ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ยิ่งปฏิเสธ ก็ยิ่งชัดเจน "บิ๊ก คสช."ไม่รู้ร้อน "ยิ่งลักษณ์" หายตัวไร้ร่องรอย แถมวอนสื่อย่าให้ความสำคัญ สำทับประเด็นรู้เห็นเป็นใจ
จับไม่ได้คาหนังคาเขาไม่มีใครยอมรับจริงๆ .. เรื่องที่ “หนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลยในคดีละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหาย ใช้วิชาล่องหน เผ่นแนบออกนอกประเทศ หนีการฟังคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ไปอย่าไร้ร่องรอย .. แล้วเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตอบเป็นโทนเสียงเดียวกันหมดว่า ไม่รู้เรื่อง ไล่ตั้งแต่ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สวมหมวกหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)อีกใบ ยืนยันเสียงแข็งว่า ใครจะปล่อย และจะปล่อยได้อย่างไร หรือ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ตีมึนว่า ไม่รู้ ไม่ชี้ ว่า "ยิ่งลักษณ์" หนีออกไปตอนไหน หรือช่องทางไหน
ถามว่า ระดับกึ๋น "ฝ่ายความมั่นคง" ไม่รู้จริงๆ หรือว่า "ยิ่งลักษณ์" เตลิดออกไปทางไหน .. หรือถ้าประเมินผิดพลาดว่า จะไม่หนี แล้วเหตุใดหลังทราบข่าว จึงเหมือนไม่กระตือรือร้นที่จะออกตามหาอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยกันเลย .. แตกต่างจากข้อมูลที่พรั่งพรูออกมาทางสื่อที่ค่อนข้างตรงกันว่าเธอหลบหนีออกไปทางประเทศกัมพูชา ก่อนจับ "เครื่องบินส่วนตัว" ไปยังเกาะสิงคโปร์ แล้วมุ่งหน้านครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ทันที .. สิ่งที่ปรากฏจาก "บิ๊กรัฐบาล" ออกมา มีแต่ว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามกันไปแล้ว ทั้งที่โดยปกติต้องมีการแกะรอยกันแล้วว่า“ยิ่งลักษณ์”ออกไปทางไหน ใช้เส้นทางใด ใครอำนวยความสะดวกให้ กล้องวงจรปิดย้อนหลังตั้งแต่ที่เห็นเธอครั้งสุดท้าย ได้มีการไปไล่ตรวจสอบหรือไม่ .. และได้มีการประสานกับประเทศต่างๆ ที่มีข่าวว่า “ยิ่งลักษณ์”เดินทางไปหรือไม่ .. ซึ่งจนบัดนี้ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม นอกจากได้มีการสั่งการให้ติดตามแล้วเท่านั้นเอง อย่างอื่นนิ่งสนิท .. ไม่เท่านั้นตัว "ผู้นำรัฐบาล" ยังมีหน้ามาบอกว่า ที่หลบหนีไปได้เป็น"เรื่องส่วนตัว" ของผู้ต้องหา ไม่ต้องไปให้ความสำคัญ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ "คนนินทา หมาดูถูก" ได้อย่างไรว่า "หลิ่วตา" ให้โจรเผ่น ..
