ข่าวปนคน คนปนข่าว
** คนเมืองเพชรร้องระงม!! “เอกชนแบ็กหนา”ใช้ “กำลังภายใน”ฝ่าดงชาวบ้าน ปักหมุด“โรงไฟฟ้าขยะ”เจาะไข่แดงกลาง“พื้นที่การเกษตร” เสียงค้านอื้ออึง มี “ขาใหญ่เมืองเพชร”ประสานให้ทางลับ-ทางแจ้ง “ลูกชายบิ๊กคลองหลอด”ลงประกบเองในพื้นที่ เด้งเรียบ ขรก.ที่ทักท้วง เรื่องแบบนี้ “บิ๊กบอสมหาดไทย”พอทราบไหมเอ่ย
ทุกข์ของชาวบ้าน วันนี้เสนอ .. ข่าวที่ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใน จ.เพชรบุรี ในนาม“กลุ่มคนรักบ้านเกิดจังหวัดเพชรบุรี”คัดค้านการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะของ“บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี่ กรุ๊ป จำกัด”..เห็นว่าร้องเรียนกับ“ผู้ว่าฯเพชรบุรี”ไม่รู้กี่หนต่อกี่หน แล้วยังถ่อมาร้องเรียนถึงทำเนียบฯ ถึงสองครั้งแล้ว แต่ดูเหมือน “ผู้มีอำนาจ”ไม่นำพาความเดือดร้อนของชาวบ้านเลย .. ต้นเรื่องก็มาจาก“วาระแห่งชาติ”การกำจัดขยะล้นเมือง ผนวกกับนโยบาย“ความมั่นคงทางพลังงาน”กลายเป็นอภิมหาโปรเจกต์แสนล้าน ในมือของกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับของ“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา .. ที่ดูเหมือนว่า มีโครการนี้ไปลงพื้นที่ไหนก็เป็นเรื่องทุกที ด้วยอภินิหาร มาตรา 44 ที่กรุยทาง“ผ่านตลอด”ใครมันจะไปไว้ใจเรื่องผลกระทบที่จะตามมา ทีนี้ก็ค้านกันระงมซิครับท่าน .. เคสของ“ซุปเปอร์”ที่หมายตาไปบุก“เมืองเพชร”นี่ไม่ต้องพูดถึง “ความไม่ชอบมาพากล”เพียบไปหมด .. ไล่ตั้งแต่พื้นที่หลังวัดเขาทะโมน ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด ที่จะเข้าไปสร้างโรงงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่ใจกลางชุมชน ที่มีโรงเรียน-วัด-วิทยาลัยอาชีพ-หมู่บ้าน เท่านั้น .. ยังไป“เจาะไข่แดง”ตรงกลาง “พื้นที่การเกษตร”ที่ชาวบ้านเขาทำนาอุดมสมบูรณ์เจริญงอกงาม แบบที่ว่า ถ้ามีเกณฑ์ต้องประเมิน EIA ก็ไม่ผ่านตั้งแต่หลักเกณฑ์ผังเมืองที่ว่า โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ต้องไม่อยู่ในระยะ 2 กิโลเมตร จากพื้นที่ชุมชนแล้ว ..
นอกเหนือจะไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการจัดการขยะของ จ.เพชรบุรี แล้ว ก็ยังไปซ้ำซ้อนกับโรงงานแปรรูปขยะเป็นไฟฟ้า ที่มีอยู่แล้ว 1 โรง ที่ อ.ท่ายาง ด้วย .. แค่โรงเดียวก็เคลียร์ขยะในจังหวัดได้เหลือๆ ถ้ามี 2 โรง ก็ไม่พ้นต้องไปค้นมาจากจังหวัดอื่น ทำเอาชาวบ้านก็ขนหัวลุกเกรียว .. เห็นว่าก่อนที่ “ซุปเปอร์”จะเข้ามาที่เมืองเพชร มีการใช้“กำลังภายใน”ไม่น้อย ด้วยปูมหลังของบริษัทเอง ที่เคยเกี่ยวดองหนองยุ่งกับ มีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคสช. .. โดยมี “ขาใหญ่เมืองเพชร”ที่เป็นนักการเมืองชื่อดัง เคยมีตำแหน่งใหญ่ในยุค คสช.เรืองอำนาจ เป็นธุระจัดแจง คอยประสานให้ทุกอย่าง ทั้งทางลับ-ทางแจ้ง .. ที่หนักสุดก็ร่ำลือกันว่า มี “ลูกชายบิ๊กคลองหลอด”เข้าไปมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย จนเป็นเหตุให้ไม่เพียงชาวบ้านต้องรับชะตากรรม “ข้าราชการตงฉิน”ที่ทักท้วงโครงการ ก็อยู่ไม่ได้ โดนเด้งออกนอกพื้นที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปก็หลายราย .. เรื่องประหลาดพรรค์นี้ ไม่ทราบว่า“บิ๊กบอสมหาดไทย”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พอจะทราบเรื่องบ้างไหมเอ่ย
** ไม่น่าจะจบง่าย!! “เสี่ยป้อม”จนตรอก ยิงไม้ตาย “นาฬิกาเพื่อน”ลอยตัวปมนาฬิกาหรู 2 โหล ปล่อย“น้องกุ้ย”อุ้มเผือกร้อน จับตาเดินหมาก สละเก้าอี้ประธานป.ป.ช. ซื้อเวลาให้“เจ้านาย”ปล่อยให้เรื่องเงียบๆไปเอง
ได้ฤกษ์เปิดปากซะที .. หลังถูกขุด“กรุนาฬิกาหรู”ออกมาครบ 2 โหล 24 เรือน “เสี่ยป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรวยเพื่อน ก็ไปแบบ “น้ำขุ่นๆ”ตามมุก “แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน”ที่เขี่ยออกมาก่อนหน้านี้ร่วมเดือน .. ดูท่าจะ“จนตรอก”จริงๆ ถึงกล้าออกหน้ามาชี้แจงด้วยเหตุผลตลกๆ พรรค์นี้ .. แถมประดับความรู้ใหม่ให้สังคมไทยว่า มี“สังคมแบ่งปัน”ที่ให้สับเปลี่ยนหยิบยืมนาฬิการาคาเป็นแสนเป็นล้าน วนๆกันใส่เป็นเรื่องปกติ .. ส่วนตัว“ป๋าป้อม”ไม่มีครอบครองแม้แต่เรือนเดียว ทุกเรือนที่เห็นแค่ยืมของเพื่อนมา “แอ็คอาร์ต”เสร็จก็คืนไปหมดแล้ว จึงเป็นเหตุว่า ทำไมไม่ ปรากฏ ในบัญชีทรัพย์สินนั่นเอง .. ถามต่อว่า ในสังคมแห่งการแบ่งปันที่ว่า มีการนำนาฬิกา มาวนๆ กันใส่ แล้วตัว“บิ๊กป้อม”เอาอะไรไปแลกกับเขา ในเมื่อบอกว่าไม่มีสักเรือน .. แล้วที่ทิ้งช่วงหลังปล่อยข่าว “นาฬิกาเพื่อน”ออกมาร่วมเดือน ท่องแต่คาถา“ไม่รู้ๆ”ทำไมถึงเพิ่งมากล้าพูดเอาจนป่านนี้ .. พิรุธมันมีอยู่ พอได้ยินคำตอบแบบนี้ ทุกคนอุทานพร้อมกันว่า“ช่างกล้า...”พร้อมข้อสงสัย“แบบนี้ก็มีด้วย”เรื่อยไปจนถึง“ใครเชื่อก็...”..
