เกษตรกรแห่ยื่นหนังสือร้อง สนช.ชะลอ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว อ้างคนไทยเจอผลกระทบเพียบ รองหัวหน้า ปชป.เรียกร้องคว่ำในสภาเพื่อลดความเดือดร้อน
วันนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายมิตร ปานเจริญ ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหากรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย จำกัด พร้อมคณะเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เรียกร้องให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ออกไปก่อน เนื่องจากเนื้อหาในกฎหมายกระทบต่อผู้ประกอบการผู้ปลูกกล้วยไม้ไทยที่จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ การต้องขออนุญาตนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานในประเทศ ผู้ขออนุญาตต้องเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนเท่านั้น ในความเป็นจริงผู้ประกอบการรายเล็กปฏิบัติตามได้ยาก เรื่องอัตราค่าธรรมเนียมการได้มาซึ่งแรงงานต่างด้าว 1 คนประมาณ 50,000 บาท และการต่อใบอนุญาตครั้งละ 20,000 บาท ส่วนบทลงโทษปรับผู้ฝ่าฝืนยังมีอัตราสูงสุดถึง 800,000 บาท ต่อต่างด้าว 1 คน บัญญัติเหมือนเกษตรเป็นผู้ร้าย
“เป็นห่วงว่า พ.ร.ก.นี้จะเป็นช่องทางหารายได้ของเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มหาผลประโยชน์แอบแฝงจากหน่วยงานที่นำเข้าแรงงานต่างด้าว จึงขอให้ช่วยผ่อนผันการจับกุมแรงงานต่างด้าวด้านภาคเกษตรกร ที่ยังมิได้ขึ้นทะเบียนก่อนการประกาศใช้ พ.ร.ก.นี้สักระยะเพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้ ขอให้เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากภาคเกษตรกร เกี่ยวกับปัญหาของ พ.ร.ก.ฉบับนี้อย่างทั่วถึงด้วย”
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กฎหมายนี้รัฐมีเจตนาที่จะทำให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยเข้าสู่ระบบ สามารถตรวจสอบได้ แต่ผลของการบังคับใช้โดยการเพิ่มบทลงโทษ โดยเฉพาะการปรับสูงสุดที่ 400,000-800,000 ต่อแรงงานต่างด้าวหนึ่งคน ที่จะยิ่งกระทบเศรษฐกิจให้แย่ไปกว่าเดิมอีก เมื่อเลือกวิธีการบังคับเพิ่มโทษให้นายจ้างถูกปรับแพงแบบหมดตัวเช่นนี้ โดยอ้างเรื่องความมั่นคงภายในและทางเศรษฐกิจมาเล่นงานประชาชนคนไทยของตัวเอง ทั้งที่นายจ้างคนไทยพยายามทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ปัญหาคือ การจัดการหน่วยงานภาครัฐ กำลังคนที่มีและช่วงเวลาที่จำกัด ที่สำคัญคือการไร้ความรับผิดชอบของตัวแรงงานต่างด้าวเองที่เข้าสู่ระบบไม่ถึง 30% เมื่อบังคับใช้เช่นนี้ผลกระทบที่ตามมาคือ จะไม่มีคนทำงานในทุกสาขาอาชีพที่ต้องการแรงงาน ทั้งเกษตรกรรม รับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ โรงงานขนาดกลางที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวจะไม่กล้าจ้างแรงงานต่างด้าว จะทำให้กำลังการผลิตลดน้อยลง งานล่าช้ากว่ากำหนด แถมเพิ่มต้นทุนของผู้ประกอบการทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ แทนที่รัฐจะเลือกใช้วิธีบังคับใช้กฎหมายฉบับเดิมให้ได้ผลในการปฏิบัติในการเข้าระบบให้มากขึ้นเพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยตกต่ำ ประชาชนเดือดร้อน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ หากยิ่งมาเจอสถานการณ์แรงงานต่างด้าวเช่นนี้อีกจะเป็นการซ้ำเติมคนไทยด้วยกันเอง
“ขอเรียกร้องถึง สนช.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทน ส.ส. และกินเงินเดือนภาษีอากรของประชาชน ขอให้คว่ำกฎหมาย พ.ร.ก.ฉบับนี้เพื่อลดความเดือดร้อนของคนไทยตามอำนาจหน้าที่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ขอให้ท่านเปลี่ยนจากรับใช้ คสช.มารับใช้ประชาชนบ้าง” นายสาธิตกล่าว
วันนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายมิตร ปานเจริญ ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหากรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย จำกัด พร้อมคณะเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เรียกร้องให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ออกไปก่อน เนื่องจากเนื้อหาในกฎหมายกระทบต่อผู้ประกอบการผู้ปลูกกล้วยไม้ไทยที่จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ การต้องขออนุญาตนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานในประเทศ ผู้ขออนุญาตต้องเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนเท่านั้น ในความเป็นจริงผู้ประกอบการรายเล็กปฏิบัติตามได้ยาก เรื่องอัตราค่าธรรมเนียมการได้มาซึ่งแรงงานต่างด้าว 1 คนประมาณ 50,000 บาท และการต่อใบอนุญาตครั้งละ 20,000 บาท ส่วนบทลงโทษปรับผู้ฝ่าฝืนยังมีอัตราสูงสุดถึง 800,000 บาท ต่อต่างด้าว 1 คน บัญญัติเหมือนเกษตรเป็นผู้ร้าย
“เป็นห่วงว่า พ.ร.ก.นี้จะเป็นช่องทางหารายได้ของเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มหาผลประโยชน์แอบแฝงจากหน่วยงานที่นำเข้าแรงงานต่างด้าว จึงขอให้ช่วยผ่อนผันการจับกุมแรงงานต่างด้าวด้านภาคเกษตรกร ที่ยังมิได้ขึ้นทะเบียนก่อนการประกาศใช้ พ.ร.ก.นี้สักระยะเพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้ ขอให้เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากภาคเกษตรกร เกี่ยวกับปัญหาของ พ.ร.ก.ฉบับนี้อย่างทั่วถึงด้วย”
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กฎหมายนี้รัฐมีเจตนาที่จะทำให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยเข้าสู่ระบบ สามารถตรวจสอบได้ แต่ผลของการบังคับใช้โดยการเพิ่มบทลงโทษ โดยเฉพาะการปรับสูงสุดที่ 400,000-800,000 ต่อแรงงานต่างด้าวหนึ่งคน ที่จะยิ่งกระทบเศรษฐกิจให้แย่ไปกว่าเดิมอีก เมื่อเลือกวิธีการบังคับเพิ่มโทษให้นายจ้างถูกปรับแพงแบบหมดตัวเช่นนี้ โดยอ้างเรื่องความมั่นคงภายในและทางเศรษฐกิจมาเล่นงานประชาชนคนไทยของตัวเอง ทั้งที่นายจ้างคนไทยพยายามทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ปัญหาคือ การจัดการหน่วยงานภาครัฐ กำลังคนที่มีและช่วงเวลาที่จำกัด ที่สำคัญคือการไร้ความรับผิดชอบของตัวแรงงานต่างด้าวเองที่เข้าสู่ระบบไม่ถึง 30% เมื่อบังคับใช้เช่นนี้ผลกระทบที่ตามมาคือ จะไม่มีคนทำงานในทุกสาขาอาชีพที่ต้องการแรงงาน ทั้งเกษตรกรรม รับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ โรงงานขนาดกลางที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวจะไม่กล้าจ้างแรงงานต่างด้าว จะทำให้กำลังการผลิตลดน้อยลง งานล่าช้ากว่ากำหนด แถมเพิ่มต้นทุนของผู้ประกอบการทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ แทนที่รัฐจะเลือกใช้วิธีบังคับใช้กฎหมายฉบับเดิมให้ได้ผลในการปฏิบัติในการเข้าระบบให้มากขึ้นเพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยตกต่ำ ประชาชนเดือดร้อน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ หากยิ่งมาเจอสถานการณ์แรงงานต่างด้าวเช่นนี้อีกจะเป็นการซ้ำเติมคนไทยด้วยกันเอง
“ขอเรียกร้องถึง สนช.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทน ส.ส. และกินเงินเดือนภาษีอากรของประชาชน ขอให้คว่ำกฎหมาย พ.ร.ก.ฉบับนี้เพื่อลดความเดือดร้อนของคนไทยตามอำนาจหน้าที่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ขอให้ท่านเปลี่ยนจากรับใช้ คสช.มารับใช้ประชาชนบ้าง” นายสาธิตกล่าว