รอยร้าว ปชป. “ประมวล-วัชระ” ดาหน้าถล่ม กปปส.หวนคืนสู่พรรรค ชี้อุดมการณ์ต่างก็ไม่สมควรอยู่พรรค ลั่นค้านเผด็จการ ไล่ตั้งพรรคใหม่ ย้อนรัฐประหารไปปฏิรูปเสร็จกี่เรื่อง แนะ “ประยุทธ์” ไตร่ตรองควรอยู่ด่อหรือไม่ ระวังเห็บเกาะจนหมดอำนาจ ด้าน “องอาจ” เห็นแย้ง ยินดีอ้าแขนรับเลือดเนื้อเชื้อไขกลับพรรค “สาธิต” รับ ปชป.-พท.จูบปากได้ถ้า “ทักษิณ” ไม่ครอบงำ
วันนี้ (29 พ.ค.) นายประมวล เอมเปีย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำ กปปส.บางคนต่อว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และกระทบชิ่งถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวน้าพรรค กรณีประกาศไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้วจะกระสันต์อยากลงเลือกตั้งโดยเร็วนั้น ตนขอชี้แจงว่า ไม่ใช่ว่านักการเมืองกระสันต์อยากให้เลือกตั้งเร็วๆ แต่ คสช.ยึดอำนาจ 3 ปีกว่า ระบบเศรษฐกิจมีแต่แย่ลง ความเหลื่อมล้ำยิ่งห่างขึ้น คนจนยิ่งจนลง มีเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือน พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในอุดมการณ์ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ ที่ กปปส.บางคนหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อในช่วงเปลี่ยนผ่านอีก 5 ปี ก็เป็นเรื่องของพวกท่าน
“แต่การเห็นแย้งกับอุดมการณ์พรรค แล้วท่านจะขอกลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคอีกนั้นผมเห็นว่าไม่สมควร เพราะรังแต่จะสร้างความแตกแยกภายในพรรคเพิ่มขึ้นอีก ไหนๆ ก็ประกาศจุดยืนสนับสนุนทหารแล้วก็สมควรที่จะตั้งพรรคใหม่ หรือไปอยู่ร่วมกับพรรคทหารที่จะตั้งขึ้นใหม่จะดีกว่า การระบุว่าเมื่อไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว ก็ไม่ต้องลงเลือกตั้งนั้น เมื่อเป็นพรรคการเมืองก็ต้องส่งลงสมัครแข่งขันตามระบบ เพราะประชาชนจะเป็นคนตัดสินอนาคตให้เอง”
ส่วนข้อเสนอของนายพิชัย ที่ให้ 4 พรรคการเมืองสงบศึกกันและร่วมจับมือต่อสู้กับพรรคทหารนั้น นายประมวลกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดนี้เพื่อป้องกันทหารสืบทอดอำนาจ แต่ต้องดูอุดมการณ์ของแต่ละพรรคด้วยว่า จะสามารถร่วมทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติบ้านเมืองและสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่
ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส.จบจากต่างประเทศรู้แก่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เป็นเผด็จการ สืบทอดอำนาจหรือไม่ การรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 เกิดขึ้นเพราะ กปปส.กวักมือเรียกทหารเช้าเที่ยงเย็นค่ำ ทั้งที่ระบอบประชาธิปไตยควรจะต้องเดินไปข้างหน้าแต่ประเทศเรากลับถอยหลังกว่าชาติอื่นในอาเซียน 3 ปีของรัฐบาลนี้ปฏิรูปสำเร็จกี่เรื่อง แม่น้ำ 5 สายต่างกับนักการเมืองตรงไหน ระบบอุปถัมน์ การทุจริตคอร์รัปชั่น ตรวจสอบได้หรือไม่ นายเอกนัฐควรบอกความจริงกับประชาชนให้ครบทุกประเด็น ที่อังกฤษมีนักการเมืองยุ่งเกี่ยวการซื้อขายตำแหน่งตำรวจหรือไม่ ครอบครองที่หลวงหรือไม่ มีการรัฐประหารแล้วเชิดชูหัวหน้าคณะรัฐประหารว่าเป็นคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้หรือไม่ มีการอ้างคำว่าปฏิรูปนำหน้าแล้วมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ประเทศที่เจริญแล้วเขาพัฒนาทางการเมืองกันแบบนี้หรือ ความเห็นต่างอย่าดูถูกว่า เป็นเสียงนกเสียงกา ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ตนไม่ปฏิเสธว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนดี และดีกว่านายกรัฐมนตรีหลายๆคนที่เคยเป็นมา แต่ท่านต้องไตร่ตรองเองว่า ควรเป็นนายกฯต่อตามที่มีบางพวกสนับสนุนหรือไม่
“ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียและไม่เคยขอผลประโยชน์ใดๆ กับ คสช. จึงกล้าบอกท่านตรงไปตรงมา ไม่มีประโยชน์แอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ระวังในแม่น้ำ 5 สายบางคนที่กำลังจะกลายเป็นเห็บอำนาจหวังเกาะท่านต่อไปจนกว่าจะหมดอำนาจ เป็นเห็บพันธุ์ใหม่ที่มีพิษร้ายแรงกว่าเห็บทั่วไป” นายวัชระกล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโมเดล 4 พรรคใหญ่จับมือต่อสู้พรรคทหารในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า ตนอยากทุกฝ่ายว่าให้ตั้งสติ ให้ยึดหลักรัฐธรรมนูญ ปฏิบัติตามหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดไม่มีสิทธิไปกำหนด หรือตั้งธงไว้ว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาล ก่อนที่ประชาชนส่วนใหญ่จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ต้องขอบคุณแนวคิดนายพิชัย รัตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่เราไปคิดนอกหลักกติกากฎหมาย และนอกการปกครองประชาธิปไตยไม่ได้ ขอให้กลับมาที่หลักว่าอำนาจอยู่ที่ประชาชน เมื่อวันนี้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองไหนได้เสียงเท่าไหร่ ถึงวันนั้นจะเป็นกลไกกำหนดเองว่า ใครจะได้อำนาจบริหารประเทศต่อไป ขอเตือนสติไม่ว่า พรรคการเมือง คสช.หรือใครอย่าไปคิดใหญ่กว่าประชาชน รอประชาชนตัดสินดีที่สุด เมื่อถามว่า วันนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์จะร่วมมือกัน นายสาธิต ตอบว่า จะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้หรือเงื่อนไขทำนองนี้ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดชัดแล้วว่า พรรคเพื่อไทยถ้าปราศจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ถ้าตราบใดที่ทักษิณยังครอบงำสั่งการควบคุมได้อยู่แบบนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบข่าวเลยว่ามีเรื่องนี้ ไม่เคยได้ยินจริงๆ ตนยังยืนยันไม่มีอะไรแตกคอกัน มีโอกาสพบปะพูดคุยตอนเจอกันที่พรรคอยู่ตลอด ที่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมต้อนรับอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา กปปส.ทุกคนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพรรค ทำงานให้พรรคกันมาทุกคน จะมาพรรคเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ปิดกั้นใคร ส่วนตนกลับยินดีเสียอีก จะได้มีความคิดความเห็นดีๆช่วยกันทำงานมากขึ้น พรรคก็มีพละกำลังมากขึ้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง คงไม่มีใครคิดจะมาเปลี่ยนอะไร พรรคเองมีการบริหารจัดการตามครรลองของพรรค จุดยืนหรือหลักการของพรรคเอง คนที่เป็นประชาธิปัตย์ชัดเจนในเรื่องนี้ ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดผลกระทบอะไร ไม่รู้สึกกังวลอะไร