ป.ป.ช.แถลงตรวจสอบนาฬิกา “บิ๊กป้อม” คืบหน้าบ้างแล้ว ยังติดพยานไปต่างประเทศ แย้มอาจมีไม่ถึง 25 เรือน ภาพทางสื่ออาจซ้ำ ต้องตรวจสอบว่าเจ้าของตัวจริงเป็นใคร เผยอีก “วัชรพล” ขอถอนจากการพิจารณาในชั้นกรรมการ
วันนี้ (24 ม.ค.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ามีการสอบสวนพยานหลักฐานคืบหน้าไปบ้างแล้ว ยังเหลือพยานอีก 1 คนที่เดินทางไปต่างประเทศ แต่ได้นัดมาให้ปากคำในสัปดาห์หน้าแล้ว
นายวรวิทย์เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบโดยให้ พล.อ.ประวิตรชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนาฬิกาและแหวนเพชรตามที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ชี้แจงแล้ว แต่เนื่องจากข่าวเกี่ยวกับเรื่องนาฬิกาและแหวนเพชรดังกล่าวยังปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นนาฬิกาจำนวน 25 เรือน สำนักงาน ป.ป.ช.จึงจำเป็นต้องให้ พล.อ.ประวิตรชี้แจงเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 ประกอบกับ พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับนาฬิกาดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ช.จึงจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากบุคคลภายนอกซึ่งได้นัดหมายไว้แล้ว รวมทั้งได้มีหนังสือไปยังบริษัทตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาภายในประเทศที่ปรากฏเป็นข่าว จำนวน 13 แห่ง เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วย อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบจากบริษัทเอกชนดังกล่าว คาดว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561
นอกจากนี้ นายวรวิทย์เปิดเผยอีกว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ได้แสดงจุดยืนว่า หลังจากที่เรื่องนี้ผ่านขั้นตอนการไต่สวนของอนุกรรมการแล้ว เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ พล.ต.อ.วัชรพลจะขอถอนตัวจากการพิจารณาเรื่องนี้
นายวรวิทย์กล่าวอีกว่า ในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งนั้นจะยื่นก็เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว หากทรัพย์สินใดที่ไม่ใช่ของผู้ดำรงตำแหน่งก็ไม่จำเป็นต้องยื่น ส่วนทรัพย์สินของคนอื่นจะต้องตรวจสอบหรือไม่ว่าได้มาในลักษณะไหนนั้นก็จะต้องตรวจสอบทั้งหมด แต่ในเวลานี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าคนอื่นหรือเพื่อนที่ พล.อ.ประวิตรอ้างถึงเป็นใคร ส่วนจะนำไปสู่การตรวจสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ยังไม่ขอตอบ แต่จะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้
นายวรวิทย์กล่าวอีกว่า จำนวนนาฬิกาที่มีทั้งหมดอาจไม่ถึง 25 เรือนตามที่เป็นการข่าว เนื่องจากภาพที่มีการเผยแพร่นั้น บางเรือนเห็นเพียงสาย อาจจะซ้ำกัน และจะต้องตรวจสอบดูว่าเจ้าของที่แท้จริงเป็นใคร
