xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ปลุกม็อบแดงช่วย “ปู” พ้นผิด มีแต่รัดคอแพ้ตลอดไม่เคยชนะ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

จะเรียกว่า “ไม่เคยเข็ดหลาบ” กันสักที สำหรับครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย ที่ชอบใช้วิธีการนำมวลชนผู้สนับสนุนมากดดันเพื่อทำตามเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ เพราะหากพิจารณาย้อนกลับไปในอดีตล้วนมีแต่ล้มเหลว และส่งผลกระทบตามมามากมาย เหมือนกับยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดคอตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

แน่นอนว่า การใช้วิธีการดังกล่าวเคยสำเร็จเหมือนกัน หากพิจารณาจากเหตุการณ์เมื่อปี 2544 ในช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร เริ่มเป็นเศรษฐีจากการได้รับสัมปทานผูกขาด แล้วผันตัวเองเข้าสู่วงการเมืองโดยการก่อตั้งพรรคไทยรักไทยแล้ว “คัดลอกนโยบายประชานิยม” มาใช้จนประสบความสำเร็จ ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มเจอมรสุมจาก “คดีซุกหุ้น” ที่สร้างปัญหาใหญ่เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน

ในคราวนั้นก็ต้องยอมรับว่า ทักษิณ ชินวัตร “ฮอต” มาก เขากลายเป็นความหวังของคนไทยจำนวนมาก เพราะด้วยบุคลิกที่โดดเด่น ไม่มีนักการเมืองคนไหนทำแบบนั้นมาก่อนทำให้ครองใจคน แม้ว่าในภายหลังจะถูกจับได้อีกว่า นั่นคือ “กลุยุทธ์ทางการตลาด” ที่สร้างขึ้นมาทั้งสิ้นก็ตาม แต่มันก็ได้ผล จนมีผลต่อคดีซุกหุ้นภาคแรก ที่สามารถใช้พลังมวลชนมากดันศาลรัฐธรรมนูญในช่วงนั้นให้เบี่ยงเบนไปได้ ขณะเดียวกัน ในทางลึกก็ใช้อีกวิธีการหนึ่งมีการ “วิ่งเต้น” จนมีเรื่องอื้อฉาวตามมา

วลีเด็ดที่ว่า “พวกเราไม่กี่คนจะมาตัดสินชะตากรรมคน ๆ หนึ่งไม่ได้ เพราะเขาเป็นความหวังและชาวบ้านนับล้านเลือกเข้ามา” ด้วยคำพูดประมาณนี้แหละที่ทำให้เขาหลุดรอดคดีมาได้ แม้ว่าในเรื่องราวดังกล่าวมี “เบื้องหลัง” มากมายก็ตาม

อย่างไรก็ดี นั่นอาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้นที่ “ใช้ได้ผล” เพราะหลังจากนั้น ทักษิณ ชินวัตร ก็โดนเปิดโปงในเรื่องความไม่ชอบมาพากล ความเลวร้ายฉ้อฉลมากมายถึงประจานออกมาให้เห็นมาขึ้นเรื่อย ๆ และนับวันก็ยิ่งเห็นไส้เห็นพุงจนแทบไม่เหลือแล้ว จะมีก็แต่บางคนที่ได้รับประโยชน์คุ้มค่าจากพวกเขาเท่านั้น ทั้งในรูปแบบของ “ค่าจ้าง” ตำแหน่งทางการเมือง ตำแหน่งความก้าวหน้าทางราชการ ก็ยังมีคนที่พร้อมสลับหน้าเข้ามารับใช้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะว่าไปแล้ว ในมวลชนของเขาใน “เนื้อใน” แล้วก็ยังมีการ “แย่งกันเสนอหน้า” ชิงกันใกล้ชิด คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน ประเภท “ขี้ข้าเก่า” ก็กีดกัน “ขี้ข้าใหม่” ไม่ให้เข้ามา หากสังเกตให้ดีจะเป็นแบบนั้น