ไม่ใช่แค่ยืนประจันหน้าตอบด้วย “เหตุผลที่ไม่น่าเชื่อ”แล้ว “เสี่ยป้อม”ยังส่งเสียงกร้าวไปถึงกระแสกดดันให้“แสดงสปิริต”พักงาน หรือลาออก ด้วยว่า .. ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ “หากชี้ว่า "ชี้ผมผิด ผมก็ออก" .. เป็นคำท้าทายที่นัยหนึ่ง ประกาศว่าไม่มีทาง“แสดงสปิริต”ให้โง่ .. อีกนัยก็รู้ว่า ไม่มีวันที่ความผิดจะถึงตัว ด้วยวันนี้มี“บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตหน้าห้องตัวเอง ที่ถูกตราหน้าเป็น“สายตรงวงษ์สุวรรณ”เป็นประธาน ป.ป.ช.อยู่ .. ฟันธงมาหลายครั้งแล้วว่าป.ป.ช.ในยุคที่มี “บิ๊กกุ้ย”เป็นประธาน ไม่มีทางชี้มูลความผิด“นายป้อม”อย่างแน่นอน .. แม้ว่าเหตุผลที่ชี้แจงเรื่อง“นาฬิกาหรู”จะห่างไกลคำว่า “น่าเชื่อถือ”เพียงใดก็ตาม .. แต่ด้วยคำตอบที่ไม่ได้ทำให้สังคมสิ้นสงสัยเช่นนี้ ก็จะลากต่อไปเป็น“มหากาพย์นาฬิกาหรู”ซึ่งตัว “บิ๊กป้อม”อาจจะลอยตัวไปได้ .. แต่ทิ้ง “เผือกร้อน”อยู่บนตักของป.ป.ช. ที่แค่การตรวจสอบตามข้อร้องเรียน ก็ยึกยัก เหมือนไม่อยากทำ จนมีข่าวว่า“คนใน ป.ป.ช.”เริ่มก่อหวอด ไม่พอใจท่าทีของ “ประธานกุ้ย”ที่เอาศักดิ์ศรีขององค์กร ไปแลกกับการสนองงานให้ “เจ้านายตัวเอง”.. สุ้มเสียงของ“บิ๊กกุ้ย”ต่อกรณีที่จะมีการยื่นตีความร่างกฎหมาย ป.ป.ช. ที่มีการต่ออายุให้กรรมการชุดปัจจุบัน ต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงเหมือนกับการเชียร์ให้ยื่นไป ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว .. เหมือนจะเป็น“ทางลง”ให้กับตัวเองพ้นพันธนาการ หน้าที่ตรวจสอบ“เจ้านาย”รวมทั้งยังทำให้ “องคาพยพ คสช.”ไม่ต้องไปสุ่มเสี่ยง“ตัดกับดัก”ขัดรัฐธรรมนูญด้วย .. หรือดีไม่ดี อาจเลือกเดินหมาก“เสียเบี้ย รักษาโคน”ให้ “บิ๊กกุ้ย”ลาออก สละเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.ไปเลย .. เป็นหมากที่นอกจาก”ถอดสลัก”ให้กับตัว “บิ๊กกุ้ย”เองแล้ว ยังนำไปสู่ข้ออ้าง“สุญญากาศ ป.ป.ช.”ที่ต้องรอความชัดเจน เพื่อให้มีการสรรหา ป.ป.ช.ใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ .. กลายเป็นหมากที่จะ“ซื้อเวลา”ไปได้อีกนาน เพื่อหวังให้เรื่องเงียบๆไป ส่วนแผนการยึด ป.ป.ช.ไว้เป็น “เครื่องมือ”ก็แค่ปั้น “ลิ่วล้อคนใหม่”ขึ้นมาคุมหัวหาด ป.ป.ช.แทน ไม่ใช่เรื่องยาก .. จนเดาได้ว่า สุดท้ายปลายทางของเรื่องนี้ คนที่ต้องไป ไม่ใช่“นายป้อม”ตัวต้นเรื่อง แต่เป็น“น้องกุ้ย”ที่ต้องเสียสละมากกว่า.
