ข่าวปนคน คนปนข่าว
** กรุแตกของจริง!! “นาฬิกาหรูเสี่ยป้อม" โดนขุดรวดเดียว 22 เรือน ไม่ไกลเกินจริงที่เมาต์กันสนั่น ว่า มีเป็นร้อยเรือน จนสังคมไทย - สังคมโซเชียลฯ ช่วยกันตรวจสอบ จัด “ข้อมูลกึ่งสำเร็จรูป” ให้เสร็จสรรพ ขาดก็แต่อำนาจ ป.ป.ช. ลงดาบเท่านั้น
พรั่งพรูออกมาเป็นก๊อกแตก .. “กรุนาฬิกาหรูเสี่ยป้อม” ทยอยอวดโฉม ตั้งแต่เรือนที่ 19 .. 20 .. 21 .. 22 รวดเดียว 4 เรือน ช่วงสุดสัปดาห์วันเด็กแห่งชาติ ที่ผ่านมา จนคนเอาไปล้อกันระงมว่า“เด็กฉลาด ชาติพัฒนา แหวนของมารดา นาฬิกายืมเพื่อน” เป็นคำขวัญวันเด็กปีนี้ .. ยังต้องยกเครดิตให้ เพจ “CSI LA” ที่เกาะติด ขยี้ต่อเนื่องแบบกัดไม่ปล่อย ไล่เรียงตั้งแต่ เรือนที่ 19 ยี่ห้อรุ่น ROLEX Daytona รุ่น 116518 Paul Newman Dial ราคา 6.4 แสนบาท .. เรือนที่ 20.Patek Philippe Classic Chronograph รุ่น 5170R-001 ราคา 2.6 ล้านบาท .. เรือนที่ 21. A. Lange and Sohne ที่อ่านเป็นไทยว่า “เอลังเก้ แอนด์ ซอนเน่” รุ่น 1815 Chronograph Silver Dial ยี่ห้อไม่คุ้นหูไม่เท่าไร ราคาก็ไม่น่าคบ เรือนนี้ 1.5 ล้านบาท .. ปิดท้ายด้วยเรือนที่ 22 ROLEX Daytona รุ่น 116523 WINNER ราคา 9.8 แสนบาท .. ขนาดสุ่มๆ หาข้อมูลเอาตามภาพหลักฐานเก่ากันแบบกระเบียดกระเสียน ยังโผล่ออกมาได้ 22 เรือน ราคารวมเกิน 30 ล้านบาท ถ้าเป็นอย่างที่เมาต์กันแซ่ดว่า “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น “นักเลงนาฬิกาตัวจริง” สะสมระดับไฮเอนด์ ราคาหลักแสน หลักล้านไว้เป็นร้อยๆ เรือน ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้ .. แล้วที่ “ป๋าป้อม” เคยประกาศลั่นว่า ชี้แจงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปครบถ้วนแล้ว จะไม่ชี้แจงเพิ่มเติมอีก .. ก็ฟันธงไปได้เลยว่า “เป็นไปไม่ได้”โถๆๆ ก็อีแค่ “แหวนเพชรเม็ดเป้ง”วงเดียวที่สว่างวาบเข้าตาสังคม ก่อนเป็นเรื่อง ก็เห็นว่ายังไม่ได้ชี้แจงไปเลยด้วยซ้ำ .. แล้วจากคนที่ไม่เคยปรากฏว่าครอบครองทรัพย์สินราคาเกิน 2 แสนบาท ไม่มีนาฬิกาในบัญชีมาก่อน จู่ๆ จะไปบอก ป.ป.ช. ว่า จริงๆ แล้วมีนาฬิการาคาแพงเป็นสิบๆ เรือน แบบนั้นก็เท่ากับ“ฆ่าตัวตาย”ใครจะทำ .. ก็ต้องถาม ป.ป.ช. ที่เมื่อเอ่ยถึง ก็เลี่ยงที่จะเอ่ยถึง“บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ไม่ได้ ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่อง “กรุนาฬิกาหรูเสี่ยป้อม” .. ครั้นจะไปตีมึน ทำนิ่งเหมือน “บิ๊กป้อม” ที่ไม่ยอมใช้สิทธิ์ชี้แจง จนเรื่องเลยเถิดมาขนาดนี้ ก็เตือนไปแล้วว่า ของมันจะเข้าตัวเอง “มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ที่ ป.ป.ช. ชุดเก่าๆ เคยใช้เชือดคนอื่น จะย้อนมาถึงตัว ป.ป.ช. ชุดนี้แทน ..
