ผบ.ตร.คุมเองหน้าศาลฯพิพากษาคดีจำนำข้าว สั่งเช็คข่าวทุกมิติ คาด “ทักษิณ” อาจไลฟ์สด สั่งจับตา “ยิ่งลักษณ์-บุญทรง” หลังพิพากษา หวั่นเผ่นออกนอกประเทศ ผบ.ทบ.เผยเตรียมแผนรองรับขั้นเลวร้ายสูงสุด แต่เชื่อคุมสถานการณ์ได้ "บิ๊กตู่" ขออย่าดึงจำนำข้าวทำประเทศวุ่น “ปู” โพสต์เฟซเบรกกองเชียร์ไม่ต้องมาศาล “วิษณุ” ชี้จำเลยจีทูจีมาไม่ครบ ศาลตัดสินหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจ โพลเชื่อ “ยิ่งลักษณ์” ไม่น่ารอด
วานนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (อีโอดี) ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณโดยรอบศาลฎีกาฯ ตามมาตรการรักษาความปลอดภัย และเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมารับฟังคำตัดสินคดีจำนำข้าว ในวันที่ 25 ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยเฉพาะอาคารเอ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีพื้นที่ติดกับศาลฎีกาฯ โดยแต่ละหน่วยงานราชการได้วางแผนรับมือกับมวลชนที่จะมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว โดยในส่วนของกระทรวงยุติธรรมไม่ได้ทำหนังสือเวียนอย่างเป็นทางการ แต่ได้ขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ว่าสามารถนำรถเข้ามาปกติได้ แต่ไม่แนะนำให้ขับรถยนต์ส่วนตัวมาทำงาน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจค้นอย่างละเอียด อีกทั้งบริเวณศูนย์ราชการฯจะเปิดให้เข้าออกทางเดียว คือ บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ 7 ด้านข้างอาคารศาลปกครอง โดยข้าราชการที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานให้บริการประชาชน ขอให้เป็นดุลพินิจของหัวหน้าในแต่ละสายงานในการพิจารณาอนุญาตให้ลาพักร้อน
** ผบ.ตร.คุมเองหน้าศาลฯ
ด้าน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งช่าติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยว่า ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 24 กองร้อยจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการภาคอื่นๆ กระจายกำลังโดยรอบศาลฎีกาฯ ซึ่งจะมีจุดคัดกรองทั้งหมด 3 จุด เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ศาลฯ ให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ได้สั่งการให้เช็คข่าวกรองความเคลื่อนไหวทุกมิติ ทั้งการชักชวนมวลชนเดินทางเข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่คาดว่ามีประมาณหลักพันคน ซึ่งจะไม่มีการห้ามประชาชนเดินทางมา แต่ทุกอย่างห้ามอยู่นอกกรอบของกฎหมาย รวมถึงการจับตากลุ่มฮาร์ดคอร์มือที่สามที่อาจมีความเคลื่อนไหวเข้าข่ายผิดกฎหมายด้วย ล่าสุดจากการประเมินคาดว่าน่าจะมีมวลชนเข้ามาในพื้นที่โดยรอบศาลฎีกาหลักพันคน รวมทั้งต้องมีการติดตามข่าวทั้งก่อนและหลังการอ่านคำพิพากษา เนื่องจากไม่ทราบผลการตัดสินล่วงหน้า ทำให้ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของจำเลยในคดีนี้เพื่อป้องกันการเดินทางออกนอกประเทศ หลังอ่านคำพิพากษาด้วย นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสข่าวว่า นายทักษิณอาจจะทำการไลฟ์สดด้วย ทั้งนี้ตนพร้อมด้วย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. จะเดินทางมาดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ด้วยตนเอง
