MGR Online - “ศรีวราห์” ประชุมจัดชุดไล่ล่าจับ “ยิ่งลักษณ์” ทั่วประเทศ สั่งไล่กล้อง เช็กพิกัด ประสาน 190 ปท.หาตัว ระบุหากยังไม่พบข้อมูลแหล่งพักพิงที่แน่ชัดก็ไม่จำเป็นต้องขอหมายค้น ชี้อาจหลุดช่องทางธรรมชาติ ทูตตำรวจยันไม่พบข้อมูลเข้ากัมพูชา เร่งตามตัว “ผกก.หนุ่ย” นายตำรวจติดตาม เอี่ยวพาหนี?
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง เรียกประชุมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังหลบหนีไม่มารับฟังคำพิพากษา ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเลย ไม่ระงับยับยั้ง ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว โดยมี พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ภาคภูมิ สัจจพันธ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) กองการต่างประเทศ กองทะเบียนประวัติอาชญากร บก.น.4 และ สน.ลาดพร้าว และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า หลังศาลออกหมายจับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้กองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) ลงประกาศสืบจับ ซึ่ง ทว. ลงประกาศสืบจับผ่านระบบออนไลน์ไปทั่วประเทศไปถึงสถานีตำรวจทุกแห่ง และด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศทันที ตั้งแต่ 13.18 น.ของวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความเคลื่อนไหวด้านการข่าว สถานการณ์และเฝ้าระวัง การเดินทางเข้าออกประเทศตามด่านตรวจคนเข้าเมือง ช่องทางธรรมชาติ สั่งการทุกหน่วยมอบหมาย รอง ผบช.รับผิดชอบงานความมั่นคงเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัว และให้มีการรายงานผลการปฏิบัติทุก 5 วัน ตามหนังสือวิทยุ ตร.ด่วนที่สุด ลับที่ 0001(ศปก.ตร.)/118 ลง 27 ส.ค. 60 และสั่งการให้กองการต่างประเทศ (ตท.) ประสานตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งมีสมาชิกจำนวน 190 ประเทศ เพื่อหาพิกัดที่อยู่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในต่างประเทศ ทั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก สน.ลาดพร้าว ที่รับผิดชอบดูแลบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในซอยโยธินพัฒนา 3 ว่าจากการสอบสวนพยานบุคคลในบ้าน ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ให้ข้อมูลว่าไปไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ และจากการเฝ้าสังเกตการณ์ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.เป็นต้นมาก็ไม่พบเห็นการเข้าออกบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือแม้กระทั่งการเข้าออกของรถที่ใช้ประจำแต่อย่างใด ข้อมูลของ สน.ลาดพร้าว ระบุว่าด้วยว่ามีการพบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งสุดท้ายในบ้านหลังนี้เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 23 สิงหาคม อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ท้องที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณบ้าน สืบสวนตามวิธี เพื่อหาหลักฐานยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่ในบ้านจริง นอกจากนี้ยังตรวจสอบบ้านพักทุกแห่งภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน และที่พักอาศัย รวมถึงบ้านพักที่ จ.เชียงใหม่ด้วย ซึ่งได้รับรายงานว่ายังไม่พบตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน บก.น.4 ก็สั่งการ สน.วังทองหลาง ไปตรวจสอบที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ย่านเลียบด่วนรามอินทรา ภายหลังมีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าพักในคืนวันที่ 23 สิงหาคมก่อนหายตัวไป ทั้งนี้ การจะขอหมายค้นสถานที่ใดเพื่อหาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีข้อมูลแจ้งต่อศาลว่าพบข้อเท็จจริงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ปรากฏตัว หรืออยู่ในที่นั้น แต่ตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลจึงยังไม่ขอหมายค้นใดๆ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่านั่งเรือออกไปหลังจากไหว้พระที่วัดระฆังโฆสิตารามนั้นก็เป็นเพียงเรื่องเขาเล่าว่า ต้องตรวจสอบก่อน
“เมื่อมีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศไป ก็ได้รับการยืนยันจาก สตม.ว่าตรวจสอบด่าน ตม.ทั่วประเทศไม่พบการผ่านเข้าออกในช่องทางด่าน ตม.ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็เป็นไปได้ที่จะอาศัยช่องทางธรรมชาติหลบหนี ประเทศไทยกว้างใหญ่ไพศาลก็เป็นไปได้ที่จะหลบหนี แค่ขับรถเป็นก็หนีได้แล้ว ไม่ต้องมีใครช่วยก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ที่ใด ในประเทศ หรือนอกประเทศ ไม่สามารถสันนิษฐานได้ จะพูดได้เมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ สั่งการให้จังหวัดที่มีพื้นที่ชายแดนตามที่มีกระแสข่าวที่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะใช้เป็นช่องทางหลบหนี เช่น เกาะช้าง จ.ตราด หรือ จ.สระแก้ว ไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังแล้วว่ามีการใช้ช่องทางใดหลบหนีหรือไม่ แต่ทั้งนี้ก็ให้ตรวจสอบทั่วประเทศเพราะเป็นไปได้หมดถ้าจะหนี” รอง ผบ.ตร.ระบุ
