**ในที่สุดก็มาถึงจนได้ สำหรับวันที่ 25 สิงหาคม วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีกำหนดตัดสินคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยฐานปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนความ มีการไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์และจำเลย และแสวงหาความจริงจากหลักฐานเอกสารต่างๆ มาอย่างครบถ้วนแล้ว
อีกทั้งที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยก็ต่างใช้สิทธิ์ตามกฎหมายกันอย่างเต็มที่แล้ว และทุกอย่างก็เดินมาตามเส้นทางของมันจนมาถึงวันนี้จนได้
สำหรับวันที่ 25 สิงหาคม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีกำหนดตัดสินในเวลาไล่เลี่ยกันสองคดี คือนอกเหนือจากคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลยในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ก่อนหน้านั้นตามคิวแรก ศาลฎีกาฯนัดอ่านคำพิพากษาคดีความผิดเกี่ยวกับการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ กับพวกรวม 19 คน เป็นจำเลย
นั่นเป็นกำหนดการเรียงตามลำดับก่อนหลังที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า และทุกอย่างมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่ต้องลุ้นระทึกกันแล้ว โดยเฉพาะเจ้าตัวที่เป็นจำเลย ว่าผลจะออกมาแบบไหน เป็นบวก หรือลบ หรือว่ากลางๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับศาลที่มีการแสวงหาความจริงตามพยานหลักฐาน
ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ บรรยากาศหน้าศาลหรือ "นอกศาล" ว่าจะเป็นแบบไหน หลายคนกังวลว่าอาจเกิดเหตุความวุ่นวายในวันดังกล่าว หากมีคนจำนวนมาก อย่างไรก็ดี หากมีความกังวลก็ไปห้ามความรู้สึกกันไม่ได้ แต่สำหรับในบริเวณศาล ซึ่งเป็นขอบเขตอำนาจศาล ก็ย่อมีกฎระเบียบ มีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวด มีกำหนดเอาไว้ และมีตัวอย่างให้เห็นอยู่เนืองๆ ทั้งโทษจำคุก โทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเมื่อมีระเบียบที่กำหนดเอาไว้ก็น่าจะเบาใจได้ว่า ไม่น่าจะมีเหตุใดๆ ภายในบริเวณศาล
**แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ประเภทที่ "หลอกชักนำมา" มีการปลุกระดมทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การป้อนข้อมูลให้มวลชนแบบผิดๆ เพื่อหวังผลทางการเมืองส่วนตัวที่"ซ่อนเร้น"บางอย่าง แบบนี้แหละน่ากลัวกว่า เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์หลอกลวงในลักษณะแบบนี้มาแล้ว ดังตัวอย่างเมื่อครั้งเกิดการชุมนุมเมื่อปี 2553 จนเกิดความรุนแรง เช่น วาทะ "เผาไปเลยพี่น้องผมรับผิดชอบเอง" หรือให้ "ไปพร้อมกันที่ศาลากลาง" อะไรประมาณนี้ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังมีหลายคนที่ยังติดคุก ทนทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายคน โดยไม่ได้รับการเหลียวแลรับผิดชอบ
แม้ว่านาทีนี้ไม่อาจนำกรณีดังกล่าวมาเปรียบเทียบกันได้ เพราะในวันที่ 25 สิงหาคม เป็นกระบวนการยุติธรรมทางศาล ที่ต้องชี้ขาดออกมาแล้ว ผลจะออกมาแบบนี้ ทุกคนก็ต้องยอมรับ และล่าสุดฝ่ายจำเลยก็ยืนยันว่า จะยอมรับผลการตัดสินแต่โดยดี ซึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
**สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ขอให้มวลชนที่เป็นห่วงให้กำลังใจตัวเธออยู่กับบ้าน ไม่ต้องมาให้กำลังใจที่ศาล โดยเธอก็ให้เหตุผลว่ากลัวเหตุมือที่สาม ที่อาจเข้ามาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งรับรองว่ามันไม่เกิดผลดีกับใครแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง ทางฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาต (คสช.) ที่มี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังลังรักษาความสงบ เป็นคนคุมเกมในภาพใหญ่ทั่วประเทศ ขณะที่ฝ่ายตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นฝ่ายรับผิดชอบในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย ทุกอย่างได้ตระเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว
ยิ่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ย้ำแบบทีเล่นทีจริงต่อหน้า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ระหว่างนำอวยพรวันเกิดครบรอบ 97 ปีว่า " หากผบ.ตร. คุมสถานการณ์ไม่อยู่ ก็จะให้เกษียณฯก่อนกำหนดกันยกแผงเลย" ก็ต้องบอกว่า งานนี้คงไม่ต้องการให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด
**ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากกระบวนการต่างๆแล้วก็ต้องมั่นใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เพราะหนึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมของศาลที่จะตัดสินคดี แต่หากมีเรื่องน่าห่วงอยู่บ้างก็น่าจะเป็นพวกที่ถูกชักจูงเข้ามาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วมีอารมณ์ร่วมบางอย่างจนมีความผิด แบบนี้แหละน่าห่วงกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะเท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัว เพราะตัวอย่างมีอยู่แล้วว่า"ละเมิดศาล"เป็นแบบไหน และเจ้าหน้าที่ละเลยเป็นแบบไหน !!
