“สุวิระ” โวยอย่าเอา สปท.เกี่ยวปมซื้อขายตำแหน่ง ยันถามแล้วไม่มีใครซื้อขายเก้าอี้สักคน อ้างยุคนี้ทำไม่ได้ แค่คิดผู้บังคับบัญชาก็ได้ยินแล้ว เชื่อพวกผิดหวังกุข่าว มาเฟียฝากเด็ก กองเชียร์ตำรวจ “อนุสิษฐ์” ท้วงขอประชุมลับ ก่อนที่รอง ปธ.จะยอมให้คุย 1 ชั่วโมง “ชิดชัย วรรณสถิตย์” บอกอย่าเชื่อเพียงแค่ได้ยินจากใครมา
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธาน สปท.คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ภายหลังหมดวาระการประชุมที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกหารือ โดย พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา สมาชิก สปท.ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ในกรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต สปท. พูดเรื่องโยกย้ายตำรวจจนทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะมีการฟ้องร้อง ตนไม่อยากให้เอา สปท.ไปเกี่ยวข้อง เพราะการกล่าวหาว่ามีการซื้อขายตำแหน่งมีการกล่าวกันมาหลายครั้งแล้ว และตนก็เคยอภิปรายมาหลายครั้งแล้วในสภาแห่งนี้ แต่มีข้อเท็จจริงโดยมีการสอบถามจากเพื่อนตำรวจ รุ่นพี่รุ่นน้อง 300 คน และลูกศิษย์ตำรวจอีก 3 หมื่นคน จากการตรวจสอบไม่มีใครจ่ายเงินและไม่มีใครรับเงินจากการซื้อขายตำแหน่งเลย และยืนยันว่าไม่มีผู้บังคับบัญชาขายตำแหน่ง เพราะเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในยุคนี้ไม่สามารถกระทำได้ มีข้อมูลย้อนกลับมาว่าเรื่องการซื้อขายตำแหน่งไม่สามารถทำได้ แค่คิดผู้บังคับบัญชาก็ได้ยินแล้ว ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล สตช. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีหูมีตา และมีหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ทั้งหน่วยทหาร หน่วยข่าว ฝ่ายปกครอง จึงสามารถรับรู้ข้อมูลต่างได้
พล.ต.อ.สุวิระกล่าวว่า การที่มีการโจษขานกันนั้น จากการตรวจสอบพบว่าต้นตอข่าวลือมาจาก 1. กลุ่มที่ผิดหวัง จากการแต่งตั้งโยกย้าย มีความโกรธเคืองกับผู้บังคับบัญชาที่ไม่แต่งตั้งตนเองให้มีตำแหน่งสูงขึ้นตามความต้องการ จึงปล่อยข่าวลือเพื่อเป็นข้ออ้างถึงเหตุที่ตัวเองไม่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นข้ออ้างกับพวกพ้องเพื่อนฝูงและผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อลบล้างความจริงที่พบว่าตัวเองมีผลงานไม่ดีสู้คนอื่นไม่ได้ คำกล่าวอ้างที่ดีที่สุดจึงคือไม่มีเงินซื้อตำแหน่งจึงไม่ได้รับการแต่งตั้ง 2. ผู้ที่มีความความผิดหวังจากการแต่งตั้งโยกย้าย และมีความโกรธเคืองผู้ที่ได้รับตำแหน่งใหม่ หรือคนที่มาแทนตำแหน่งที่ตนครองอยู่ จึงมีความริษยาใส่ร้ายผู้ที่ได้รับตำแหน่งที่ตนต้องการหรือมาแทนในตำแหน่งที่ตนครองอยู่เดิม โดยกล่าวหาว่ามีการซื้อตำแหน่งเพื่อให้เกิดความเกลียดชังหรือเสียหายด้านชื่อเสียงเป็นความโกรธแค้นส่วนตัว 3. กลุ่มผู้มีบารมีที่อยู่ในพื้นที่ ที่ฝากลูกน้องเพื่อนฝูง ญาติสนิท มาเพื่อขอรับการสนับสนุนในตำแหน่งที่สูงขึ้น เมื่อไม่สามารถแต่งตั้งให้ได้จึงเกิดความแค้น และปล่อยข่าวว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง 4.กลุ่มที่เป็นกองเชียร์ของข้าราชการตำรวจที่กำลังจะขึ้นสู่ตำแหน่ง
ต่อมานายอนุสิษฐ์ คุณากร สมาชิก สปท.ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของสังคม การแสดงข้อมูลต้องชัดเจน แต่ใครจะยืนยันว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นถูกต้องทั้งหมด จึงขอเสนอให้เป็นการประชุมลับ เพื่อให้พูดความจริงออกมาและนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง จากนั้น น.ส.วลัยรัตน์จึงสั่งให้เป็นการประชุมลับ โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชม. โดยในที่ประชุม สปท.ที่เป็นตำรวจ 4 นาย ทหาร 2 นาย และอดีตข้าราชการอีก 1 ราย โดยเฉพาะ สปท.ในสายที่เคยรับราชการตำรวจมาก่อนต่างชี้แจง ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง อาทิ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ สปท.ได้หยิบยกการทำงานของตำรวจที่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย ที่ทำงานต่างจากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศอื่น แต่ของเราไม่ว่าใครจะไปจะมาต่างดูแลอย่างดี ส่วนที่มีคนเคยวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็อยากให้ยึดตามหลักกาลามสูตร 10 ของพระพุทธเจ้าที่มีสิบข้อ หนึ่งในนั้นคืออย่าเชื่อเพียงเพราะได้ยินจากใครมา
ขณะที่ สปท.สายทหาร อาทิ พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ ก็ได้ชี้แจงถึงสิ่งที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ ที่จะต้องมีการปฏิรูปตำรวจให้แล้วเสร็จใน 1 ปี แต่หลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้มา 2 เดือน แต่ยังไม่ค่อยมีความคืบหน้าเท่าที่ควร อยากให้มีการปรับ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งสมาชิก สปท.คนอื่น ต่างชี้แจงไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากมีข่าวจากอดีต สปท.ระบุในการโยกย้ายนายตำรวจมีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งกันนั้น ก็ไม่อยากให้ถูกมองว่า สปท.ไปเป็นคู่ขัดแย้งกับ สตช. เข้าใจว่าเมื่อมีข่าวการซื้อขายตำแหน่งออกมาทาง สตช.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและโยกย้ายนายตำรวจที่ถูกพาดพิงออกจากพื้นที่แล้ว ซึ่งปัญหาใน สตช.มีมากจึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูป เมื่อสมาชิก สปท.ฟังการชี้แจงแล้วก็เข้าใจกันมากขึ้น