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) กล่าวว่า เมื่อมีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบนีไปยังประเทศกัมพูชา กองการต่างประเทศได้ติดต่อประสานไปยัง พ.ต.อ.อนุชา สุทธยดิลก รองผู้บังคับการประจำกองการต่างประเทศ ในฐานะผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำประเทศกัมพูชาแล้ว ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าไม่พบข้อมูลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปยังกัมพูชาแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ระบุว่าไปอยู่ที่นครดูไบนั้น วันนี้จะประสานไปยังตำรวจที่ยูเออีเพื่อให้ช่วยตรวจสอบ โดยตำรวจยูเออีเป็น 1 ใน 190 ประเทศ สมาชิกตำรวจสากล จึงมีช่องทางการประสานงานอยู่แล้ว วันนี้จะรีบทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังตำรวจสากล ให้ตำรวจ 190 ประเทศสมาชิกช่วยตรวจสอบว่า พบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ กระบวนการนี้จะใช้เวลาพอสมควร ขึ้นอยู่กับว่าจะมีประเทศใดตอบกลับมาหรือไม่ ตามขั้นตอนหากมีประเทศหนึ่งประเทศใดตอบกลับมาว่าพบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตำรวจก็จะประสานไปยังอัยการเพื่อให้พิจารณาว่าจะออกหมายจับสากล หรือหมายแดง ให้ตำรวจสากลช่วยจับกุมหรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตำรวจสากลว่าตีความคดีนี้อย่างไร จะออกหมายจับให้หรือไม่ด้วย
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานในการสืบสวนหาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ได้ชัดเจนที่สุดเพื่อชี้แจงต่อศาลฯ หากมีการนัดไต่สวนเพื่อชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีจริง และตำรวจได้สืบสวนแล้ว หลังจากนั้นก็ดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ในกระบวนของศาลเมื่อจำเลยหลบหนีนับจากวันที่ศาลออกหมายจับนับไป 1 เดือน ศาลก็จะนัดอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ ตอนนี้ในส่วนของตำรวจนอกจากสืบสวนตามจับกุมให้ได้ ส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นพยานในการแจงต่อศาลตามกฎหมาย
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตำรวจไม่มีอำนาจหน้าที่ไปติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะตำรวจคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่มีขอบเขตและไม่ละเมิดสิทธิ ตรวจสอบแล้วตำรวจไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการใดตามประกบติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด จากการตรวจสอบพบว่ามีเพียงการขอตัว พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผู้ช่วยนายเวร (สบ 4) (ผู้ช่วยนายเวร พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรอง ผบ.ตร.) ไปช่วยดูแลความความปลอดภัยเท่านั้น โดยมีหนังสือกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ 02.800.2/23 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2557 ขอตัวไปช่วยราชการตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2557 ถึง 25 สิงหาคม 2558 ซึ่งนายตำรวจนายนี้จะเกี่ยวข้องในการพาหลบหนีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของตำรวจนครบาลในการตรวจสอบ และติดต่อกับ พ.ต.อ.วทัญญู รวมถึงการสืบสวนสอบสวนแพทย์ประจำตัวว่ามีการเข้าพบ รักษาตัวเกี่ยวกับอาการน้ำในหูไม่เท่ากันหรือไม่ ขณะที่ บช.ส.กำลังตรวจสอบอีกทางว่านายตำรวจคนนี้ยังอยู่ในราชการหรือไม่ รู้เห็นอย่างไร นอกจากนี้ในส่วนของตำรวจมีเพียงการตั้งจุดตรวจหน้าบ้านพักซอยโยธินพัฒนา 3 ตั้งแต่สมัยยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็จะมีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา ระยะหลังจุดตรวจยังอยู่ แต่มีตำรวจประจำ 1 นาย ในช่วงเวลา 06.00-18.00 น.เท่านั้น ช่วงอื่นๆ มีเพียงสายตรวจผ่านไปมา
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจเตรียมพร้อมรับมือการดูแลความปลอดภัยมวลชนที่จะมาให้กำลังใจในวันที่ 25 ส.ค.เท่านั้น ข้อมูลการข่าวของสันติบาลก็ไม่เคยประเมินว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะหลบหนี เพราะมาขึ้นศาลสู้คดีทุกครั้ง ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าท่านจะหนี ตนมีหน้าที่ดูแลความความสงบในวันพิพากษา ตอน 04.00 น.ของวันที่ 25 ส.ค. ตนยังไปดูแลเรื่องการวางแผงเหล็กบริเวณศาลอยู่เลย การข่าวทุกอย่างก็ประเมินตามสถานการณ์ อย่าไปมองว่าผิดพลาด นอกจากนี้ยังให้ ปอท.ไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จนถึงขณะนี้ก็ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ขณะเดียวกันก็ให้ตรวจสอบโพสต์ล่าสุดในเฟซบุ๊กที่บอกให้มวลชนให้กำลังใจที่บ้านไม่ต้องเดินทางมาศาล ว่าโพสต์ดังกล่าวทำการโพสต์จากที่ใด อย่างไรก็ตาม เมื่อมีหมายจับตำรวจก็พยายามเต็มที่ในการติดตามจับกุมตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาให้ได้ก่อนวันที่ 27 กันยายน ทั้งนี้ ในการประชุมวันนี้ยังไม่พิจารณาความบกพร่องของหน่วยงานใด เรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามจะประชุมติดตามความคืบหน้าการสืบสาวจับกุม น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย.นี้
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการเปิดทางให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือนั้น รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ แต่อย่างที่บอกประเทศไทยกว้างใหญ่ ถ้าขับรถเป็นก็หนีได้ ส่วนที่มีการกล่าวหาไปแจ้ง ป.ป.ช.ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีการละเลย จงใจให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีนั้น เรื่องนี้ใครมีพยานหลักฐานอะไรก็ให้เอามาแสดงที่ตนได้จะช่วยสืบสวนต่อให้ หากแค่กล่าวหาลอยๆ ไม่มีหลักฐานก็เข้าข่ายแจ้งความเท็จ