ส่วนข้ออ้างว่า เธอเป็นผู้ต้องหาธรรมดา ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคง กรุณาทบทวนคำพูดใหม่ เพราะ“ยิ่งลักษณ์”เกี่ยวกับฝ่ายความมั่นคงเต็มๆ เป็นตัวละครสำคัญทางการเมือง ที่การขยับเขยื้อนของเธอ มีผลต่อสถานการณ์ภายในประเทศ เกิดวันดีคืนดีปลุกปั่นอยู่นอกประเทศเหมือนกับพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยทำ อย่างนี้เรียกว่า ความมั่นคงมั้ย ? .. ซึ่ง "นายกฯตู่" ก็บอกเองว่า ควบคุมความเคลื่อนไหวคนตระกูลนี้ลำบาก รวมทั้งบ่นพึม มาตลอดว่า ที่บ้านเมืองปั่นป่วนมาจนวันนี้ เพราะคนไม่หวังดี ที่อยู่ต่างประเทศ
"รัฐบาล คสช." ต่างหากที่ไม่แสดงอะไรให้เห็นว่า ข้อครหาเรื่องการหลิ่วตาที่ตัวเองกำลังโดนค่อนแคะไม่เป็นความจริง .. หนำซ้ำกลับบอกให้ปล่อยๆ เรื่องพวกนี้ไป อย่างนี้มันสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะ “ยิ่งลักษณ์”คือ นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลเคยประกาศกร้าวว่า จะปราบคอร์รัปชันให้สิ้นซาก .. แต่วันนี้กลับกลืนน้ำลาย ปล่อยไปประหนึ่งเสมือนว่า "ช่างมันเหอะ" แล้วอย่างนี้กฎหมายมันจะศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร .. ในเมื่อ "ผู้คุมกฎ" ทำตัวเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไหนบอกจะลดความเหลื่อมล้ำ แต่วันนี้กำลังแสดงให้เห็นว่า คนจนกับคนรวย ใช้กฎหมายกันคนละฉบับ นักการเมืองใหญ่ไม่มีวันได้นอนซังเต
** "ศรีวราห์" เพิ่งตื่น สั่งตามล่า "สารวัตรหนุ่ย" บอดี้การ์ดตระกูลชินฯ หาข้อมูล"ยิ่งลักษณ์"หลบหนี
นี่ก็อีกคน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควรสอบถามที่สุดว่า มีข้อมูลของ“ยิ่งลักษณ์”หรือไม่ .. คือ“สารวัตรเทวดา”ที่เป็นเงาตามตัวของจำเลยหลบหนีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ อย่าง "สารวัตรหนุ่ย" พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย อดีตผู้ช่วยนายเวร สบ. 4 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ“บอดี้การ์ดตระกูลชิน” .. ซึ่งยังเป็นนายตำรวจในราชการอยู่ เหตุใดจึงไม่เรียกมาให้ข้อมูล เพราะน่าจะเป็นคนที่รู้ข้อมูลมากที่สุด เพิ่งเห็นข่าวว่าจะไปไล่ล่า ตามเช็กว่า “สารวัตรหนุ่ย”ยังอยู่ ในประเทศหรือไม่ หรือหนีตาม“นายหญิง”ไปอยู่ดูไบแล้ว .. ทั้งที่ควรใช้เงื่อนไขความเป็นตำรวจในราชการ บล็อกกันเอาไว้แต่ต้นด้วยซ้ำ .. เป็นคิวของ“บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่บอกว่าจะเรียก "สารวัตรหนุ่ย" มาให้ข้อมูล ซึ่งก็งงเต็กไม่น้อย เหตุใดต้องรอให้ถูกผู้สื่อข่าวซักถามก่อนถึงจะคิดออก เหตุใดไม่คิดตั้งแต่นาทีแรกที่ “ยิ่งลักษณ์”หายตัวไป .. อีกทั้ง "สารวัตรหนุ่ย" เองก็เคยถูกหมายตาที่ไปโผล่เคียงข้าง "สาวปู" ตลอด แม้ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นนายกฯแล้ว หากจะหายไปแบบนี้ ถือว่าหนีราชการ ต้องมีคำสั่งลงโทษ หรือถ้าลาออกจากราชการไปแล้ว ก็ต้องมีคำชี้แจงออกมา เพื่อให้สังคมรู้ว่า ตำรวจมีกฎระเบียบ มีบทลงโทษ
อย่างนี้มันสมควรแล้วล่ะที่ “ศรีสุวรรณ จรรยา”เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไปยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ“บิ๊กป้อม”ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ฐานปล่อยปละละเลยให้จำเลยหนีคำพิพากษา เพราะการกระทำมันบ่งบอกว่า ไม่มีความจริงจังในการติดตามตัวเอาเสียเลย ส่วน “สารวัตรหนุ่ย” มาคิดจะสอบถามตอนนี้ คงไม่มีตัวให้ถามแล้ว ปานนี้คงเดินข้างกาย“นายใหญ่ - นายหญิง”สบายใจเฉิบ .. คงไม่คิดกลับประเทศแล้ว เพราะอยู่ที่นั่น คงสุขสบาย ดีกับภารกิจ "ฝากตัวรับใช้นาย" มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา .. แต่งวดนี้หน้าที่การงานคงถึงทางตันของจริง คิดหวังให้พรรคเพื่อไทยได้กลับมามีอำนาจ แล้วตัวเองจะได้เลื่อนยศแบบติดจรวดเหมือนเมื่อก่อน คงไม่มีทาง .. ยิ่ง "ตระกูลชินวัตร" เลือกเดินหมากตานี้ ก็เท่ากับล้มกระดานทุกสิ่งอย่างที่เคยทำไว้ หันหลังให้การเมืองไทยอย่างเป็นทางการ .. ส่วนชะตากรรมของ "สารวัตรหนุ่ย" คงถึงจุดตกต่ำที่สุด มากกว่าการได้ไปเข้ากรุ อยู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนเมื่อครั้งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ดีดไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนที่ยุคพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน หมดอำนาจ เมื่อหลายปีก่อน.
