สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐจัดซื้อเครื่องบิน 8 พันล้าน เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 62 ชี้บ้านเมืองเข้ายุคข้าวยากหมากแพง อย่าอ้างเรื่องความมั่นคง ทำหน้าใหญ่ชอปอาวุธสะสม
วันนี้ (20 ก.ค.) สมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำโดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยว่าการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอขอจัดซื้อเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่เบื้องต้น T-50TH จากประเทศเกาหลีใต้จำนวน 8 ลำ มูลค่า 8,997 ล้านบาท เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 62 ไม่สอดคล้องมาตรา 52, 54, 55 และมาตรา 56 หรือไม่ โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรอ้างเรื่องการรักษาความมั่นคงมากกว่า ปากท้องของประชาชน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพง ประชาชนจนกันทั่วหน้า รวมทั้งเมื่อพิจารณาถึงหนี้สาธารณะของประเทศ 3 ปีนับแต่รัฐประหารพบว่ามีถึง 6.6 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงขึ้นจากเดิมถึง 3 เท่าตัว ถ้าเป็นคนธรรมดาก็เรียกว่าเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ดังนั้นควรนำงบประมาณของประเทศที่มีอยู่จำกัดไปใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่หน้าใหญ่เดินชอปปิ้งซื้ออาวุธมาสะสมไว้ เพราะในรอบประเทศของเราก็ไม่มีสถานการณ์ที่ส่อว่าจะเกิดสงคราม การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัดมาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติว่ารัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้รัฐเสถียรภาพมั่นคงตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
นายศรีสุวรรณยังกล่าวอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 52 แม้จะกำหนดให้รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การฑูต และข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและบูรณภาพแห่งอาณาเขต ก็เห็นว่าการทหารเรามีกฎหมายเกี่ยวกับการให้ชายไทยที่อายุครบ 20 ปี เข้ารับการเกณฑ์ทหารอยู่แล้ว และนับแต่หลังช่วงสงครามเย็น ประเทศไทยก็มีการจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์มาสะสมไว้อยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ในยามบ้านเมืองที่กำลังขาดแคลนจึงควรชะลอการจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์ไว้ก่อน เมื่อบ้านเมืองร่ำรวยแล้วจะซื้อใครก็ไม่ว่า เพราะถ้าทำเช่นนี้ต่อไปใครมาเป็นรัฐบาลก็จะอ้างเรื่องความมั่นคงเพื่อไปจัดซื้ออาวุธมาสะสมแบบไม่มีที่สิ้นสุด