ประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อเฝ้าระวังการคอร์รัปชันในภาครัฐ ยื่นหนังสือถึงประธานบอร์ด ขสมก.จี้ทบทวนจัดซื้อเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ชี้คัดเลือก ช.ทวี ได้ส่อไม่โปร่งใส แถมราคาสูงขึ้นหลายร้อยล้าน แถมมีปัญหาระบบอี-ทิกเก็ต จนต้องเลิกสัญญา งงไม่พิจารณาของจีนให้ราคาต่ำกว่า
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายกรณ์ รูโปบล ประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อเฝ้าระวังการคอร์รัปชันในภาครัฐ เข้ายื่นหนังสือถึงนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) ขอให้ทบทวนโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมบำรุงรักษา จำนวน 489 คัน โดยนายกรณ์กล่าวว่า การจัดซื้อครั้งนี้มีข้อสังเกตถึงความผิดปกติของวิธีการเปิดประมูลของ ขสมก.ว่ามีลักษณะไม่ถูกต้องหลายประการ เนื่องจากโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 โดยผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท ช. ทวี จำกัด (มหาชน) ในราคา 3,800 ล้านบาท แต่มีการร้องเรียนจนต้องล้มการประมูล และจัดให้มีการประมูลใหม่ได้ผู้ชนะ คือ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ที่ชนะการประมูลในมูลค่า 3,389 ล้านบาท แต่มีข้อติดขัดจนต้องยกเลิกสัญญาไปอีก
นายกรณ์กล่าวว่า เมื่อมีการประมูลครั้งใหม่ ขสมก.เลือกใช้วิธีการคัดเลือกที่อาจไม่โปร่งใส ส่งผลให้ต้องสูญเสียงบประมาณที่สูงเกินไป โดยบริษัทที่ชนะการประมูลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา คือ บริษัท ช. ทวี จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมทุนกับบริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในราคา 4,020 ล้านบาท เหตุที่มองว่าไม่โปร่งใสนั้นเพราะไม่มีการประมูลแบบเปิด แต่เป็นการส่งข้อเสนอให้บริษัทเอกชนบางกลุ่มเข้ามาเสนอราคาเท่านั้น อีกทั้งยังให้บริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ไม่เคยเข้าร่วมการประกวดราคาของ ขสมก.มาก่อนเข้าร่วมเสนอราคาด้วย ทั้งนี้ ราคาที่มีการจัดซื้อในครั้งนี้สูงกว่าราคาประมูลรอบก่อนๆ หลายร้อยล้านบาท ทั้งที่ควรนำราคาเก่ามาเป็นราคากลางในการจัดซื้อ แต่ทราบมาว่าทาง ขสมก.เป็นผู้ปรับราคากลางขึ้นมาที่ 4,020 ล้านบาทเอง โดยอ้างว่าเพราะไม่มีบริษัทใดเข้าเสนอราคา ตลอดจนการขยายเวลาส่งมอบรถที่ไม่สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้เปิดให้บริการรถเมล์ NGV โดยเร็ว
นายกรณ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ บริษัท ช. ทวี จำกัด (มหาชน) ที่เป็นคู่สัญญาในการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) พร้อมอุปกรณ์ที่มีปัญหาในการจัดส่งงาน จนล่าสุดต้องยกเลิกโครงการ ทำให้ ขสมก.สูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆ เป็นพันล้านบาท เหตุใดจึงยังเปิดโอกาสให้บริษัทดังกล่าวมาดำเนินโครงการที่มีมูลค่าสูงของ ขสมก.อีก นอกจากนี้ยังทราบว่าก่อนมีการประมูลครั้งนี้ทางรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนได้เสนอขายรถในราคาที่ดีกว่า เหตุใดทาง ขสมก.จึงไม่พิจารณาข้อเสนอดังกล่าว จึงอยากให้ทางบอร์ด ขสมก.ทบทวนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