เพราะไม่ว่าจะเป็นเพจ CSI LA ที่ขัดใจแฟนคลับ ปล่อยของ ขุดคุ้ยนาฬิกาแต่ละเรือนมากางให้ต่อเนื่อง ทั้งที่มีเสียงเชียร์ให้กั๊กไว้ ค่อยๆ ปล่อยออกมา “ตลบหลัง” เวลาที่ผลสอบของ ป.ป.ช. ออกมา เอาให้หงายท้อง ทั้งคนตรวจสอบ - คนถูกสอบ .. หรือ “ผู้หวังดี” อย่าง รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. คนดัง ที่ “สอนมวย” วิธีการตรวจสอบให้เสร็จสรรพ .. ทั้งการไล่ตรวจสอบ serial number จากข้อมูลที่ “บิ๊กป้อม” ชี้แจงมา หรือการเทียบกับกรณีที่ กรมศุลกากร จับผู้สวมใส่นาฬิกา Patex Philippe และ Audemars Piguet ที่ไม่สามารถสำแดงเอกสารการเสียภาษีได้ จนถูกยึดของกลาง - ถูกปรับ ก่อนปล่อยให้ยึดของกลางให้ตกเป็นของแผ่นดิน .. ตาม“ข้อมูลกึ่งสำเร็จรูป”ที่ออกมา ใส่เพิ่มไปแค่อำนาจของ ป.ป.ช. เพียงเท่านี้ “เสี่ยป้อม” ก็คงดิ้นไม่ออก คดีความตามมาอีกเป็นหางว่าว .. อุตส่าห์มีแต่คนหวังดี ก็อยู่ที่ ป.ป.ช. ของ “ประธานกุ้ย” ที่วันนี้ถูกนิยามไว้ว่า “อดีตเลขาหน้าห้อง พล.อ.ประวิตร ที่ขาดทั้งคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560” จะรับไมตรี หรือทำงานสนอง “นายเก่า” ลูกเดียว.
** เด็ก 12 ทำพิษ!! ทลาย “วิคตอเรียซีเครท” เด้ง “5 เสือวังทองหลาง” เซ่นปล่อยค้าประเวณีเด็ก งามหน้า “โพยอาบน้ำ” โผล่ ระบุยศตำรวจน้อยใหญ่ เบ่งอาบน้ำฟรี - ตีตั๋วเด็ก
ตามสูตรสำเร็จเวลามี “คดีใหญ่” ในท้องที่ .. กับคำสั่งย้ายนายตำรวจ 5 นาย ที่ดูแลสถานีตำรวจ หรือ“5 เสือ สน.”ที่รอบนี้หวยไปออกที่ “สน.วังทองหลาง” ..กับปฏิบัติการ “ดีเอสไอ -
กรมการปกครอง” เข้าตรวจสอบ สถานบริการอาบอบนวด “วิคตอเรียซีเครท”ย่านถนนพระราม 9 .. โดยระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจาก “มูลนิธิพิทักษ์สตรี” ว่า มี “เด็กสาวเมียนมา อายุ 12 ปี”ถูกบังคับค้าประเวณีในสถานบริการดังกล่าว .. งวดนี้เรื่องค้าประเวณีในสถานบริการที่ชื่อ “อาบอบนวด”ถือว่า “ละไว้ในฐานที่เข้าใจ” วิพากษ์วิจารณ์กันไปตามเนื้อผ้า แต่ที่หนักหนา คือ การปล่อยให้มี “เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี” ที่ร้ายแรงเข้าข่าย “ค้ามนุษย์” ..