วกมาที่คดีที่คนพวกนี้เผชิญอยู่ อย่างที่บอกไว้ว่า นับจากคดีซุกหุ้นภาคแรก เมื่อปี 2544 เป็นต้นมา หลังจากนั้น ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเขาที่มีคดีติดตัวทั้งคดีทุจริต คดีใช้อำนาจมิชอบทุกคดีที่ใช้มวลชนกดดันไม่เคยมีความสำเร็จ อาจมีบ้างที่ทำได้แค่ชะลอ หรือยื้อเวลาให้นานออกไปเท่านั้น เมื่อเวลาหรืออำนาจเปลี่ยนมือ ก็โดนรื้อฟื้นขึ้นมาอีก

ขณะเดียวกัน ที่น่าสังเกต ก็คือ ทุกครั้งที่ไม่ว่า ทักษิณ ชินวัตร หรือคนในครอบครัวคนอื่น เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดนฟ้องร้องดำเนินคดีไม่ว่าทางแพ่ง หรืออาญา ข้ออ้างที่พวกเขานำมาโต้แย้งหรือต่อสู้คดี ก็คือ “หน่วยงานนั้นไม่มีอำนาจ” หรือเป็นการ “ฟ้องโดยมิชอบ” เป็นหลัก แทนที่จะสู้กันด้วยข้อเท็จจริง รวมทั้งนำพยานหลักฐานต่าง ๆ ไปโต้แย้ง ไปย้อนหลังพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นยุบพรรคไทยรักไทย คดียุบพรรคพลังประชาชน คดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท คดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษก เรื่อยมาจนถึงล่าสุดคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของเขากำลังเจอศึกหนักจากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่โดนฟ้องในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และกำลังจะโดนคดีทางแพ่ง เริ่มจากการถูกคำสั่งทางการปกครองบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหาย

แม้ว่าตัวเลขความเสียหายจะยังไม่สรุปออกมา แต่ก็คาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท เพื่อป้องกันคดีหมดอายุความในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ก่อนที่จะเข้าสู่ศาลปกครอง คนพวกนี้ก็ยังใช้วิธีการต่อสู้แบบเดิมคือ “ถูกฟ้องโดยมิชอบ” และ “ศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี” ซึ่งผลก็ออกมาแบบเดิม คดีในศาลฎีกาฯ ยิ่งลักษณ์ ก็แพ้ไปแล้วตามคาด

ล่าสุด คนในครอบครัวนี้ก็ยังใช้วิธีการแบบเดิมที่ไม่เคยได้ผลกลับมาใช้ซ้ำอีก นอกเหนือจากการต่อสู้ทางคดีในแบบที่อ้างว่า “โดนฟ้องมิชอบ” หรือศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาแล้ว นี่ก็กลับมาใช้วิธีการปลุกระดมมวลชนมากดดันอีก ซึ่งที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าล้มเหลวมาทุกครั้ง และที่สำคัญ สถานการณ์เวลานี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ชาวบ้านรู้ทันมากขึ้นกว่าเดิมจนเทียบกันไม่ได้

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบแบบนี้มันก็ทำให้ “น่าแปลกใจ” เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเลือกวิธีที่มันล้มเหลว หรือว่าหากมองอีกมุมหนึ่งนี่เป็นแผนการของพวก “หลอกรับประทาน” เพราะตัวเองจะได้ประโยชน์จากการปลุกม็อบ เนื่องจาก “มีค่าใช้จ่าย” ไม่น้อยทุกครั้ง

มันสามารถมองได้แบบนั้นจริง ๆ เพราะเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับทุกคดีในอดีต ที่ใช้วิธีการต่อสู้แบบนี้แต่ก็ล้มเหลวมาตลอด คราวนี้ก็เช่นเดียวกันยังจะนำมาใช้แบบเดิมอีก แต่ก็อย่างว่า ทุกครั้งมันก็จะมีบางคนที่ได้ประโยชน์เป็นกอบเป็นกำเสมอเช่นเดียวกัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น