“ประยุทธ์” ขอให้ช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเดินหน้าสู่เลือกตั้ง ยอมรับขั้นตอนของราชการตรวจสอบทุจริตทำได้ไม่สมบูรณ์ เพราะว่าเอกสารถูกต้อง วอน ปชช. สอดส่อง อย่าปล่อยเป็นหน้าที่นายกฯ หรือเรื่องของระดับสูงเพียงอย่างเดียว
วันที่ 2 มี.ค. 2561 เวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่า ในช่วงเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง อยากเน้นย้ำให้ทุกคนช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ของประเทศ ในทุกมิติ เราต้องพัฒนาประเทศพร้อมกับการที่จะเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องของการช่วยกันขจัดปัญหาการทุจริต ขอให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการร้องทุกข์กล่าวโทษ ในการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เราพยายามลงไปให้ในทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ และจะต้องไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นในทุกโครงการ บางครั้งการตรวจสอบในบางขั้นตอนของทางราชการบางทีทำได้ไม่สมบูรณ์ เพราะว่าเอกสารมันถูกต้อง เพราะฉะนั้นก็ขอเน้นย้ำข้าราชการทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็ต้องไปดูว่าเอกสารที่ได้มานั้นมันถูกต้องหรือไม่ เช่น ข่าวที่มันมีอยู่ในปัจจุบันเรื่องความไม่ปกติของการช่วยเหลือผู้ยากไร้ เอกสารดูแล้วครบ แต่เมื่อมีคนร้องทุกข์กล่าวโทษมา หรือให้ข้อมูลมา เราก็นำไปสู่การพิสูจน์ และวันนี้ก็มีข้อมูลการกระทำความผิดอยู่
เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน อย่าปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของนายกฯ คนเดียว เรื่องของระดับสูงอย่างเดียว ระดับล่างต้องช่วยกัน ประชาชนทุกคนไม่ต้องกลัว รัฐบาลก็จะดูแลปกป้องให้ อย่างเช่น น้องสองคน นี่ก็ได้ดูแลไปแล้ว ก็ขอให้เป็นตัวอย่างของคนทั้งประเทศ ก็ขอให้ช่วยรัฐบาลในการทำหน้าที่ในการขจัดความไม่สุจริตให้ได้โดยเร็ว ในวิธีการที่ถูกต้อง ในขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยเรียนรู้ในเรื่องของกฎหมาย และทุกคนต้องเรียนรู้ในสิทธิของแต่ละคน ตัวเองมีสิทธิอะไร อย่างไร อย่าให้ใครเขามาใช้สิทธิของเราไปเพื่อเกิดประโยชน์ในทางไม่ถูกต้อง
คำต่อคำ : ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 2 มีนาคม 2561
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่านในยามที่บ้านเมืองของเราสงบเรียบร้อย ความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ ที่แสดงออกมานั้นก็สะท้อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ได้จากการเชียร์และรับชมตัวแทนคนไทย นักกีฬาไทยที่ไปชิงชัย แสดงศักยภาพในเวทีระดับโลก ผมก็ถือว่าอันนี้เป็นลักษณะเฉพาะของเราคนไทย ที่เรียกว่าไทยนิยมที่มีเลือดรักชาติ และมีความสามัคคีกันโดยสำนึก ล่าสุดผมขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนอีกครั้ง ในการแสดงความชื่นชมยินดี กับนักกีฬาไทยที่สร้างผลงานและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ หลายรายด้วยกัน ลำดับแรก เจ้าแหลม ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ที่สามารถชกเอาชนะผู้ท้าชิง ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า จากประเทศเม็กซิโก ทำให้รักษาเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ของสภามวยโลก WBC เป็นหนที่ 2 ได้สำเร็จ ในสังเวียนที่จัดขึ้นในต่างแดนก็คงไม่ง่ายนัก ด้วยบรรยายกาศกองเชียร์ และการปรับต้องตัวเข้ากับสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมอื่นๆ เพราะไม่ใช่ในประเทศของเราเอง เราควรจะยกย่องหัวใจนักสู้ที่แข็งแกร่งของเขาในเรื่องของการมีความมุ่งมั่น มีไหวพริบ ในขณะแข่งขัน ย้อนไปถึงความทรหดอดทน ตั้งแต่การซักซ้อมและการเตรียมตัวมีบุคคลอีกหลายฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะในครั้งนี้ เพราะผู้ท้าชิงรายนี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยฝีมือดีเช่นกัน สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะกล่าวถึง คือ ความสุขของคนไทยทั้งประเทศ จากความสำเร็จของเขาในครั้งนี้ ซึ่งหนทางสู่ความสำเร็จของเจ้าแหลมในวันนี้ หากใครติดตามประวัติส่วนตัว