นอกจากนี้ ก็มี “โพยส่วย”หลุดออกมาเหมือนเมื่อครั้ง “นาตารี อาบอบนวด”ที่เห็นสอบมาร่วม 2 ปี ก็ยังเงียบกริบ มีก็แต่ “พลเรือน” ที่เกี่ยวกับกิจการค้าประเวณี ถูกพิพากษาไปใช้กรรมในคุกเท่านั้น “เจ้าหน้าที่ตัวย่อ” ทั้งหลายยังอยู่ดีมีสุข .. แต่เคส “วิคตอเรียซีเครท” มีทีเด็ดกว่านั้น คือ “โพยอาบน้ำ” เป็นเอกสารบิลส่วนลดการใช้บริการ ที่มีทั้ง“อาบฟรี”ไม่ต้องจ่าย หรือส่วนลดพิเศษที่เรียกว่า “ตั๋วเด็ก”.. ระบุชื่อหน่วยงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละสังกัดอย่างชัดเจน .. มีตั้งแต่ “ผกก.สน.วังทองหลาง”ไปถึง “ผู้การนครบาล 4 - ผกก.บช.น. - ตำรวจ 191 - ปคม. - บก.ป. หรือกองปราบฯ” หรือ “กรมสรรพากรเขตพื้นที่ 10”ซึ่งทั้งหมด ไม่ได้ระบุชื่อแซ่ .. งานนี้น่าติดตามการทำงานของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย กับการตรวจสอบ “โพยอาบน้ำ” ที่จะไปสืบเสาะจาก “ตัวอักษรย่อ” ในบัญชีว่าหมายถึงใครบ้าง .. แล้วต้องดูว่า หากพบตัวแล้ว จะตั้งข้อหาเอาผิดกันอย่างไร .. ถ้าเกิดเอาผิดแบบแรงๆ ที่น่าจะไม่มีใครเหลือ คงเป็น “สน.วังทองหลาง” ที่เรียกว่า รักสะอาดกันทั้ง สน. มีการอ้างอิงไว้ในบิล ไล่ตั้งแต่ “ผู้กำกับ - รอง ป. - รองสืบ - สวป. - สว.สืบ - สว.ธุรการ - สืบ” ที่ตำรวจด้วยกัน หรือกระทั่งคนที่คลุกคลีกับตำแหน่งสีกากี ก็รู้ว่าหมายถึงใครบ้าง ไม่ต้องไปแกะลายแทงให้วุ่นวายด้วยซ้ำ .. อีกทั้งยังถือเป็นคิววัดใจ“บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อนซี้ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในการสอบสวนแล้วเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเหมือน ผบช.น. คนก่อนๆ .. โดยเฉพาะกรณีที่คนก่อนๆ ชอบอ้างว่า “มาตรการทางวินัย” ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะทำคู่ขนานไปกับ “คดีอาญา” สุดท้ายก็อ้างอีกว่า ต้องรอให้การดำเนินคดีอาญาเสร็จสิ้นก่อน ออกแนว“ล้มมวย”ช่วยกันทุกหน .. ที่น่าตลกกลับเป็นคิวของ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. ที่อวดโอ้ว่า ทางตำรวจมี “ข้อมูลเชิงลึก”อยู่แล้ว รอทาง “ดีเอสไอ - กรมการปกครอง” ..ขัดแย้งกับความเป็นจริง ที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ ถูก“ลูบคม - ตบหน้า”โดยหน่วยงานอื่น ในกรณีทลายสถานค้าประเวณีในช่วงหลังอยู่บ่อยๆ
ช.ชฎา