** คสช. เตรียมแผนรองรับขั้นสูงสุด
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวว่า ได้มีการเตรียมแผนเป็นขั้นตอนรองรับอยู่แล้ว และขอยืนยันว่า มีความพร้อมในการดูแลประชาชน สิ่งที่พวกเรากังวลคือ ปัญหาการจราจรในพื้นที่รอบศาล จึงฝากไปยังประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องให้หลีกเลี่ยงในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ส่วนสถานการณ์จะล่วงเลยในเวลาค่ำคืนนั้น เจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้คาดการณ์ไว้แล้วและมีแผนรองรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังคำตัดสิน อาจมีคนไม่พอใจผลที่ออกมา พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ในการวางแผนของหน่วยมีการวางแผนไว้ทุกขั้นตอน ที่เรียกว่า "worst case" คือ กรณีเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อแผนรองรับสถานการณ์ หากไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีหลักฐาน แม้แต่จะเป็นหลังวันที่ 25 ส.ค.ไปแล้วก็ตาม ทุกเรื่องก็ต้องดำเนินการเนื่องจากเราได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่า ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปด้วยดี ขอให้สบายใจว่าเราเตรียมแผนรองรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว
"ผมไม่กังวล สบายใจและผมเชื่อว่าจะทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนคนเดินทางมาให้กำลังใจก็ตามตัวเลขเดิมคือ 3,000 - 3,500 คน” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
** นายกฯวอนอย่าดึงจำนำข้าวทำป่วน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.กล่าวว่า ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์วันนี้เกิดอะไรขึ้นดูเอาแล้วกัน เรื่องหนึ่งเป็นคดีหนึ่งในบรรดาแสนคดี ล้านคดี ก็ยกมาเป็นประเด็นทุกวันจนวุ่นวายไปหมด ทำอย่างไรเรื่องเหล่านี้จะกลาย เป็นเรื่องธรรมดาในสังคม ธรรมดาคือผิดก็จะต้องได้รับการพิจารณาในกระบวนการยุติธรรม จะเข้าศาล อุทธรณ์ ศาลชั้นต้น ศาลฎีกา ก็ว่ากันไป ถ้าปลุกกันไปมา มีคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อีกหน่อยศาลก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งศาลของเราได้รับการเคารพนับถือมายาวนาน เป็นศาลในพระปรมาภิไธย ศาลต้องตัดสินด้วยหลักฐานต่างๆทั้งหมดที่มีอยู่ อย่าคิดกันเอาเอง อย่าให้เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศชาติวุ่นวายอีกเลย
** “ปู” เบรกกองเชียร์ไม่ต้องมาศาล
บรรยากาศที่บ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซอยโยธินพัฒนา 3 ตลอดทั้งวัน (24 ส.ค.) เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เก็บตัวอยู่ในบ้านพักตลอดทั้งวัน ไม่มีภารกิจหรือเดินทางออกไปทำบุญเหมือนกับหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียงจดหมายและช่อดอกไม้จากบุคคลใกล้ชิดและประชาชนที่ส่งมาให้กำลังใจเป็นระยะ ทั้งนี้ บุคคลใกล้ชิดของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า วันนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ไม่มีภารกิจและไม่มีกิจกรรมนอกบ้าน เพราะไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นข่าว จึงเลือกเก็บตัวอยู่ในบ้านพัก โดยไม่มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม มีเพียงทีมอารักขาส่วนตัวที่สแตนบายอย่างใกล้ชิด พร้อมนัดทีมงานเดินทางไปพร้อมกันที่ศาลในเวลา 08.00 น.
