 เล่ม และชิ้นส่วนของเขียงรวมอยู่ด้วย จาก สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2561 ซึ่งมีการระบุว่าได้ผ่านการตรวจลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์จากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาเรียบร้อยแล้ว ในนั้นมีอุจจาระที่ตรวจแล้วว่าเป็นดีเอ็นเอของนายเปรมชัย อยู่ด้วย ซึ่งมีการแจ้งความประสงค์ว่าต้องการนำมาตรวจหาดีเอ็นเอสัตว์ป่าต่อ และต้องการให้หาว่ามีดีเอ็นเอของเสือดำอยู่ด้วยหรือไม่ ซึ่งทางหน่วยฯ ได้รับตัวอย่างไว้ตรวจตามที่ร้องขอ จึงแสดงว่าทางกรมอุทยานฯ มิได้นำตัวอย่างวัตถุพยานดังกล่าวนี้มาตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนแต่อย่างใด แต่ตรวจตามที่ตำรวจร้องขอและเป็นผู้นำมาส่งให้ หลังจากที่ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจดีเอ็นเอของมนุษย์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ส่วนที่มีข่าวว่า พบการปนเปื้อนจากสารเคมีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำตั้งแต่แรก ทำให้ตรวจดีเอ็นเอบุคคลไม่ได้ เพราะถูกทำลายไปแล้วนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ เลย ทางหน่วยฯ ตรวจดีเอ็นเอจาก Swab หรือก้านสำลี ที่ทางตำรวจป้ายคราบเลือดมาให้เรียบร้อยแล้ว เพียงก้านเดียวก็พบดีเอ็นเอของเสือดำแล้ว ส่วนตัวมีดทั้ง 6 เล่ม ทางหน่วยฯ เป็นผู้เก็บรักษาไว้ให้ ตั้งแต่วันที่ได้รับมาคือวันที่ 16 ก.พ. จนถึงวันที่ส่งคืนคือวันนี้ 9 มี.ค. โดยที่มิได้มีการแตะต้องที่ด้ามมีด หรือตัวมีดแต่อย่่างใด อีกทั้งยังใส่ถุงมือเวลาทำงาน ดังนั้น ลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์ที่จะมีก่อนหน้านั้น จึงยังมิได้ถูกทำลายแต่อย่างใด ซึ่งก็ได้ส่งคืนให้แล้ว ดังนั้นทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานก็สามารถนำไปตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ได้อย่างแน่นอน

“คดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก ในท่ามกลางการสูญเสีย คือ ชีวิตที่กลับคืนมาไม่ได้ของเสือดำตัวนี้นั้น สิ่งที่เราได้กลับคืนมาอย่างเข้มแข็งในตอนนี้ก็คือ จิตสำนึกร่วมของประชาชนในการหวงแหนและอยากจะปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ดูบอบบางของชาติให้คงอยู่ตลอดไป ในฐานะที่ดิฉันก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีจิตสำนึกร่วมนี้เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่คนตรวจดีเอ็นเอสัตว์ป่า ก็อยากจะเห็นความถูกต้อง ความยุติธรรม และการไม่บิดเบือนความจริงใดใด รวมทั้งก็อยากเห็นทุกท่านที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แม้แต่น้อยนึงก็ตาม ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ใจ อยากเห็นทุกคนช่วยกันแสดงออกเพื่อเป็นปากเสียงให้กับสัตว์ป่าผู้น่าสงสารที่ต้องมาตายเพราะถูกมนุษย์ใจร้ายล่าอย่างแท้จริงค่ะ ได้โปรดช่วยกันเพื่อให้เสือดำตัวนี้ไม่ตายฟรีนะคะ” นางกณิตา ระบุ




กำลังโหลดความคิดเห็น