ก็รู้ว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายในชีวิต และ ผ่านความยากจนมานานกว่าจะได้รับโอกาส ด้วยความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ จึงได้พบกับคำว่าชนะในวันนี้ ก็อยากยกให้เป็นบุคคลตัวอย่าง ด้วยเหตุและผลที่กล่าวมา อยากให้ทุกคนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ของเจ้าแหลม หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอื่นๆ อีกด้วย จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ได้พบกับความสำเร็จเช่นกัน ไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาโดยง่าย เราต้องฝึกฝน - พัฒนาตนเอง อดทนเลือกทำในสิ่งที่รัก ที่ถนัด และทำให้ดีที่สุด ลำดับต่อมาผมขอแสดงความยินดีกับ น้องจีน อาฒยา ฐิติกุล สาวน้อยมหัศจรรย์วัย 15 ปี จากจังหวัดราชบุรี ที่ทำสำเร็จด้วยการเอาชนะ เพลย์ออฟ คว้าแชมป์กอล์ฟสมัครเล่นหญิง ชิงแชมป์ เอเชีย-แปซิฟิก 2018 ที่ประเทศสิงคโปร์ วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นการแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่นหญิงที่มีนักกอล์ฟเข้าร่วมการแข่งทั้งสิ้น 83 ราย จาก 17 ชาติสมาชิก ขอชื่นชม และเป็นกำลังใจ ให้กับน้องจีนได้มุ่งมั่น ตั้งใจ และ ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคต อายุยังน้อยอยู่ นอกจากนี้ ก็ยังมีการแข่งขันกีฬาระดับโลก ณ ประเทศไทยเช่นกัน คือ การแข่งขัน กอล์ฟ Honda LPGA Thailand 2018 แม้ว่านักกีฬาสาวไทย จะไม่ได้แชมป์ในรายการนี้ แต่ก็ถือว่าทำผลงานได้ดี โดยติดท็อปเทนถึง 3 คน ได้แก่ โปรโม โมรียา จุฑานุกาล อันดับ 2 โปรเม เอรียา จุฑานุกาล อันดับ 5 ร่วม และ โปรแหวน พรอนงค์ เพชรล้ำ อันดับ 7 ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ายังมีนักกีฬากอล์ฟอาชีพสาวไทยอีกหลายท่านที่มีผลงานที่โดดเด่น และมีพัฒนาการที่ดีในการแข่งขันรายการนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนมุ่งมั่นฝึกซ้อม และประสบความสำเร็จต่อไป รวมทั้งนักกีฬาหรือผู้แทนประเทศท่านอื่นๆ ด้วย
พี่น้องประชาชนที่เคารพทุกท่านครับ สำหรับแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนนั้น ซึ่งจะทำในพื้นที่ทุกระดับ ตั้งแต่จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านประกอบด้วย หลัก 9 ประการ ดังนี้ 1. คนไทยรักกันด้วยการสร้างความสามัคคีปรองดอง ให้เกิดขึ้นให้ได้ 2. คนไทยไม่ทิ้งกัน ด้วยการดูแลผู้มีรายได้น้อย 3. ชุมชนอยู่ดีมีสุข พัฒนาความเป็นอยู่ อาชีพ และรายได้ 4. วิถีไทย วิถีพอเพียง ด้วยการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต 5. รู้สิทธิ์ รู้หน้าที่ ของการเป็นพลเมืองที่ดี 6. รู้กลไกการบริหารราชการ ในแต่ละระดับ 7. รู้รักประชาธิปไตย โดยเฉพาะเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาล 8. รู้เท่าทันเทคโนโลยี และ 9. บูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด นอกจากนี้ ผมก็ได้สั่งการให้เพิ่มเรื่องการขับเคลื่อน งานตามภารกิจของทุกหน่วยงาน ให้ประสานสอดคล้องกับโครงการไทยนิยมดังกล่าวข้างต้นด้วย ทั้งนี้ จะมีคณะกรรมการในระดับต่างๆ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ กับ 1 พื้นที่ 1. คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนฯ ระดับประเทศ มี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 2. คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ระดับจังหวัด มี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน 3. คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ระดับอำเภอ มี นายอำเภอ เป็นประธาน 4. ทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล ให้นายอำเภอแต่งตั้งทีม ประกอบด้วย ข้าราชการในพื้นที่ ปราชญ์ชาวบ้าน จิตอาสา อื่นๆ เป็นต้น 5. สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ปลัดกรุงเทพมหานคร หรือผู้อำนวยการเขตเป็นผู้แต่งตั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ โครงการ สำหรับกิจกรรม และผลการดำเนินโครงการ ขอให้พี่น้องประชาชน ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการต่างๆ ภาครัฐ ที่ผมจะได้นำมาเล่าให้ฟัง เป็นระยะๆ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ 1 ซึงคณะกรรมการขับเคลื่อน จะลงพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ละประมาณ 4 ครั้ง แล้วก็จะสรุปความต้องการ ปัญหาอุปสรรค์อะไรต่างๆ มาเพื่อจะนำไปสู่การจัดทำโครงการ ระดับพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้มีการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้จัดสรรเพิ่มเติมลงไปนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วก็เกิดความเข้มแข็งเชื่อมโยง จากงานฟังชั่น ตลอดระยะเวลาที่เราผ่านมาแล้วด้วย
ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้เข้าร่วมการประชุมร่วม คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค ที่เรียกว่า ก.บ.ภ. และคณะกรรมการนโยบายบริหารงานจังหวัด และกลุ่มจังหวัด แบบบูรณาการ ก.น.จ. เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนพัฒนาจังหวัด และแผนพัฒนาภาค สำหรับการจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่ให้ตรงกับความต้องการของชุมชน ผมก็ถือว่าสิ่งที่ทำมานี้ ป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการจัดทำงบประมาณของประเทศที่สำคัญ ที่จะต้องประกอบไปด้วย การจัดทำงบประมาณจากส่วนกลาง เพื่อให้กระจายลงไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศนะครับและ งบประมาณที่จังหวัด - ภาค จัดทำโครงการขึ้น คือข้างล่างขึ้นมา Bottom up ขึ้นมา เพื่อจะขอดำเนินการในสิ่งที่เหมาะสมจำเป็น คือเราต้องบริหาร 2 ทางในการใช้จ่ายงบประมาณ Top Down แล้วก็ Bottom up ขึ้นมา เพื่อจะตอบโจทย์คนในพื้นที่โดยตรงผมเชื่อว่าจะช่วยให้การจัดสรรงบประมาณของประเทศมีประสิทธิภาพ และมีธรรมาภิบาล เป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า ให้ตรงความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง สำหรับในส่วนของการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดนั้น เราจะต้องยึดโยงกับแผนพัฒนาประเทศ และ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ของประเทศ ในภาพรวมได้ ขณะเดียวกันก็ต้องตอบสนองความต้องการในการแก้ปัญหาของแต่ละจังหวัดเอง รวมถึงสอดคล้องทิศทางการพัฒนากลุ่มจังหวัดและภาค โดยมีข้อมูลในพื้นที่สนับสนุน แล้วก็จะต้องย้อนไปดูผลการพัฒนา หรือแก้ปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ในการจัดทำแผนด้วย ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัด 76 จังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด 18 จังหวัด พ.ศ.2561-2564 รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการ และทำของบประมาณ ประจำปี 2562 ของจังหวัด 76 จังหวัด และของกลุ่มจังหวัด 18 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 2,399 โครงการ วงเงินรวมกว่า 57,000 ล้านบาท ไปแล้ว
สำหรับแผนพัฒนาภาคจะต้องกำหนดให้มีทิศทางที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนระดับชาติ ต้องมีการบูรณาการของส่วนราชการ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ลงไปในที่ต่างๆ ด้วย โดยจะต้องช่วยตอบโจทย์ปัญหา ขจัดอุปสรรคต่างๆ และรับมือกับความท้าทายของภาคใต้ โดยแต่ละภาคควรมีโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อน เพื่อให้ได้ประโยชน์คู่ขนานเติมเต็มกันไปด้วย
ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนการพัฒนาภาค และกรอบแผนงานโครงการสำคัญ ที่จะสอดคล้องกับการพัฒนาภาคปี 2560-2564 จำนวนเกือบ 1,200 โครงการ วงเงินรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งผมอยากจะถือโอกาสในวันนี้ ได้เล่าให้พี่น้องประชาชนได้รับฟังถึงแผนพัฒนาแต่ละภาค เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการจะปรับแนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อจะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และครอบคลุมทุกพื้นที่ ที่สำคัญให้เกิดความต่อเนื่อง และเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งมันมีความแตกต่างระดับพื้นที่ด้วย