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra ระบุว่า "ดิฉันขออนุญาตกล่าวถึงวันฟังคำพิพากษาคดีของดิฉันที่ศาลฎีกาฯ ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ดิฉันทราบถึงความห่วงใย และความเมตตา ของพี่น้องประชาชนที่รับรู้ถึงความทุกข์ร้อน และความยากลำบากที่ดิฉันประสบอยู่ แต่ดิฉันเห็นว่าการเดินทางมาศาลเพื่อให้กำลังใจดิฉันนั้น ครั้งนี้เราจะไม่ได้พบปะ เห็นหน้า หรือสื่อความรู้สึกถึงกันได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดระเบียบของผู้ที่จะเดินทางมาศาลผิดไปจากทุกครั้ง ทั้งที่เจตนาของพวกเราทุกคนเพียงต้องการมาให้กำลังใจซึ่งกันเท่านั้น
ทั้งนี้ ดิฉันมีความห่วงใยต่อทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน หรือแฟนเพจ และไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอันอาจเกิดจากมือที่สาม ดังเช่นที่ฝ่ายความมั่นคงให้เหตุผลมาโดยตลอด ดิฉันจึงขอให้ทุกท่านที่ห่วงใย และต้องการให้กำลังใจดิฉัน ไม่ต้องเดินทางมาศาลฯ ในวันพรุ่งนี้ และขอให้ทุกท่านให้กำลังใจดิฉันโดยการรับฟังข่าวสารอยู่ที่บ้าน เพื่อความไม่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอันไม่คาดคิดจากผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง และต่อพวกเราทุกคน ขอขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ"
** จำเลยคดีจีทูจีมาไม่ครบก็อ่านได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการอ่านคำพิพากษา คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มี นายบุญทรง และพวกรวม 28 คน ตกเป็นจำเลยว่า ถ้าจำเลยมาไม่ครบ ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาได้หรือไม่ว่า ว่าสามารถได้ โดนอ่านเฉพาะคนที่มา หรือศาลจะเลื่อน ไม่อ่านคำพิพากษาในวันดังกล่าวก็ได้ ส่วนจะเกี่ยวโยงถึงคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และตอบไม่ถูก เพราะเป็นคนละคดีกัน ไม่เกี่ยวกัน
** โพลชี้ “ยิ่งลักษณ์” ไม่น่ารอด
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง“ประชาชนคิดอย่างไรกับการตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าวของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พบว่าประชาชนร้อยละ 38.1 คิดว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ จะมีความผิดจากผลของคำตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว ขณะที่ร้อยละ 19.5 คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่มีความผิด ส่วนร้อยละ 16.5 คิดว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ จะไม่มาฟังคำตัดสิน ทั้งนี้ มีถึงร้อยละ 25.9 ที่ไม่แน่ใจ สำหรับเรื่องที่กังวลมากที่สุด หากศาลตัดสินว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ มีความผิดคดีทุจริตจำนำข้าว พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 55.4 กังวลเรื่องการจราจรติดขัด รองลงมาคือการชุมนุมประท้วง ร้อยละ 37.9 การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับผู้ชุมนุม ร้อยละ 31.4 และการก่อเหตุไม่สงบ สร้างสถานการณ์ความรุนแรง เผาสถานที่ต่างๆ ร้อยละ 23.2
เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ว่า รัฐบาลควรใช้ ม.44 เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.5 เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ35.1 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 12.4 ไม่แน่ใจ
ทั้งนี้เมื่อถามต่อว่าอยากให้น.ส. ยิ่งลักษณ์ กลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ในอนาคต หากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดในคดีทุจริตจำนำข้าว พบว่า ประชาชนร้อยละ 50.0 ไม่อยากให้กลับมา ขณะที่ร้อยละ 33.7 อยากให้กลับมา และร้อยละ 16.3 ไม่แน่ใจ.
วานนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (อีโอดี) ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณโดยรอบศาลฎีกาฯ ตามมาตรการรักษาความปลอดภัย และเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมารับฟังคำตัดสินคดีจำนำข้าว ในวันที่ 25 ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยเฉพาะอาคารเอ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีพื้นที่ติดกับศาลฎีกาฯ โดยแต่ละหน่วยงานราชการได้วางแผนรับมือกับมวลชนที่จะมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว โดยในส่วนของกระทรวงยุติธรรมไม่ได้ทำหนังสือเวียนอย่างเป็นทางการ แต่ได้ขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ว่าสามารถนำรถเข้ามาปกติได้ แต่ไม่แนะนำให้ขับรถยนต์ส่วนตัวมาทำงาน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจค้นอย่างละเอียด อีกทั้งบริเวณศูนย์ราชการฯจะเปิดให้เข้าออกทางเดียว คือ บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ 7 ด้านข้างอาคารศาลปกครอง โดยข้าราชการที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานให้บริการประชาชน ขอให้เป็นดุลพินิจของหัวหน้าในแต่ละสายงานในการพิจารณาอนุญาตให้ลาพักร้อน
