กกต.หนุน สนช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญขอวินิจฉัยร่างกฎหมายลูกผู้ตรวจการแผ่นดิน ขู่ไม่รับคำร้องน่าจะมีปัญหา ชี้ กรธ.อ้างผู้ตรวจฯ มาจาก รธน.50 ฟังไม่ขึ้น ขอถกที่ประชุมก่อนยื่นปมเซตซีโร่ใหม่อีกหนหรือไม่ ปัดตีรวนบอกตีความสร้างมาตรฐานกฎหมาย เตือน “มีชัย” อย่าเอาความคิดตัวเองเป็นหลักเขียน กม.
วันนี้ (9 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวกรณีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 34 คนเข้าชื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ประเด็นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ครบวาระ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า เรื่องนี้เป็นช่องทางที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้วว่า สนช.จำนวน 1 ใน 10 หรือนายกรัฐมนตรี หากเห็นว่าร่างกฎหมายมีเนื้อหาสาระขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญก็สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ซึ่งเชื่อว่าศาลฯ จะรับไว้พิจารณาเพราะถ้าไม่รับศาลน่าจะมีปัญหา ซึ่งก็ต้องชี้แจงเหตุผลที่มีน้ำหนักให้สังคมรับทราบ ส่วนเนื้อหาจะขัดเจตนารมณ์หรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาล ตนไม่ขอก้าวล่วง อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ สนช.อธิบายต่อสังคมให้ได้ว่าเหตุผลคืออะไร เพราะจะเป็นบรรทัดฐานให้กับ สนช.ในการพิจารณาร่างกฎหมายว่า ทำไมต้องแตกต่างกันทั้งที่เป็นกฎหมายองค์กรอิสระเหมือนกัน แต่ส่วนตัวก็เห็นด้วยที่ สนช.ยื่นให้ศาลฯ พิจารณาแม้จะมองว่า ประเด็นที่ยื่นไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำรงตำแหน่งต่อไปได้
"การออกกฎหมายก็ต้องมีเหตุมีผลเท่าเทียมกันทุกองค์กร การมาอ้างว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมาจากรัฐธรรมนูญ 50 จึงให้อยู่ต่อ ประโยคนี้ใช้ไม่ได้ ฟังไม่ขึ้น เพราะกกต.เองก็มาจากรัฐธรรมนูญ 50 เหมือนกัน การออกกฎหมายอย่างนี้จึงใช้ไม่ได้"
เมื่อถามว่าจะมีการเรียกร้องให้ สนช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.กกต.ประเด็นเซตซีโร่หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า เข้าใจว่าเลยกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องยื่นภายใน 10 วันหลังจากร่างกฎหมายผ่านการพิจารณาวาระ 3 ของที่ประชุม สนช. ส่วนในอนาคตเมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้ กกต.จะใช้สิทธิยื่นอีกครั้งยังตอบแทนไม่ได้ เพราะต้องเข้าที่ประชุมหารือกันก่อน แล้วจึงออกเป็นมติ กกต. โดยสามารถยื่นตรงได้ทั้งในนามองค์กร กกต. หรือยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งใช้สิทธิในฐานะ กกต.รายบุคคลก็ได้ หากเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวกระทบสิทธิ
นายสมชัยยังเห็นว่า ในส่วนประเด็นอำนาจ กกต.ระงับยับยั้งการเลือกตั้งกรณีพบทุจริต และประเด็น กกต.มีอำนาจจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้เองหรือไม่ เมื่อร่าง พ.ร.ป.กกต.ประกาศใช้แล้ว ที่ประชุม กกต.ก็ควรจะได้พิจารณาอีกครั้งว่าจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวก็เห็นว่าถ้า กกต.รักองค์กร รักประเทศชาติ บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวจะทำให้ กกต.ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้สุจริต ยุติธรรมได้เราก็ต้องยื่น อย่ามองว่ายื่นแล้วเป็นการตีรวน แต่ยื่นให้ตีความกฎหมายเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายสมชัยกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์เห็นว่าเมื่อร่าง พ.ร.ป.กกต.ประกาศบังคับใช้แล้วก็ต้องมีการสรรหา กกต.ภายใน 90 วัน เมื่อคณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาได้ตัวบุคคลแล้วก็จะเสนอต่อ สนช.เพื่อพิจารณา ซึ่งก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นตรวจประวัติคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 30 วันก่อนส่งให้ที่ประชุมสนช.จะพิจารณามีมติเห็นชอบ จากนั้นผู้ใด สนช.มีมติเห็นชอบก็จะต้องไปเคลียร์ตัวเองลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งภายใน 15 วัน และประธาน สนช.ก็จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อให้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง กระบวนทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน หรือประมาณต้นปี 61 น่าจะได้ กกต.ชุดใหม่
นายสมชัยยังกล่าวฝากถึงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต่อกรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ว่านายมีชัยเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เป็นมือร่างกฎหมายระดับต้นๆ ของประเทศ เป็นผู้รอบรู้รอบด้าน ไม่ควรเอาความคิดเห็นของตนเองเป็นหลักในการร่างกฎหมาย การพิจารณากฎหมายต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายว่าเห็นอย่างไรเพื่อทำให้กฎหมายนั้นสมบูรณ์ ไม่ใช่ร่างกฎหมายเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง ตนก็เกิดทันในยุคที่การเลือกตั้งใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่ไม่ได้หัวโบราณที่จะย้อนกลับไปใช้แบบนั้น