สำหรับในภาคกลางจะมีการพัฒนากรุงเทพฯ ไปสู่มหานครทันสมัย ซึ่งเราคงต้องมีการแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมของเมือง และมีการพัฒนาคุณภาคชีวิต มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจัง นอกจากนี้ภาคกลางจะเป็นฐานการผลิตสินค้า และบริการที่มีมูลค่าสูง โดยผ่านการผลิตสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม โดยใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้อย่างยั่งยืน มีการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ เพื่อจะแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง คงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และยกระดับคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงให้กระจายทั่วทั้งภาคมากขึ้น อีกทั้งเรายังเน้นการเปิดประตูการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษในภาคกลาง และอีอีซีอีกด้วย
ในประเด็นผังเมือง เรายังเป็นปัญหามาก หลายท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ หรือมีความเข้าใจที่ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน การจัดทำผังเมืองจะมีการทำอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลตามกฎหมายจะต้องมีการปรับแผนทุก 5 ปี และประชาชนนั้นจะมีส่วนร่วมในการจัดทำปัญหา ไม่ได้ว่าเราไม่มีผังเมือง เรามี และปรับเปลี่ยนมาทุก 5 ปีอย่างที่ว่า แต่ปัญหาคือการใช้ผังเมืองนั้น ไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเท่าที่ควร และเมื่อผังเมืองที่จัดทำไว้ไปสร้างในสิ่งที่ไม่ควรจะสร้าง สร้่างไม่ได้ มันเลยทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายอย่างมากมายที่ผ่านมา จนทำให้เกิดปัญหาการจัดระเบียบ การระบายน้ำเสียต่างๆ เหล่านี้ มันเป็นปัญหาที่ยาวนานมาแล้วทั้งสิ้น และกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ เป็นเมืองที่กันมายาวนาน ปัญหามันเกิดตั้งแต่แรก มันเลยอาจเกิดขึ้น คราวนี้แทนที่จะไปปรับเปลี่ยนระบบระบายน้ำ หรือทำระบบระบายน้ำใหม่ ก็เกิดปัญหาเพราะคนมาอยู่กันเต็มไปหมดแล้ว ทั้งๆ ที่แผนอาจจะวางไว้ต้องเป็นนู้นเป็นนี่เป็นถนนหนทาง เป็นทางระบายน้ำอะไรต่างๆ ปรากฏว่าทุกคนไปฝ่าฝืนกัน และมีการบังคับใช้กฎหมายในระหว่างบังคับใช้กฎหมายฟ้องศาล กระบวนยุติธรรมอยู่ มันบุกรุกไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม ไปละเมิดมากกว่าเดิม นี่มันทำให้เกิดความยากในการบังคับใช้ผังเมือง
ผมขอความร่วมมือในการบังคับใช้ผังเมืองอย่างที่ได้ออกมาแล้วให้เคร่งครัดอย่างเป็นรูปธรรม ปัญหาเราจะได้แก้ไขได้ ตอนนี้มีปัญหารอบนอกแล้ว รอบในมันแออัดมันแน่น และมันต้องรื้อไปทั้งหมด เพราะฉะนั้นประชาชนจะว่ายังไง ถ้่าต้องการจะให้น้ำแก้ปัญหาได้ มันต้องขุดทางระบายน้ำใหม่ทั้งหมด ทำระบบระบายน้ำเสียใหม่ เพราะเดิมมันทำเฉพาะพื้นที่เล็กๆ กรุงเทพฯ ไม่ได้ขยายขนาดนี้ ตอนนี้มันขยายกว้างขึ้นๆ แออัดมากขึ้น ถนนหนทางแน่นขนัดไป การจราจรมีปัญหาทั้งหมดเลย นี่มันคือปัญหาว่าเราจะต้องร่วมมือกันในการปฏิบัติตามผังเมืองที่ได้ออกมาแล้ว โดยความเห็นชอบของทุกภาคส่วน
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเป้าหมายให้พื้นที่กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยจะมีการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต โดยการบูรณาการดูแลน้ำในพื้นที่ การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมไปกับการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชน เพื่อจะเร่งสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายใน อีกทั้งยังเน้นการแก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และการใช้โอกาสจากโครงข่ายคมนาคมขนส่ง ที่เชื่อมโยงมาจากอีอีซี เช่น ถนน รถไฟทางคู่ เพื่อจะพัฒนาเมือง
และเกิดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ๆ ในภาค รวมถึงขยายผลออกไป
ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจตามแนวชายแดน และเขตเศรษฐกิจพิเศษอีกด้วย ในส่วนของภาคตะวันออกเป้าหมายได้แก่การเป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน ทั้งการรักษาฐานเศรษฐกิจเดิม ให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเน้นการพัฒนาพื้นที่อีอีซีให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน และพัฒนาให้ภาคตะวันออก เป็นแหล่งผลิตอาหาร โดยเฉพาะผลไม้เมืองร้อนที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานสากล รวมถึงพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนให้เป็นประตูเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน รวมทั้งปรับปรุงมาตรฐานทั้งสินค้า และการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เพื่อจะให้ภาคตะวันออกเป็นแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอม โดยจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการกัดเซาะชายฝั่ง และการบริหารจัดการมลพิษควบคู่ไปด้วย