** จับตา"บิ๊กกุ้ย" ดื้อด้าน ถือธงไม่ใช้สิทธิ์อุทธรณ์คดี 7 ตุลาฯ 51 ตัดจบ ปลดชนักให้"เจ้านายเก่า-ผู้มีบุญคุณ"
วันนี้จะได้รู้กันว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มี “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน .. จะเอาอย่างไรกับประเด็น ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 หลังใกล้จะครบเดดไลน์ ในวันที่ 2 ก.ย.60 นี้ .. โดยก่อนหน้าจะพิจารณา คณะของอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เหมือนกับรับรู้ "ธง" ของ "ประธานกุ้ย" จึงเข้ายื่นเรื่องให้คณะกรรมการป.ป.ช. ยื่นขอขยายเวลาต่อศาลฎีกาฯ ออกไปอีก 30 วัน .. และขอให้ช่วยนำคำพิพากษาของตุลาการเสียงข้างน้อย มาเป็นข้อต่อสู้ในการยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้ .. ไม่รู้ว่า “บิ๊กกุ้ย”จะหยิบเอาข้อเรียกร้องเหล่านี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเปล่า เพราะถือว่า มีประโยชน์ต่อการพิจารณาไม่น้อย ต่อ "โจกท์" ที่แพ้คดีในชั้นศาลอย่างป.ป.ช.
อันที่จริงการยื่นอุทธรณ์ไม่ได้เสียหายอะไรเลย ถือเป็นการกระทำตามสิทธิ์ที่พึงได้รับ คณะกรรมการป.ป.ช. แค่นำข้อท้วงติง ต่างๆ ที่ยังมีความคลางแคลงสงสัยไปสู้ต่อ เพื่อให้สิ้นกระแสความ ไม่ให้มีใครคาใจ .. เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ เองเห็นว่า มีช่องให้ต่อสู้อยู่หลายจุด ตั้งแต่คำสั่งศาลปกครอง เรื่อยมาถึงคำพิพากษาส่วนตัวของ ปริญญา ดีผดุง ตุลาการเสียงข้างน้อย ที่มีมุมมองน่าสนใจหลายจุด .. โดยเฉพาะการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามหลักสากลของจำเลยทั้ง 4 คน ไม่ควบคุม และกำกับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติจาก "เบาไปหาหนัก" ตามหลักสากลอย่างเคร่งครัด กลับปล่อยให้ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาเกินกว่าความจำเป็น .. แต่ไม่รู้ว่า จะเป็นการเสียเวลาของ“บิ๊กกุ้ย”คนเดียวหรือเปล่า เพราะถ้ายอมให้อุทธรณ์ จะทำให้คดีของลูกพี่เก่าอย่าง "บิ๊กป๊อด" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ยอมจบบริบูรณ์เสียที .. ทั้งที่อยากจะไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว ก็มารอดูกันว่า“บิ๊กกุ้ย”จะแคร์กระแสสังคมหรือไม่ แล้วนี่ยังมีข่าวว่า กำลังพิจารณาจะ"ถอนตัว" จากการร่วมพิจารณาประเด็นดังกล่าว .. จริงๆ ไม่น่าจะต้องลังเลอะไร เรื่องนี้คิดง่ายๆ จำเลยเป็น "เจ้านายเก่า-ผู้มีบุญคุณ" ส่วนได้ส่วนเสีย มันมีเต็มๆ เอาให้เห็นๆ กันไปเลยว่า ถ้าประธานป.ป.ช.ไม่เข้าร่วม แล้วเสียงที่เหลือ จะออกมาอย่างไร
ช.ชฎา