“ประธาน ขสมก.” ยันไม่มีลงคะแนนโหวตผลประมูลรถเมล์ NGV 489 คัน ระบุบอร์ดมีมติอนุมติ “ช ทวี” ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. แม้การประชุมบอร์ด 20 ธ.ค.จะมีกรรมการบางส่วนไม่สบายใจขอไม่รับรองมติแต่ไม่มีผล ยันทำตามระเบียบถูกต้อง เดินหน้าเซ็นสัญญา 27 ธ.ค.นี้ แฉ “ช ทวี” เสนอราคารถคันละเกือบ 4 ล้าน เบื้องลึก ขสมก.ถูกบีบซื้อ NGV สนองนโยบาย ทั้งที่รู้แก้ใจว่าโครงการไปไม่รอดในระยะยาว
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีข้อท้วงติงมติบอร์ด ขสมก.ในการอนุมัติกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO (Consortium SCN-CHO) ซึ่งมี บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ร่วมกับ บริษัท สแกน อินเตอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ SCN เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกการประมูลโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร จำนวน 489 คัน ราคากลาง 4,020 ล้านบาท ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) นั้น ยืนยันว่าการประชุมบอร์ด ขสมก.ไม่ได้มีมติด้วยการโหวตแต่อย่างใด โดยบอร์ดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.มีกรรมการขาดประชุม 1 คน ซึ่งได้มีมติเห็นชอบผลการประมูลแล้ว โดยมีความเห็นกรรมการบางท่านอยากให้ทำรายละเอียดเพื่อความชัดเจนในการทำการบันทึกการประชุม
ส่วนการประชุมบอร์ด ขสมก.ในวันที่ 20 ธ.ค. มีกรรมการหลายท่านไม่ว่าง แต่ก็ครบองค์ประชุม และเป็นการประชุมเพื่อรับรองมติของเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.เท่านั้น ซึ่งยอมรับว่ามีกรรมการบางคนรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากมีกระแสข่าวต่างๆ จึงขอสงวนสิทธิ์ ขอทบทวนสิ่งที่มีมติไว้ เป็นการใช้สิทธิ์ส่วนตัวที่จะไม่เห็นด้วย ซึ่งไม่มีผลต่อการอนุมัติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บอร์ด ขสมก.ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ โดยสุจริตและถูกต้อง กรรมการทุกคนมองว่ามีการประมูลซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คันมา 8 ครั้งแล้ว ในครั้งนี้มีการต่อรองราคาถึงที่สุด เป็นราคาที่เหมาะสม หากไม่รับหรือล้มประมูลอีก การประมูลใหม่ นอกจากเสียเวลาอีก 2-3 เดือนแล้ว อาจจะได้ราคาที่แพงกว่านี้ ซึ่งใครจะรับผิดชอบ ดังนั้น เมื่อประมวลข้อมูลเหตุผลต่างๆ จึงได้ตัดสินใจ เชื่อว่ากระแสข่าวที่ออกไปนั้นมีเจตนาที่ไม่ดีต่อ ขสมก.
ในวันที่ 27 ธ.ค. 2560 ขสมก.จะมีการลงนามสัญญากับกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ที่กระทรวงคมนาคม วงเงิน 4,260 ล้านบาท เกินกว่าราคากลางประมาณ 5.9%
***ขสมก.ดันทุรัง ซื้อรถ NGV สนองนโยบาย ทั้งที่รู้แก่ใจโครงการไปไม่รอด
แหล่งข่าวจาก ขสมก.กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายได้เร่งรัดให้ ขสมก.จัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ซึ่งมีการสั่งการมายัง ขสมก.ให้เร่งรีบสรุปผลประมูลครั้งนี้ให้ได้ ทั้งๆ ที่ หลายฝ่ายจะเห็นตรงกันว่าเชื้อเพลิง NGV อาจไม่เหมาะแล้วในปัจจุบันและอนาคต และควรหันไปพิจารณารถโดยสารที่ใช้น้ำมันดีเซลเหมือนเดิม หรือรถไฮบริด รถไฟฟ้าแทน
สำหรับการประมูลครั้งนี้กำหนดราคากลางที่ 4,020,158,000 บาท โดยแบ่งเป็นค่าตัวรถ วงเงิน 1,735,550,000 บาท หรือราคารถคันละ 3,549,182 บาท ส่วนค่าซ่อมบำรุง 10 ปีรวมอยู่ที่ 2,284,608,000 บาท โดยปีที่ 1-5 วงเงิน 825,493,125 บาท เฉลี่ยไม่เกิน 925 บาท/คัน/วัน และปีที่ 6-10 วงเงิน 1,459,118,875 บาท เฉลี่ยไม่เกิน 1,635 บาท/คัน/วัน ส่วนตัวรถต้องรับประกัน 5 ปี
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า โครงการนี้ผิดพลาดตั้งแต่ทีโออาร์ ราคากลาง เงื่อนไขการส่งรถ การซ่อมบำรุง ทำให้การประมูลมีปัญหามาตลอด ครั้งนี้สรุปราคา ช ทวี ที่ 4,260 ล้านบาท สูงกว่าราคากลางเกือบ 6% ซึ่งไปเพิ่มในส่วนของราคาตัวรถที่จะอยู่ที่คันละเกือบ 4 ล้านบาท น่าจะมีกำไรจากการขายรถ ส่วนค่าซ่อมบำรุงนั้นกำหนดไว้ตายตัว
ดังนั้น หาก ขสมก.จะเดินหน้าซื้อให้ได้ สิ่งที่ต้องตรวจสอบคือ ความสามารถศักยภาพของเอกชนในการบริหารสัญญาให้ครบ 10 ปี ยิ่งไม่ได้ผลิตรถเอง หรือไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่าย การซื้อรถมาขายต่อ ผู้ผลิตจะมีการรับประกันรถประมาณ 1 ปี แต่ทีโออาร์ให้รับประกัน 5 ปี จะไปรอดหรือไม่
นอกจากนี้ การซ่อมบำรุง เงื่อนไขกำหนดว่าอุปกรณ์ อะไหล่ ต้องเป็นของใหม่ ยางหน้าต้องไม่หล่อดอก ยางหลังหล่อดอกได้เท่าที่จำเป็นและ ขสมก.ต้องเห็นชอบก่อน เป็นต้น เรื่องนี้เป็นระเบิดเวลาแน่นอน เพราะในวงการรถโดยสารทราบกันดีว่ารถเครื่องยนต์มีปัญหามาก ใช้งานไป 3 ปีก็จะต้องซ่อมใหญ่เปลี่ยน ขณะที่เงื่อนไข รถจะวิ่งบริการประมาณ 300 กม./วัน หรือกว่าแสน กม./ปี ซึ่ง ขสมก.นั้นมีบทเรียนในอดีตที่เคยซื้อรถ NGV จำนวน 42 คันของ MAN ที่สุดก็มีปัญหาเพราะรับภาระซ่อมบำรุงไม่ไหว ทั้งที่เป็นบริษัทผู้ผลิต และตัวแทนจากเยอรมนี
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขสมก.ยังหลงทางกับการซื้อรถเมล์ NGV เป็นการดันทุรัง สนองนโยบายแบบไปตายเอาดาบหน้า ซึ่งถึงวันที่ปัญหาโผล่ คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อวันนี้ คงจะไม่มีใครอยู่รับผิดชอบกันแล้ว