สำหรับในภาคเหนือ เราจะมุ่งให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง มีการต่อยอดการผลิตสินค้าและบริการด้วยภูมิปัญญาเชิงสร้างสรรค์ และนวัตกรรม รวมทั้งยกระดับให้เป็นฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เพื่อเชื่อมโยงสู่อุตสาหกรรมการเกษตรแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น มีการพัฒนาการท่องเที่ยว และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ เพิ่มความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้สามารถกระจายผลประโยชน์ได้ทั่วถึง
นอกจากนี้ ด้วยความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจะต้องใช้โอกาสนี้ในการขยายฐานเศรษฐกิจออกไปผ่านการค้า และการลงทุน ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และแก้ปัญหาความยากจน มีการยกระดับฝีมือแรงงานในภาคบริการ
นอกจากนี้ จะต้องมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้คงความสมบูรณ์ มีการจัดระบบบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม และแก้ไขปัญหาหมอกควันพิษให้ได้ อย่างยั่งยืนไปพร้อมกันด้วย ในส่วนของภาคใต้มีเป้าหมายจะพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศระดับโลก โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ยางพารา และปาล์มน้ำมันของประเทศโดยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผ่านการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมการผลิตภาคเกษตร แปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร รวมทั้งเป็นเมืองเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงการค้าการลงทุน กับภูมิภาคอื่นของโลกด้วย โดยจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้สามารถสนับสนุน ภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ได้มากขึ้น รวมทั้งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นด้วย รวมไปถึงการยกระดับอุตสาหกรรมประมง และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ เพื่อจะสร้างความมั่นคงให้กับภาคการผลิต และรายได้ของเกษตรกร
อีกทั้งการพัฒนาเมืองสุไหงโก-ลก และเมืองเบตง ให้เป็นเมืองการค้า และเมืองท่องเที่ยวชายแดน ที่ปลอดภัย เชื่อมโยงไปยังเศรษฐกิจของประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพิ่มเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ เป็นภาพรวมของแผนพัฒนาภาคก็อยากจะเล่าให้ทุกท่านฟัง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบูรณาการงานของส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุดให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากแผนพัฒนาภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัดแล้ว รัฐบาลก็ยังมีโครงการที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่างๆ เป็นระยะๆ
เช่น โครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการนำทีมลงไปยังพื้นที่อย่างที่กล่าวไปแล้ว เพื่อพูดคุย หารือกับพี่น้องประชาชนถึงปัญหา และความต้องการ โดยส่วนราชการต่างๆ มีหน้าที่ลงไปวางแผนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาระยะสั้น และเก็บข้อมูลเพื่อมาหาแนวทางแก้ปัญหาที่ทำได้ยาก ในระยะยาว ไปสู่การบริหารราชการแผ่นดินในระยะต่อไป วันนี้เราต้องร่วมกันทำตามกลไกประชารัฐด้วยซึ่งจะช่วยเสริมให้แผนพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้ดีขึ้น ส่งเสริมการระเบิดจากข้างใน ตามศาสตร์พระราชา อย่างแท้จริง
นอกจากโครงการต่างๆ จากส่วนกลางที่ทำให้การเข้าถึงพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นแล้ว ในการวางนโยบายลงไปให้ตรงกับความต้องการของพื้นที่มากขึ้น รัฐบาลได้นำเอาการวิเคราะห์ Big Data มาปรับใช้เป็นเครื่องมือให้กับการบริหารราชการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในการเพิ่มรายได้ ลดค่าครองชีพ และเพิ่มโอกาสด้านอาชีพ
