ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เบื้องลึกเททิ้ง“ว่าที่กกต.”!! 2 ตัวแทนสายตุลาการติดปม “ลงมติเปิดเผย”หวั่นถูกร้องเรียน บวกกับ“ผู้มีอำนาจ”ไม่ปลื้มบางคน แล้วยังมี “ว่าที่ กกต.สายสรรหา”บางคนไม่อยากย้ายที่ทำงาน ผสมโรงกลายเป็น“ใบสั่ง”ยิงตรงไปยัง“สภาฝักถั่ว”ทำแท้งยกก๊วน
เซอร์ไพร์สไม่น้อย .. คิว“สภาฝักถั่ว”ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติคว่ำรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาเป็น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ชุดใหม่ ทั้ง 7 ราย .. อันประกอบด้วย “ฐากร ตัณฑสิทธิ์ - เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ - ชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ - อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ - ประชา เตรัตน์ - ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี - ปกรณ์ มหรรณพ” ..เรียกว่า “เททิ้งยกชุด”พร้อมขีดเส้นใต้หนาๆไว้ด้วยว่า ทั้ง 7 ราย ไม่สามารถร่วมการสรรหาครั้งใหม่ได้ หมดอนาคตคุมเลือกตั้งไปตลอดชีพ .. ทั้งที่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน มีข่าวจากกรรมาธิการฯ ตรวจสอบประวัติฯ ระบุว่า ไร้ปัญหา ผ่านฉลุยกันหมดแหง๋ๆ .. แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป“หน้ามือเป็นหลังเท้า”เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม ที่เป็นการประชุมลับกันร่วมชั่วโมง ก่อนโหวต“ทำแท้ง” กันอย่างพร้อมเพรียง .. หะแรกที่เห็นผลลงมติ อดคิดไปในทำนองว่า เป็น“ลูกเล่น”ของ“องคาพยพ คสช.”ในการถ่วงเวลาให้ยืดโรดแมปการเลือกตั้งไม่ได้ .. แต่เมื่อไล่ดูกระบวนการสรรหาใหม่ ที่กินเวลาไม่น่าเกิน 90 วัน ดูแล้วคงไม่กระทบต่อการเตรียมการเลือกตั้ง ด้วย“กกต.ชุดปัจจุบัน”ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ไปได้ .. คำถามมีว่า เหตุใด สนช.ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สภาฝักถั่ว”ในอาณัติของ “รัฐบาลทหาร”จึงตัดสินใจเช่นนี้ ..
ตอบแทนว่า ผู้ได้รับสรรหาบางรายนั้นมีปัญหาจริง โดยเฉพาะ“สายตุลาการ”2 ราย “ฉัตรไชย-ปกรณ์”ที่ติดปม “ลงมติเปิดเผย” หรือไม่ สุ่มเสี่ยงถูกร้องเรียนในอนาคต .. แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องโหวตคว่ำยกชุดขนาดนี้ ควรที่จะลงมติไม่เห็นชอบเป็น“รายบุคคล” มากกว่า .. ฝ่ายคนใน สนช.ก็อ้างว่า ว่าที่ กกต.7 คน ไม่มีผลงานจัดการเลือกตั้งโดยตรง สมาชิกสนช. จึงตัดสินใจแบบ“กระทันหัน”หลังการประชุมลับ .. เป็น “ข้ออ้าง”ที่ฟังไม่ค่อยขึ้น ด้วย“เหตุผล”เรื่องการไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง บวกกับ“สเปกเทพ”ตามกฎหมายกกต. ที่ต้องเป็น“หัวหน้าส่วนราชการ”ติดต่อกัน 5 ปีตามกฎหมายนั้น หาไม่ได้หรอกในแผ่นดินไทย .. คุณสมบัติ“ประสบการณ์ตรงด้านการเลือกตั้ง”จึงเป็นเพียง“ข้ออ้าง” เพื่อคว่ำกระบวนการในครั้งนี้เป็นการ“เฉพาะกิจ”เท่านั้น .. ท่ามกลางกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า“ว่าที่ กกต.บางคน”ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของ“ผู้มีอำนาจ”ด้วยมีแนวทางการเมืองออกไปทางตรงกันข้ามกับ“ฝ่ายทหาร”..ผนวกกับช่วงกลางดึกก่อนการลงมติของ สนช. มีข่าวแพร่สะพัดว่า มี “ว่าที่ กกต.สายสรรหา”บางราย เดินเกม“ผสมโรง”เพื่อให้ล้มกระบวนการในชุดนี้ทั้งหมด .. ด้วย“เหตุผลส่วนตัว”ที่ไม่อยาก “ย้ายที่ทำงาน” จึงเป็นที่มาของ“ใบสั่ง”ที่ยิงตรงไปยัง“สภาฝักถั่ว” ..กลายเป็นหลากเหตุผลที่ ทำให้ทั้ง 7 รายได้เป็นแค่“ว่าที่ กกต.”อดเป็น “7เสือ กกต.” ไปในที่สุด