** นกกระจอกตายแทน!! “สนช.สายบิ๊กทหาร”สวมบท “นกรู้”โหวตสวนร่างกฎหมาย ป.ป.ช. เหลือเชื่อ“พล.อ.อกนิษฐ์”มือล็อบบี้ของ คสช. ลงมติไม่เห็นด้วย ส่วน “บิ๊กณัฐ” ลูกรัก”ป๋าป้อม” งดออกเสียง
ตัวใครตัวมัน .. เจอสัญญาณเข้มๆ เข้าไป ทำเอา“สภาฝักถั่ว”สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ถึงกับโดดหนีข้อหาฉกรรจ์ กันแบบไม่คิดชีวิต .. ก็ปมร่าง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ที่มีการแก้ไข “บทเฉพาะกาล มาตรา 178” และลงมติในชั้น สนช. ส่งผล “เอื้อ”ให้กรรมการ ป.ป.ช. ที่มีลักษณะต้องห้าม ขัดกับรัฐธรรมนูญสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนครบวาระ .. จากที่มั่นใจในจุดยืน มีข้ออ้างต่างๆ นานา “ป.ป.ช.กำลังทำงานเข้าฝัก”ทั้งในชั้นกรรมาธิการ มาจนถึงที่ประชุมใหญ่ .. พอมาเจอกระทุ้งเข้าหลายดอก พร้อมกระแสข่าว “ใบสั่งผู้มีอำนาจ”ส่งผลให้เสียงเริ่มเปลี่ยน มีทีท่าจะต้องยื่นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ”ตีความ .. ยิ่งมีการกางชื่อสมาชิก สนช.ที่“โหวตสวน”มาตรา 178 ของร่างกฎหมายฉบับที่ว่า ก็ต้อง“ประหลาดใจ”ไม่น้อย .. แบ่งเป็น“ไม่เห็นด้วย” 26 ราย “งดออกเสียง”อีก 29 ราย รวม 55 ราย ไล่เรียงดูแล้วมีเหล่า“บิ๊กทหาร - สายตรง คสช.”อยู่เพียบไปหมด .. ตั้งแต่พวกโหวตไม่เห็นด้วย เด่นๆ ก็มี พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ - พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ - พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง - พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ - พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ .. ที่ชัดๆก็“บิ๊กเจี๊ยบ”พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ทหารรุ่นเดียวกับ “นายกฯ ตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่ากันว่าเป็น“มือล็อบบี้ของ คสช.”ก็ยังไม่เอาด้วย .. หรือกระทั่ง ปรีชา บัววิรัตน์เลิศ พี่ชาย“โหรวารินทร์”โหร คสช. ที่ไม่รู้ว่า น้องชายจับยามสามตาเห็นท่าไม่ดี หรือได้สัญญาณมาจาก“บิ๊ก คสช.”..
ส่วนที่โหวตงดออกเสียง เด่นๆ แบบเข้าตากรรมการ ก็ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา - พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ - พล.ท.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 20. ซึ่งในรายของ“บิ๊กณัฐ”ว่ากันว่าเป็น“ลูกรักป๋าป้อม”เลยทีเดียว แล้วไฉนถึงไม่โหวตไปในทิศทางเดียวกับเพื่อนสมาชิกสนช. ทั้งที่เม้าต์กระหึ่มว่ามี “ใบสั่งผู้มีอำนาจ”..อีกทั้งยังเม้าต์ด้วยว่า บางคนที่โหวตสวน เป็นคนถือใบสั่งมาเองด้วยซ้ำไป .. อ่านไม่ยากว่าเป็นการสับขาหลอก ให้ “พวกนกกระจอกตายแทน”แค่อ่อยเหยื่อง่ายๆ แลกกับตำแหน่ง“ว่าที่ ส.ว.สรรหา”ที่ทำหลายคนตาลุกวาว .. ส่วนพวกที่ใกล้ชิด“บิ๊ก คสช.”ก็ลอยตัวเป็น “นกรู้”ไม่เสี่ยงไปร่วมผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ ที่มีข้อหา“เป็นปฏิปักษ์ต่อกฎหมายสูงสุด”รอท่าอยู่
ช.ชฎา