ซึ่งข้อมูลในระบบที่บูรณาการกัน และมีอยู่แล้วเดิม ท่านต้องจัดหาเพิ่มเติม อาทิ ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน ของกรมการพัฒนาชุมชน กว่า 35 ล้านราย และ ข้อมูลการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย กระทรวงการคลัง กว่า 14 ล้านราย รวมทั้ง ข้อมูลในมิติต่างๆ ของหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง เช่นข้อมูลด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา และ ด้านอื่นๆ ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้วยของพื้นที่ จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์ และชี้เป้าผู้ที่มีรายได้น้อย หรือ ผู้ที่รอความช่วยเหลือเร่งด่วน หรือที่มีปัญหาทับซ้อนหลายมิติ กว่า 1,400,000 คน เป็นต้น
โดยคุณสมบัติของ Big Data จะช่วยให้เราสามารถประมวลหารูปแบบของพฤติกรรมและความสัมพันธ์ ระหว่างมิติต่างๆ ของข้อมูลได้ค่อนข้างดี ชี้ให้เห็นว่าประชาชนแต่ละกลุ่ม หรือในแต่ละพื้นที่ มีความต้องการอะไร ซึ่งจะทำให้นโยบายสามารถออกแบบให้ตรงกับความต้องการนั้นได้จริง
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดการสิ้นเปลืองงบประมาณลงไป ลดค่าใช้จ่ายในการใช้คน ใช้เจ้าหน้าที่ ลงไปได้บ้าง เพราะว่าเราขาดแคลนเจ้าหน้าที่อยู่พอสมควร ในขณะที่เราต้องทำงานในลักษณะใหม่ๆนี้ เราต้องประหยัดงบประมาณให้ได้
ปัจจุบัน เป็นเพียงการเริ่มต้น รัฐบาลต้องการนำการวิเคราะห์ Big Data มาใช้ให้ได้มากขึ้น เป็นเครื่องมือให้ได้อย่างแท้จริงอย่างต่อเนื่อง ของทุกหน่วยงาน ของทุกมิติ และขยายไปยังมิติอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องความยากจน เช่น เรื่องคนพิการผู้ด้อยโอกาส เรื่องเกษตรกรรม ซึ่ง Agri-Map จะทำให้เห็นปัญหาภัยแล้ง หรืออุทกภัยที่เกิดขึ้น มากน้อยต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งในที่สุดจะสามารถช่วยคาดการณ์พฤติกรรม หรือความรุนแรงของภัยธรรมชาติของพื้นที่ได้ด้วย สามารถนำมาใช้วางแนวทางมาตรการของภาครัฐ รวมไปถึงยกระดับการประกันภัยพืชผลที่ปัจจุบันอาจ ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกลไกที่จะช่วยรองรับความเสี่ยงของพี่น้องเกษตรกรได้อีกด้วย
การมีแผนพัฒนาภาค กลุ่มจังหวัด และรายจังหวัดข้างต้นนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ริเริ่มขึ้นมา เดิมมีแค่กลุ่มจังหวัด วันนี้เรามีแผนพัฒนาภาคไปด้วย มีคณะกรรมการระดับภาคไปด้วย ซึ่งก็จะต้องสอดคล้องไปทั้งภาค กลุ่มจังหวัด และรายจังหวัดข้างต้น
ประกอบไปกับการลงพื้นที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อช่วยจัดทำโครงการ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ชุมชนเอง มีการทำประชาคม ให้เห็นชอบร่วมกัน รวมถึงการนำข้อมูลจริงมาช่วยวิเคราะห์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น องค์ประกอบทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ผมพยายามนำมาใช้บูรณาการร่วมกันให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ในการมองปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก็ขอให้ประชาชนร่วมมือกัน ให้ข้อมูล ชี้ให้เห็นถึงปัญหา ช่วยกันให้ข้อเสนอแนะ ร่วมกันสร้างกระบวนการเรียนรู้ รับรู้ ให้ทุกคนได้เข้าใจในแนวทางแก้ไขกับภาครัฐมาได้ เพื่อให้ปัญหาในพื้นที่ถูกขจัดออกไปได้เร็วขึ้น และอาจนำไปสู่ทางแก้ที่ยั่งยืนด้วย
พี่น้องประชาชนที่รัก ข่าวสารบ้านเมืองที่เราคนไทยควรติดตาม ศึกษา ทำความเข้าใจกันอย่างต่อเนื่อง นอกจากเรื่องการปฏิรูปประเทศ การเลือกตั้งแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพียงแต่ขอให้ตรวจสอบความถูกต้อง ความเชื่อถือได้ของแหล่งข่าวด้วย
ผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศ นักจัดรายการวิทยุ สื่อมวลชนทุกแขนง ท่านมีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการสร้างความเข้าใจ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดังนั้นผมจึงอยากจะขอร้องให้ช่วยกันช่วยภาครัฐบ้าง ช่วยไม่ให้พี่น้องประชาชนของเราตกข่าว ข่าวที่ดีๆ แล้วปล่อยให้ข่าวสารที่เป็นสาธารณประโยชน์ถูกกลบ ด้วยข่าวสารที่ไม่สร้างสรรค์สังคม อันนี้ต้องขอให้ช่วยกัน ผมไม่ได้ตำหนิใครทั้งสิ้น เพียงแต่ท่านต้องทบทวนแล้วว่า การเสนอข่าวอย่างมีจรรยาบรรณนั้นคืออะไร