** เหมือนจะดี!! ดัชนีต้านโกง TI ให้แต้ม“เมืองไทย”ดีขึ้นเล็กน้อย หวังว่า“บิ๊กรัฐ”ไม่ตีปิ๊บเป็นผลงาน ด้วยบทวิเคราะห์ชำแหละประเทศไทยสิ้นไส้ ตัวถ่วงอื้อทั้ง“กับดักระบบอุปถัมภ์-เงินใต้โต๊ะ-ไม่ล่าคนโกงมาลงโทษ”ยังดี“ประธาน ป.ป.ช.”ไม่ฮุบเหยื่อ เหตุความจริงย้อนเข้าตัวทั้งนั้น
ประกาศออกมาแล้ว .. ดัชนีการรับรู้การทุจริตประจำปี 2017(Corruption Perception Index : CPI) ประจำปี 2560 ของ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ(TI).. ปรากฏว่า “ประเทศไทย”มีคะแนนดัชนีคอร์รัปชัน“ดีขึ้น”เขยิบจากอันดับที่ 101 มาอยู่อันดับ 96 ของโลก จากจากทั้งหมด 176 ประเทศ ที่เข้าร่วมประเมิน .. ด้วยคะแนน 37 เต็ม 100 เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ได้เพียง 35 คะแนน .. ผลออกมาเป็นบวกแบบนี้ ไม่รู้ว่า“บิ๊ก คสช.”จะไปอุบอิบเป็นผลงานตัวเองหรือไม่ ด้วยก่อนหน้านี้ มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสของไทย ได้ประกาศถอนตัวจาก TI ด้วยเหตุผลว่า“มีอคติ”และ “ไม่สอดคล้องกับความจริงในประเทศไทย”..รวมทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “รัฐบาล คสช.”ก็แสดงท่าทีไม่ยอมรับดัชนี้จากสำนักนี้เสียด้วย .. อย่างไรก็ตาม ต้องไม่นำพาผลคะแนนที่“ดีขึ้นเล็กน้อย”เพียงแค่ “เปลือก”หรือ“กระพี้”..ด้วยบทวิเคราะห์แนบท้ายชำแหละ“ไทยแลนด์”ซะ “รู้เช่นเห็นชาติ”ว่าเหตุใด คะแนนจึงวนเวียนอยู่ในระดับ 35 - 38 คะแนน เป็น“บัวไม่พ้นน้ำ”เยี่ยงนี้ ..
ก็ด้วยสายตา “นานาชาติ”ยังมองว่า ระบบราชการไทย-สังคมไทยยังมี “กับดักระบบอุปถัมภ์”..การติดสินบน-จ่ายเงินใต้โต๊ะ การใช้ทรัพยากรที่ไม่คุ้มค่า-ไร้ธรรมาภิบาล .. ข้อหนึ่งที่สะท้อน“ความจริงในปัจจุบัน”ก็เรื่องความไม่เชื่อมั่นในการกระบวนการนำตัว“ผู้ที่กระทำการทุจริต” มาลงโทษ ปล่อยปละการใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์ .. ยังดีที่“บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ไม่ทะลึ่งฮุบเหยื่อ ลิงโลดกับแต้มที่กระเตื้องขึ้น .. ด้วยเป้าที่ป.ป.ช.ไทยแลนด์วางไว้ว่า ภายในปี 2564 ต้องได้คะแนนเกินครึ่ง หรือ 50 เต็ม 100 .. หลังผลประเมินล่าสุดออก ก็สั่งตั้งทีมวิเคราะห์ที่มาของแต่ละหัวข้อที่ลดลง 3 ดัชนี ได้แก่ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการจัดการของรัฐบาล ทันที .. จริงๆ โจทย์นี้แก้ไม่ยาก แค่ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่าง“ตรงไปตรมมา”ไม่เตะถ่วงคดี หรือออกตัวแทน“ผู้ถูกกกล่าวหา”แค่นี้คะแนนก็พุ่งเป็นแน่แท้ .. เอาแค่ประเด็นร้อน ข้อร้องเรียน ผอ.เขตประเวศ กรณี“ป้าทุบรถ”ก็อมตุ่ยไว้ตั้งแต่ปี 2554 แค่นี้ก็ตายหยั่งเขียดล่ะ .. ไม่เท่านั้นตัว“ประธานกุ้ย”เองก็เป็นคนหนึ่งที่ติด“กับดักระบบอุปถัมภ์”ด้วยมีความใกล้ชิดกับ “ผู้มีอำนาจ”ยอมสารภาพว่าเป็น “สายตรงวงษ์สุวรรณ”นั่นก็อีก.