อีกทั้งที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยก็ต่างใช้สิทธิ์ตามกฎหมายกันอย่างเต็มที่แล้ว และทุกอย่างก็เดินมาตามเส้นทางของมันจนมาถึงวันนี้จนได้
สำหรับวันที่ 25 สิงหาคม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีกำหนดตัดสินในเวลาไล่เลี่ยกันสองคดี คือนอกเหนือจากคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลยในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ก่อนหน้านั้นตามคิวแรก ศาลฎีกาฯนัดอ่านคำพิพากษาคดีความผิดเกี่ยวกับการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ กับพวกรวม 19 คน เป็นจำเลย
นั่นเป็นกำหนดการเรียงตามลำดับก่อนหลังที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า และทุกอย่างมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่ต้องลุ้นระทึกกันแล้ว โดยเฉพาะเจ้าตัวที่เป็นจำเลย ว่าผลจะออกมาแบบไหน เป็นบวก หรือลบ หรือว่ากลางๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับศาลที่มีการแสวงหาความจริงตามพยานหลักฐาน
ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ บรรยากาศหน้าศาลหรือ "นอกศาล" ว่าจะเป็นแบบไหน หลายคนกังวลว่าอาจเกิดเหตุความวุ่นวายในวันดังกล่าว หากมีคนจำนวนมาก อย่างไรก็ดี หากมีความกังวลก็ไปห้ามความรู้สึกกันไม่ได้ แต่สำหรับในบริเวณศาล ซึ่งเป็นขอบเขตอำนาจศาล ก็ย่อมีกฎระเบียบ มีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวด มีกำหนดเอาไว้ และมีตัวอย่างให้เห็นอยู่เนืองๆ ทั้งโทษจำคุก โทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเมื่อมีระเบียบที่กำหนดเอาไว้ก็น่าจะเบาใจได้ว่า ไม่น่าจะมีเหตุใดๆ ภายในบริเวณศาล
**แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ประเภทที่ "หลอกชักนำมา" มีการปลุกระดมทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การป้อนข้อมูลให้มวลชนแบบผิดๆ เพื่อหวังผลทางการเมืองส่วนตัวที่"ซ่อนเร้น"บางอย่าง แบบนี้แหละน่ากลัวกว่า เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์หลอกลวงในลักษณะแบบนี้มาแล้ว ดังตัวอย่างเมื่อครั้งเกิดการชุมนุมเมื่อปี 2553 จนเกิดความรุนแรง เช่น วาทะ "เผาไปเลยพี่น้องผมรับผิดชอบเอง" หรือให้ "ไปพร้อมกันที่ศาลากลาง" อะไรประมาณนี้ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังมีหลายคนที่ยังติดคุก ทนทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายคน โดยไม่ได้รับการเหลียวแลรับผิดชอบ
แม้ว่านาทีนี้ไม่อาจนำกรณีดังกล่าวมาเปรียบเทียบกันได้ เพราะในวันที่ 25 สิงหาคม เป็นกระบวนการยุติธรรมทางศาล ที่ต้องชี้ขาดออกมาแล้ว ผลจะออกมาแบบนี้ ทุกคนก็ต้องยอมรับ และล่าสุดฝ่ายจำเลยก็ยืนยันว่า จะยอมรับผลการตัดสินแต่โดยดี ซึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
**สำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ขอให้มวลชนที่เป็นห่วงให้กำลังใจตัวเธออยู่กับบ้าน ไม่ต้องมาให้กำลังใจที่ศาล โดยเธอก็ให้เหตุผลว่ากลัวเหตุมือที่สาม ที่อาจเข้ามาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งรับรองว่ามันไม่เกิดผลดีกับใครแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง ทางฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาต (คสช.) ที่มี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังลังรักษาความสงบ เป็นคนคุมเกมในภาพใหญ่ทั่วประเทศ ขณะที่ฝ่ายตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นฝ่ายรับผิดชอบในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย ทุกอย่างได้ตระเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว
ยิ่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ย้ำแบบทีเล่นทีจริงต่อหน้า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ระหว่างนำอวยพรวันเกิดครบรอบ 97 ปีว่า " หากผบ.ตร. คุมสถานการณ์ไม่อยู่ ก็จะให้เกษียณฯก่อนกำหนดกันยกแผงเลย" ก็ต้องบอกว่า งานนี้คงไม่ต้องการให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด
**ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากกระบวนการต่างๆแล้วก็ต้องมั่นใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เพราะหนึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมของศาลที่จะตัดสินคดี แต่หากมีเรื่องน่าห่วงอยู่บ้างก็น่าจะเป็นพวกที่ถูกชักจูงเข้ามาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วมีอารมณ์ร่วมบางอย่างจนมีความผิด แบบนี้แหละน่าห่วงกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะเท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัว เพราะตัวอย่างมีอยู่แล้วว่า"ละเมิดศาล"เป็นแบบไหน และเจ้าหน้าที่ละเลยเป็นแบบไหน !!