วันนี้ผมมีเรื่องความคืบหน้าการทำงานตามนโยบายรัฐบาลที่จะช่วยแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนมาเล่าให้ฟัง 2 เรื่อง
1. เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ปัจจุบันเราเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือเฟส 2 คือการพัฒนาฝีมือแรงงาน การฝึกอาชีพ ผมได้รับรายงานว่ามีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งแสดงความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกว่า 5 ล้านคน หรือเกือบจะครึ่งหนึ่งของผู้มีบัตรทั้งหมดทั่วประเทศ 11.4 ล้านคน โดยจังหวัดที่มีคนเข้าร่วมโครงการมากที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีบัตรสวัสดิการ ก็คือ กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ เลย ร้อยเอ็ด นครพนม ตามลำดับ
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินในบัตรสวัสดิการเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 100 - 200 บาท ภายในเดือนมีนาคมนี้ และจะได้รับโอกาสในการมีงานทำ มีความรู้ และทักษะอาชีพ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบและสิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ภายในเดือนเมษายน เป็นต้นไป
ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และยกระดับเศรษฐกิจระดับพื้นที่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน ที่มีแนวโน้มดีขึ้น เราก็จะไม่ยอมให้เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อย่างที่บางคนพยายามจะชักใบให้เรือเสียอยู่ โดยผมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับได้ทำงานอย่างมุ่งมั่น มีอุดมการณ์ และซื่อสัตย์ ก็ขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา หากพบความไม่โปร่งใส ขอให้แจ้งมายังรัฐบาลผ่านสายด่วน 1111 หรือ 1567 ได้ทุกกรณี
2. เรื่องของการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว ก็ขอย้ำให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ พม่า กัมพูชา ลาว หรืออื่นๆ ไปตรวจสุขภาพ ณ โรงพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ก่อนจะเข้าศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS) และนำใบรับรองแพทย์ หรือใบนัดหมายการตรวจสุขภาพมาเป็นหลักฐานได้ที่ศูนย์ฯ อีกทั้งอย่าลืมพาแรงงานต่างด้าวไปจัดทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงานที่ศูนย์ OSS ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2561 เท่านั้น ก็เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน ทราบว่าปัจจุบันมีแรงงานดำเนินการแล้วเกือบ 30,000 ราย มีพม่า 15,000 กัมพูชา 12,000 ลาวอีก 3,000 คน โดยประมาณ ผมไม่อยากให้ทุกคนไปรอจนใกล้กำหนดวันที่ 31 มีนาคม 2561 แล้วก็ไปแออัดคับคั่งกันตอนนั้น อาจจะไม่ได้รับความสะดวกรวดเร็ว ทำไม่ทัน คราวนี้ล่ะมีปัญหาแน่ รัฐบาลก็พยายามจะดูแล ผ่อนผันมาพอสมควรแล้ว หากมีการใช้บริการเป็นจำนวนมากในตอนนั้น แล้วดำเนินการไม่ทัน ต้องถูกดำเนินคดี จับกุม เดี๋ยวผู้ประกอบการก็มาร้องเรียนรัฐบาลอีก ท่านต้องร่วมมือกับรัฐบาลด้วย ทั้งแรงงาน ทั้งผู้ประกอบกิจการต่างๆ ที่มีการใช้แรงงานเหล่านั้น
ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน
พี่น้องประชาชนทุกท่านที่เคารพครับ ผมขอสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ริเริ่มเองโดยสถาบันการศึกษา หรือทุกภาคส่วน เป็นการสร้างสรรค์สังคม จิตอาสา หรือช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส เป็นตัวอย่างของไทยนิยม ที่ไม่ต้องรอการดำเนินการจากภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว อาทิ จากการอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ ผมก็ได้เห็นโครงการช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาสทางด้านการศึกษาที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ในการขาดแคลนทุนทรัพย์ในการดำรงชีวิต หรือซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ ดังนั้น นักศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยนาฏศิลป์สุพรรณบุรี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมศิลปากร ก็เกิดแนวคิดในการดำเนินโครงการที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กที่ด้อยโอกาสขึ้น โดยสถานที่ที่ผู้จัดโครงการเลือกที่จะดำเนินการก็คือ โรงเรียนประทีปศึกษา ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ มีเด็กชาวไทยในพื้นที่สูงจาก จ.