xs
xsm
sm
md
lg

“พี่ใหญ่” ไม่ชี้แจง-ไม่แคร์-ไม่ออก ทนยื้อไปได้กี่น้ำ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา




อาจเป็นเพราะถือดีในอำนาจ หรือเป็นเพราะเคยชินอยู่กับวัฒนธรรมทหารในกองทัพที่มีเส้นทางเดินแตกต่างไปจากคนอื่น คิดว่า การสวมใส่นาฬิกา หรือการสวมแหวนเพชร น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกทั้งก็ยังมั่นใจได้ว่าตัวเอง “คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ” สามารถ “ชี้ไม้เป็นนก” ได้หรือเปล่าถึงได้แสดงท่าทีท้าทายความรู้สึกของสังคมได้อย่างต่อเนื่องแบบนี้

แต่ในความเป็นจริงในยุคที่ “พลังโซเซียล” มีบทบาท มีการตรวจค้นหลักฐานย้อนหลังไปนานนับสิบๆ ปี และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่แสดงออกมาอย่างรวดเร็ว ถึงได้บอกว่าเวลานี้ “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังถูกสังคมกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดเสียงเรียกร้องให้ “ลาออก” ก็จะดังขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน

หลังจากเพจดังอย่าง CSI LA มีการตรวจสอบเปิดโปงการครอบครองนาฬิกาหรูล่าสุดจนถึงวันที่ 15 มกราคม มีการตรวจพบเป็นเรือนที่ 23 ยี่ห้อ Patek ที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มีราคาไม่ต่ำกว่าเรือนละ 2.3 ล้านบาท และก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่เพียงแค่นี้ อาจจะมีเรือนที่ 24 เรือนที่ 25 จนไปจนถึงเรือนที่ 100 เพราะตามข่าวกล่าวกันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีนาฬิการาคาแพงสะสมเอาไว้นับร้อยเรือนเลยทีเดียว

แต่นั่นคงไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่าเขาจะมีอยู่ในครอบครองอีกเป็นพันเรือน หากมีการเสียภาษี รวมทั้งมีการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาไว้อย่างถูกต้อง เพราะนาฬิกา และทรัพย์สินอื่น เช่น แหวนเพชร ก่อนหน้านี้ ล้วนมีการระบุว่ามีมูลค่าเกินกว่า 2 แสนบาทตามที่กฎหมายกำหนด

แม้ว่าจะมีความพยายามของเหล่า “กุนซือ” ข้างกายที่ให้เฉไฉไปว่า นาฬิกาและทรัพย์สินดังกล่าวครอบครองหลังจากที่รับตำแหน่งรัฐมนตรี หรือระหว่างที่รับตำแหน่ง จึงยังไม่ต้องแจ้ง รอแจ้งหลังจากพ้นตำแหน่งไปแล้ว หรือไม่ก็ใช้วิธี “สงบสยบการเคลื่อนไหว” นั่นคือ เลี่ยงไม่ตอบคำถาม ไม่พูดกับสื่อ อะไรประมาณนี้ ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ใช้วิธีนี้ต่อเนื่องมานานนับสัปดาห์แล้ว จะตอบคำถามเรื่องอื่น ยกเว้นเรื่องการครอบครองนาฬิกาหรูเท่านั้น

อย่างไรก็ดี อาจจะได้ผลบ้างในช่วงแรกๆ แต่เมื่อมีการเปิดโปงออกมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดมาจนถึงเรือนที่ 23 เข้าไปแล้ว นั่นก็แสดงว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จำนวนน่าจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ และที่สำคัญในจำนวนนาฬิกาทั้ง 23 เรือนดังกล่าวนั้น มีอย่างน้อย 2 - 3 เรือนที่มีการระบุว่า เขาใส่มาตั้งแต่ปี 2553 เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และเพจดังดังกล่าวก็ได้อ้างอิงภาพถ่ายจากแฟ้มภาพของกระทรวงกลาโหมเป็นหลักฐานเสียอีก

ถึงได้บอกว่านี่แหละเสี่ยงต่อ “จุดตาย” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะนั่นเท่ากับว่า เขาเสี่ยงต่อการ “ปกปิด” บัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เนื่องจากที่ผ่านมาหลังจากที่พ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี ทรัพย์สินที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ไม่ปรากฏทรัพย์สินเรื่องนาฬิกาแบบนี้แต่อย่างใด รวมไปถึงการชี้แจงในช่วงที่ดำรงตำแหน่งก็ออกมาในทำนองเดียวกัน

แบบนี้แหละถือว่า “อันตราย” เพราะต่อให้มีอำนาจวาสนาแค่ไหน มันก็ต้องมีการตรวจสอบตามกฎกติกาและกฎหมายที่ไว้วางเอาไว้ และยิ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เคยย้ำเรื่อง “ธรรมาภิบาล” และกำหนดให้เรื่องการ “ปราบปรามการทุจริต” เป็น “วาระแห่งชาติ” รวมไปถึงเป็นยุคที่สังคมต้องการตรวจสอบ มีความต้องการปฏิรูปทุกอย่างให้โปร่งใสมันก็ยิ่งทำให้ พวกเขา “นิ่งเฉยลำบาก”

เพราะหากนิ่งเฉย นอกจากจะกระทบกระเทือนกับตัวเขา คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยตรงแล้ว บุคคลรอบข้าง เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่กำลังประกาศตัวเป็นนักการเมือง เพื่อเป็นตัวเลือกเป็นนัยสำหรับการเป็นนายกฯภายใต้เงื่อนไข “นายกฯคนนอก” มันก็ยิ่งทำให้ไปถึงเป้าหมายที่ว่านั้นลำบากไปอีก

ขณะเดียวกัน ยังสร้างความสั่นสะเทือนไปยังองค์กรตรวจสอบอย่าง ป.ป.ช. ที่กลายเป็นว่าจะต้องถูกตรวจสอบจากสังคมเสียเอง ทำให้สังคมระแวงตัวบุคคลในองค์กรอย่างตัว พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เพราะมีแบ็กกราวนด์เป็น “ลูกน้องและเจ้านาย” เก่ากัน ภาพของเชื่อถือจะหายไปมากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น แม้ว่านาทีนี้ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะใช้วิธีนิ่งเงียบ ไม่พูด ไม่แคร์ ไม่ออก อยู่ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีอะไรก็เกิดขึ้น ก็อาจจะได้ แต่เชื่อเถอะว่านับจากนี้ไปกระแสต่อต้าน ความดูถูกเหยียดหยามจากสังคมรอบข้างจะมีมากขึ้น และขณะเดียวกัน แรงสั่นสะเทือนจะมีไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงจะมีการขุดคุ้ยตัว ประธาน ป.ป.ช. อย่าง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ จะตามมาอีกด้วย ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน ก็คือ เสียงตำหนิการออกกฎหมาย ป.ป.ช. ที่ให้ “บิ๊ก ป.ป.ช. อยู่จนครบวาระ 9 ปีเสียงก็เริ่มดัง อยู่ไม่เป็นสุขกันแล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น