** ผบ.ตร.คุมเองหน้าศาลฯ
ด้าน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งช่าติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยว่า ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 24 กองร้อยจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการภาคอื่นๆ กระจายกำลังโดยรอบศาลฎีกาฯ ซึ่งจะมีจุดคัดกรองทั้งหมด 3 จุด เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ศาลฯ ให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ได้สั่งการให้เช็คข่าวกรองความเคลื่อนไหวทุกมิติ ทั้งการชักชวนมวลชนเดินทางเข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่คาดว่ามีประมาณหลักพันคน ซึ่งจะไม่มีการห้ามประชาชนเดินทางมา แต่ทุกอย่างห้ามอยู่นอกกรอบของกฎหมาย รวมถึงการจับตากลุ่มฮาร์ดคอร์มือที่สามที่อาจมีความเคลื่อนไหวเข้าข่ายผิดกฎหมายด้วย ล่าสุดจากการประเมินคาดว่าน่าจะมีมวลชนเข้ามาในพื้นที่โดยรอบศาลฎีกาหลักพันคน รวมทั้งต้องมีการติดตามข่าวทั้งก่อนและหลังการอ่านคำพิพากษา เนื่องจากไม่ทราบผลการตัดสินล่วงหน้า ทำให้ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของจำเลยในคดีนี้เพื่อป้องกันการเดินทางออกนอกประเทศ หลังอ่านคำพิพากษาด้วย นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสข่าวว่า นายทักษิณอาจจะทำการไลฟ์สดด้วย ทั้งนี้ตนพร้อมด้วย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. จะเดินทางมาดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ด้วยตนเอง
** คสช. เตรียมแผนรองรับขั้นสูงสุด
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวว่า ได้มีการเตรียมแผนเป็นขั้นตอนรองรับอยู่แล้ว และขอยืนยันว่า มีความพร้อมในการดูแลประชาชน สิ่งที่พวกเรากังวลคือ ปัญหาการจราจรในพื้นที่รอบศาล จึงฝากไปยังประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องให้หลีกเลี่ยงในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ส่วนสถานการณ์จะล่วงเลยในเวลาค่ำคืนนั้น เจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้คาดการณ์ไว้แล้วและมีแผนรองรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังคำตัดสิน อาจมีคนไม่พอใจผลที่ออกมา พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ในการวางแผนของหน่วยมีการวางแผนไว้ทุกขั้นตอน ที่เรียกว่า "worst case" คือ กรณีเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อแผนรองรับสถานการณ์ หากไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีหลักฐาน แม้แต่จะเป็นหลังวันที่ 25 ส.ค.ไปแล้วก็ตาม ทุกเรื่องก็ต้องดำเนินการเนื่องจากเราได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่า ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายไปด้วยดี ขอให้สบายใจว่าเราเตรียมแผนรองรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว
"ผมไม่กังวล สบายใจและผมเชื่อว่าจะทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนคนเดินทางมาให้กำลังใจก็ตามตัวเลขเดิมคือ 3,000 - 3,500 คน” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
** นายกฯวอนอย่าดึงจำนำข้าวทำป่วน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.กล่าวว่า ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์วันนี้เกิดอะไรขึ้นดูเอาแล้วกัน เรื่องหนึ่งเป็นคดีหนึ่งในบรรดาแสนคดี ล้านคดี ก็ยกมาเป็นประเด็นทุกวันจนวุ่นวายไปหมด ทำอย่างไรเรื่องเหล่านี้จะกลาย เป็นเรื่องธรรมดาในสังคม ธรรมดาคือผิดก็จะต้องได้รับการพิจารณาในกระบวนการยุติธรรม จะเข้าศาล อุทธรณ์ ศาลชั้นต้น ศาลฎีกา ก็ว่ากันไป ถ้าปลุกกันไปมา มีคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อีกหน่อยศาลก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งศาลของเราได้รับการเคารพนับถือมายาวนาน เป็นศาลในพระปรมาภิไธย ศาลต้องตัดสินด้วยหลักฐานต่างๆทั้งหมดที่มีอยู่ อย่าคิดกันเอาเอง อย่าให้เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศชาติวุ่นวายอีกเลย
** “ปู” เบรกกองเชียร์ไม่ต้องมาศาล
บรรยากาศที่บ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซอยโยธินพัฒนา 3 ตลอดทั้งวัน (24 ส.ค.) เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เก็บตัวอยู่ในบ้านพักตลอดทั้งวัน ไม่มีภารกิจหรือเดินทางออกไปทำบุญเหมือนกับหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียงจดหมายและช่อดอกไม้จากบุคคลใกล้ชิดและประชาชนที่ส่งมาให้กำลังใจเป็นระยะ ทั้งนี้ บุคคลใกล้ชิดของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า วันนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ไม่มีภารกิจและไม่มีกิจกรรมนอกบ้าน เพราะไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นข่าว จึงเลือกเก็บตัวอยู่ในบ้านพัก โดยไม่มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม มีเพียงทีมอารักขาส่วนตัวที่สแตนบายอย่างใกล้ชิด พร้อมนัดทีมงานเดินทางไปพร้อมกันที่ศาลในเวลา 08.00 น.