ตาก จ.เพชรบูรณ์ จ.กำแพงเพชร ทั้งเผ่าม้ง และกะเหรี่ยง ตลอดจนเด็กในละแวก อ.สามชุก ที่ผู้ปกครองไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะส่งเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนนี้ที่เป็นโรงเรียนเอกชน แต่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษา
ทั้งนี้ ความมุ่งหวังของโครงการ นอกจากจะให้ความช่วยเหลือทางด้านอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ แล้ว ที่สำคัญก็คือการส่งเสริมการเป็นพลเมืองดีของชาติในอนาคต มีความสำนึกในความเป็นไทย รักชาติ รักสถาบัน คุณธรรม จริยธรรม เป็นต้น เป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่ผมนำมาเล่าให้ฟัง และผมก็เชื่อว่ามีอีกหลายโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ ขอให้ทุกสถาบันการศึกษา ทุกโรงเรียน ได้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอน การแนะนำ การสร้างกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ของครู วันนี้ครูก็ต้องปรับตัว ต้องมีการสอนในแนวใหม่ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เราสอนแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกแล้ว วันนี้ต้องสอนทั้งในตำรา และเรื่องของการเรียนรู้นอกตำราด้วย เพื่อจะไปสู่การมีงานทำในอนาคตที่ปฏิบัติได้จริง
ที่น่าชื่นชมก็คือ โครงการเหล่านี้เป็นโครงการที่สถาบันการศึกษาทำเพื่อการศึกษาเพื่ออนาคตของชาติ ผมก็อยากให้ร่วมมือกันมากขึ้นในทุกโรงเรียน ในทุกพื้นที่ เป็นการทำเพื่ออนาคต หากเราร่วมมือกันด้วยกลไกประชารัฐในทุกพื้นที่ของตน ภาคธุรกิจ เอกชน ประชาชนอาจจะมาร่วมมือกับโรงเรียน ให้ทุนการศึกษาเพิ่ม อะไรก็ได้ แล้วแต่ ถ้าทุกคนใช้สิ่งที่ผมพูดไปแล้ว คือไทยนิยม คือการมุ่งมั่นในการทำความดี ก็ต้องร่วมมือ ช่วยกัน เราก็จะไม่มีพื้นที่ใดที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยในที่สุด
เรื่องสุดท้าย ก็อยากเน้นย้ำในช่วงเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ทุกคนก็ต้องช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ของประเทศ ในทุกมิติด้วย เราต้องพัฒนาประเทศพร้อมกับการที่จะเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลต่อไป
สำหรับในเรื่องของการช่วยกันขจัดปัญหาการทุจริตนั้น ขอให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการร้องทุกข์กล่าวโทษ ในการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เราพยายามลงไปให้ในทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ และจะต้องไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นในทุกโครงการ บางครั้งการตรวจสอบในบางขั้นตอนของทางราชการบางทีทำได้ไม่สมบูรณ์ เพราะว่าเอกสารมันถูกต้อง เพราะฉะนั้นก็ขอเน้นย้ำข้าราชการทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็ต้องไปดูว่าเอกสารที่ได้มานั้นมันถูกต้องหรือไม่ เช่น ข่าวที่มันมีอยู่ในปัจจุบันเรื่องความไม่ปกติของการช่วยเหลือผู้ยากไร้ เอกสารดูแล้วครบ แต่เมื่อมีคนร้องทุกข์กล่าวโทษมา หรือให้ข้อมูลมา เราก็นำไปสู่การพิสูจน์ และวันนี้ก็มีข้อมูลการกระทำความผิดอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน อย่าปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของนายกฯ คนเดียว หรือของระดับสูงอย่างเดียว ระดับล่างต้องช่วยกัน ประชาชนทุกคนไม่ต้องกลัว รัฐบาลก็จะดูแลปกป้องให้ อย่างเช่นน้องสองคน นี่ก็ได้ดูแลไปแล้ว ก็ขอให้เป็นตัวอย่างของคนทั้งประเทศ ก็ขอให้ช่วยรัฐบาลในการทำหน้าที่ในการขจัดความไม่สุจริตให้ได้โดยเร็ว ในวิธีการที่ถูกต้อง ในขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยเรียนรู้ในเรื่องของกฎหมาย และทุกคนต้องเรียนรู้ในสิทธิของแต่ละคน ตัวเองมีสิทธิอะไร อย่างไร อย่าให้ใครเขามาใช้สิทธิของเราไปเพื่อเกิดประโยชน์ในทางไม่ถูกต้อง
ขอขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกคน ทุกครอบครัว มีความสุข สวัสดีครับ