MGR Online - “ศรีวราห์” ไม่ขัดข้องมีกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนทำงานคดี “เปรมชัย” ยันไม่ล่าช้า ยันรอผลสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ วอนสังคมศึกษา กม.ก่อนวิจารณ์ปมทารุณกรรมสัตว์ คาดสรุปสำนวนส่งให้อัยการได้ภายใน 24 มี.ค.นี้
วันนี้ (6 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่างถึงกรณีที่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก รวม 4 ราย ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ว่าเรื่องนี้ตนไม่ได้ขัดข้อง เพราะการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย มั่นใจว่าตนเองเร่งรัดติดตามคดีได้เร็วที่สุดแล้ว ยืนยันว่าคดีไม่ได้ล่าช้า ขณะนี้ยังต้องรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าเนื้อสัตว์ที่พบเป็นเนื้อของสัตว์ชนิดใด เนื่องจากผ่านไปกว่า 3 สัปดาห์ก็ยังไม่ได้รับสรุปรายงาน ยืนยันว่าตำรวจและกรมอุทยานฯ ไม่ได้มีปัญหาในการประสานงาน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 โดยมีการดำเนินคดีต่อนายเปรมชัยและพวกรวมทั้งสิ้น 9 ข้อหา ส่วนข้อหาอื่นๆ อยู่ระหว่างแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาวุธปืน และติดสินบนเจ้าพนักงาน คาดสามารถสรุปสำนวนคดีส่งให้พนักงานอัยการได้ภายใน 24 มี.ค.นี้ อย่างแน่นอน
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อไปว่า กรณีที่นายเปรมชัยและพวกให้การว่าซื้อเนื้อสัตว์จากที่อื่นเข้าไปประกอบอาหารภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาตินั้น เรื่องนี้ฟังไม่ขึ้น เพราะหมู่บ้านที่อยู่ใกล้สุดห่างไป 50 กิโลเมตร ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปิด ไม่อนุญาตให้มีการจำหน่ายสินค้า ส่วนกลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เร่งดำเนินคดีกับนายเปรมชัยในขณะนี้ ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายนั้นการฆ่าเสือดำไม่เข้าข่ายและผิดข้อหาทารุณกรรมสัตว์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ ตามที่สังคมวิจารณ์ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหาร่วมกันฆ่าสัตว์ป่าต่อนายเปรมชัยและพวกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว วอนกลุ่มคนที่วิพากวิจารณ์ให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยถึงผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืน 3 กระบอกที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุ ว่าอาวุธปืนทั้งหมดเป็นของนายเปรมชัยจริง ส่วนลูกกระสุนปืนที่ทำให้เสือดำเสียชีวิตเป็นลูกกระสุนลูกปรายที่สามารถบรรจุในปืนลูกซองขนาดเบอร์ 20 ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับ 1 ใน 3 กระบอกที่ตรวจยึดได้ การตรวจสอบยังพบว่าเป็นการยิงนัดเดียว ระยะใกล้ประมาณ 10 เมตร แต่กระสุนลูกปรายกระจายเป็น 8 รู และเจอหัวกระสุนลูกปรายที่เสือดำ 3 เม็ด ส่วนการจำลองวิถีกระสุนที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เข้าไปจำลองในที่เกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 ร่วมด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่สามารถระบุวิถีกระสุนได้ จึงใช้ประกอบในสำนวนไม่ได้