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra ระบุว่า "ดิฉันขออนุญาตกล่าวถึงวันฟังคำพิพากษาคดีของดิฉันที่ศาลฎีกาฯ ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ดิฉันทราบถึงความห่วงใย และความเมตตา ของพี่น้องประชาชนที่รับรู้ถึงความทุกข์ร้อน และความยากลำบากที่ดิฉันประสบอยู่ แต่ดิฉันเห็นว่าการเดินทางมาศาลเพื่อให้กำลังใจดิฉันนั้น ครั้งนี้เราจะไม่ได้พบปะ เห็นหน้า หรือสื่อความรู้สึกถึงกันได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดระเบียบของผู้ที่จะเดินทางมาศาลผิดไปจากทุกครั้ง ทั้งที่เจตนาของพวกเราทุกคนเพียงต้องการมาให้กำลังใจซึ่งกันเท่านั้น
ทั้งนี้ ดิฉันมีความห่วงใยต่อทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน หรือแฟนเพจ และไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอันอาจเกิดจากมือที่สาม ดังเช่นที่ฝ่ายความมั่นคงให้เหตุผลมาโดยตลอด ดิฉันจึงขอให้ทุกท่านที่ห่วงใย และต้องการให้กำลังใจดิฉัน ไม่ต้องเดินทางมาศาลฯ ในวันพรุ่งนี้ และขอให้ทุกท่านให้กำลังใจดิฉันโดยการรับฟังข่าวสารอยู่ที่บ้าน เพื่อความไม่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอันไม่คาดคิดจากผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง และต่อพวกเราทุกคน ขอขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ"
** จำเลยคดีจีทูจีมาไม่ครบก็อ่านได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการอ่านคำพิพากษา คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มี นายบุญทรง และพวกรวม 28 คน ตกเป็นจำเลยว่า ถ้าจำเลยมาไม่ครบ ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาได้หรือไม่ว่า ว่าสามารถได้ โดนอ่านเฉพาะคนที่มา หรือศาลจะเลื่อน ไม่อ่านคำพิพากษาในวันดังกล่าวก็ได้ ส่วนจะเกี่ยวโยงถึงคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และตอบไม่ถูก เพราะเป็นคนละคดีกัน ไม่เกี่ยวกัน
** โพลชี้ “ยิ่งลักษณ์” ไม่น่ารอด
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง“ประชาชนคิดอย่างไรกับการตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าวของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พบว่าประชาชนร้อยละ 38.1 คิดว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ จะมีความผิดจากผลของคำตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว ขณะที่ร้อยละ 19.5 คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่มีความผิด ส่วนร้อยละ 16.5 คิดว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ จะไม่มาฟังคำตัดสิน ทั้งนี้ มีถึงร้อยละ 25.9 ที่ไม่แน่ใจ สำหรับเรื่องที่กังวลมากที่สุด หากศาลตัดสินว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ มีความผิดคดีทุจริตจำนำข้าว พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 55.4 กังวลเรื่องการจราจรติดขัด รองลงมาคือการชุมนุมประท้วง ร้อยละ 37.9 การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับผู้ชุมนุม ร้อยละ 31.4 และการก่อเหตุไม่สงบ สร้างสถานการณ์ความรุนแรง เผาสถานที่ต่างๆ ร้อยละ 23.2
เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ว่า รัฐบาลควรใช้ ม.44 เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าว ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.5 เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ35.1 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 12.4 ไม่แน่ใจ
ทั้งนี้เมื่อถามต่อว่าอยากให้น.ส. ยิ่งลักษณ์ กลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ในอนาคต หากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดในคดีทุจริตจำนำข้าว พบว่า ประชาชนร้อยละ 50.0 ไม่อยากให้กลับมา ขณะที่ร้อยละ 33.7 อยากให้กลับมา และร้อยละ 16.3 ไม่แน่ใจ.