เลขาธิการ คสช.เผยสถานการณ์ยังปกติ มีแผนรับรองถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด แต่ห่วงปัญหาจราจรรอบศาลฎีกา ขอคนไม่เกี่ยวเลี่ยงเข้าพื้นที่ โยนตำรวจรับผิดชอบ กองทัพรอสแตนด์บาย เชื่อทุกอย่างคลี่คลายดี ยังไม่รู้มีจ้างหัวละ 3 พัน ถ้ามีหลักฐานก็ต้องฟัน เผยปมพลทหารอ้างถูกซ้อมจนตายยังไม่พบในค่ายมีปรากฏ ให้ ตร.สอบจากค่ายไปถึงบ้านเกิดอะไร
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่สโมสรทหารบกวิภาวดี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงการเตรียมแผนรองรับดูแลการอ่านคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวที่คาดว่าจะลากยาวไปจนถึงช่วงค่ำของวันที่ 25 ส.ค.นี้ว่า ในเวลานี้หากพูดถึงสถานการณ์ภาพรวม ทางด้านหน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามและรายงานให้ตนทราบว่าสถานการณ์โดยรวมเป็นไปตามปกติ ไม่มีสิ่งบอกเหตุใดๆ ที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ในส่วนของหน่วยที่รับผิดชอบได้มีการเตรียมแผนเป็นขั้นตอนรองรับอยู่แล้ว และในเวลานี้ยืนยันว่ามีความพร้อมในการดูแลประชาชน สิ่งที่พวกเรากังวลคือปัญหาการจราจรในพื้นที่รอบศาลเนื่องจากโดยปกติพื้นที่ดังกล่าวมีการจราจรหนาแน่น จึงฝากไปยังประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องให้หลีกเลี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะบริหารจัดการด้านการจราจรให้ดีที่สุด ส่วนสถานการณ์จะล่วงเลยในเวลาค่ำคืนนั้น เจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน เป็นสิ่งที่เราได้คาดการณ์ไว้แล้วและมีแผนรองรับ
เมื่อถามว่า หลังคำตัดสินอาจมีคนไม่พอใจผลที่ออกมา พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ในการวางแผนของหน่วยมีการวางแผนไว้ทุกขั้นตอนที่เรียกว่า “worst case” คือ กรณีเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อแผนรองรับสถานการณ์แต่ตนเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปด้วยดี ไม่น่ามีอะไรที่เป็นปัญหา แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกอย่างมีแผนรองรับ แต่ตนคงไม่มาชี้แจงในรายละเอียด ขอให้สบายใจว่าเราเตรียมแผนรองรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่าจะมีการจัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่มี พรุ่งนี้ (25 ส.ค.) ถือว่าเป็นสถานการณ์ปกติ มอบหมายตำรวจรับผิดชอบและก็จะตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ขึ้นมารับผิดชอบซึ่งเป็นของตำรวจนครบาล ขณะที่กองทัพบกซึ่งมี กกล.รส.ก็อยู่ประจำพื้นที่ เตรียมความพร้อม สแตนด์บายตามปกติ
“ผมไม่กังวล สบายใจ และผมเชื่อว่าจะทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนคนเดินทางมาให้กำลังใจก็ตามตัวเลขเดิมคือ 3,000-3,500 คน ส่วนข่าวที่มีการขนคนมาจากต่างจังหวัด ว่าจ้างคนละ 3,000 บาทนั้น ผมยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่ถ้าไม่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องดำเนินการ เคยเตือนกันแล้ว หากไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีหลักฐาน แม้แต่จะเป็นหลังวันที่ 25 ส.ค.ไปแล้วก็ตาม ทุกเรื่องก็ต้องดำเนินการเนื่องจากเราได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปสกัดคน ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็อาจจะตรวจตราเป็นเรื่องปกติและก็ไม่ได้กังวลอะไร” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงการเสียชีวิตของพลทหารนพดล วรกิจพันธ์ สังกัดกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 (มทบ.45) ค่ายวิภาวดีรังสิต อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ว่ารอหลักฐานจากทางด้านการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพื้นฐานที่ได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานเรียบร้อยแล้วในขั้นต้น ในค่ายเท่าที่เห็นเท่าที่มีไม่มีปรากฏเรื่องการซ้อม ทรมานแต่อย่างใด ทั้งการซักถาม การเปิดกล้องวงจรปิด ตนได้บอกให้ มทบ.ที่ 45 ดูในเรื่องของรายละเอียดและการจัดงานศพ ส่วนหลักฐานที่ออกมาก็เป็นไปตามขั้นตอน ตำรวจก็ดูต่อว่าออกจากค่ายแล้วเป็นอย่างไรจนไปถึงที่บ้าน