** ฤทธาขวานป้า!! “ผู้ว่าฯอัศวิน”สั่งเคลียร์ “ขยะใต้พรม”5 ตลาดรอบบ้านป้า ทยอยปิดตำนาน อึ้งตลาดเถื่อนเกลื่อนเมืองกรุง ถูกกฎหมายไม่ถึงครึ่ง “ผอ.เขตประเวศ”หนาวทุกยุค คนปัจจุบัน ส่อแววได้ย้ายที่ทำงานเร็วๆ นี้
ประเวศหนาวมาก .. หลัง“บิ๊กวิน”พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีร้องเรียนว่ามีการปล่อยให้ตั้งตลาด 5 แห่งอย่างไม่ถูกต้อง ภายในซอยศรีนครินทร์ 55 เขตประเวศ .. อันเป็นอาฟเตอร์ช๊อค จาก“ดราม่าป้าทุบรถ”งานนี้ “ผู้บริหารเขตประเวศ” ปัจจุบัน ย้อนไปถึงอดีต เมื่อปี 2551 เป็นต้นมา ได้อยู่ไม่สุขกันแน่ .. โดยเฉพาะ ธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ คนปัจจุบัน ที่ให้สัมภาษณ์แต่ละดอก “เรียกแขก”ซะเหลือเกิน รายนี้แว่วว่า น่าจะได้ย้ายที่ทำงานเร็วๆ นี้ .. ส่วนตลาด ทั้ง 5 แห่ง “เส้นใหญ่”มาจากไหนไม่ทราบ ถูกขีดเส้นให้ปิดเบื้องต้น 3 แห่งภายใน 7 วัน ส่วนอีก 2 แห่ง มีโจทย์ต้องแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมายโดยด่วน แก้ไม่ทันก็โดนปิดกิจการตกตามกันไป .. ทำเอาตอนนี้“พ่อค้า-แม่ขาย”ที่เคยเป็นกองเชียร์ “สาวรถกระบะต่างถิ่น”ล้อมวงด่า“ทีมคุณป้า”กันสาดเสียเทเสีย กลายมาเป็นคร่ำครวญ กระจองอแง ไม่คาดคิดว่าแค่เรื่องจอดรถจะกระทบถึงขั้นต้องปิดตลาด ..
นอกจากนี้ พลานุภาพ“ป้าขวาน”ยังสะเทือนวงการ“ตลาดเถื่อน”อย่างรวดเร็ว .. ตามที่ “ผู้ว่าฯอัศวิน”สั่งสแกนตลาดทั่วเมืองกรุงที่มีอยู่นับพันแห่ง เบื้องต้นพอสรุปได้ว่า“ตลาดเถื่อน”มีอยู่เกลื่อนกรุง มากกว่า 500 แห่งด้วยกัน จ่อถูก“ปิดกิจการ”เหี้ยน .. ย้ำอีกที อย่าลืมไปไล่เบี้ยด้วยว่า หลายร้อยแห่งที่ไม่ถูกกฎหมายนั้น มีผลประโยชน์หมุนเวียนมหาศาลขนาดไหน แล้วตกหล่นไปอยู่ในกระเป๋าใครบ้าง .. เสมือน “ขวานป้า”เป็น“ขวานวิเศษ”แสดงพลานุภาพ เสกเอา“ขยะใต้พรม”ขึ้นมาถูกชำระให้หมดจด .. นอกจากจะทำให้ปัญหาของ“บ้านแสงหยกตระการ”จะได้รับการแก้ไขแล้ว ยัง ก่อให้เกิดคุณูปการต่อสังคมไทยอย่างไม่คาดคิดอีกด้วย.
ช.ชฎา