“กลุ่มอยากเลือกตั้ง” ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินส่งวินิจฉัยคำสั่ง คสช.ขัดรัฐธรรมนูญ ชี้ละเมิดสิทธิเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ โวยดำเนินคดี “รังสิมันต์ โรม” ปิดปาก
วันนี้ (6 มี.ค.) น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง (MBK39) เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายประจักษ์ธรรม โรจนะภิรมย์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโส เพื่อขอให้วินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ที่ห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบในวงกว้างกว่า 400 คนแล้วซึ่งหลายฝ่ายมองว่าคำสั่งดังกล่าวขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญทั้ง 6 มาตรา โดยเฉพาะมาตรา 44 ที่ระบุว่าพลเมืองไทยมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ และขัดหลักนิติธรรม
น.ส.ณัฎฐากล่าวว่า ก่อนหน้าได้ไปยื่นเรื่องดังกล่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าการกระทำของพนักงานสอบสวนขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแล้ว ตนจึงมายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินเพราะเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถพึ่งได้ และดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่เห็นด้วยในอำนาจของรัฐ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
เธอกล่าวว่า พรุ่งนี้ (7 มี.ค.) กลุ่ม MBK 39 จะเดินทางไปศาลแขวงปทุมวัน และในวันพฤหัสบดีที่ 8 มี.ค.กลุ่มผู้ชุมนุมที่ถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 กพ.ที่ผ่านมาจะต้องไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหา 2 กลุ่มนี้ก็มีจำนวน 100 คนแล้ว อีกทั้งยังไม่รวมถึงผู้ชุมนุมอื่นๆ ที่ร่วมเสวนาด้วย
น.ส.ณัฎฐากล่าวอีกว่า ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในแกนนำนักกิจกรรมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีขัดคำสั่ง คสช. ตนรู้สึกกังวล เพราะที่ผ่านมาคดีเดี่ยวกันนั้นไม่เคยมีผู้ต้องหาคนไหนถูกปฏิบัติแบบนี้ ตามหลักกฎหมายทั่วไปแล้วเมื่อผู้ต้องหาไปพบพนักงานสอบสวนแล้วก็จะได้รับการปล่อยตัว เพราะผู้ต้องหาไม่มีเจตนาที่จะหลบหนี รวมถึงผู้ต้องหาไม่ได้เป็นบุคคลอันตราย ดังนั้น อิสรภาพของผู้ต้องหาไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการที่พนักงานสอบสวนฝากขัง จึงทำให้สังคมตั้งคำถามว่าเป็นการตั้งข้อกล่าวหาเพื่อปิดปากหรือไม่