xs
xsm
sm
md
lg

พศ.ยังไม่ชงใช้ ม.44 พัก ขรก.เอี่ยวโกงเงินทอนวัด รอ กก.ชี้มูล เชื่อพระดียังมีมากกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)
ผอ.พศ.เผยยังไม่เสนอใช้ ม.44 สั่งพัก ขรก.เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด รอ กก.สอบชี้มูลก่อน รับยังไม่ได้หารือ “มส.-วิษณุ” ยอมรับกระทบศรัทธา ปชช. แต่เชื่อพระที่ดีมีมากกว่าที่มีปัญหา

วันนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดว่า กรณีนี้ตำรวจดำเนินคดีไปแล้ว 12 วัด 12 คดี โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาเกี่ยวข้องทั้งหมด 4 ราย เป็นอดีตข้าราชการ 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนทางเจ้าอาวาสวัดทั้งหมดแล้ว หากทาง พศ.จะดำเนินการทางวินัยกับวัดเหล่านี้ โดยอิงข้อมูลจากตำรวจก็จะง่าย เพราะได้มีการสอบสวนไว้อย่างละเอียดแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้าราชการ พศ.ที่ยังคงทำงานอยู่ จะมีการเสนอใช้มาตรา 44 เพื่อพักราชการก่อนหรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน การจะสั่งพักราชการได้นั้นทางคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยจะต้องมีการสอบสวนและชี้มูลก่อน และกรณีที่เข้าเงื่อนไขว่าไปกระทำอะไรในสิ่งที่มีผลต่อการสอบสวนหรือปฏิบัติงานจึงจะมีการสั่งพักราชการ เพราะเรื่องนี้เป็นการกระทำทางปกครอง ดังนั้นต้องชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้หลักการใช้อำนาจทางกฎหมายที่เจ้าหน้าที่พึงใช้นั้น ต้องใช้ให้น้อยที่สุด

เมื่อถามว่าตอนนี้ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยใช่หรือไม่ ผอ.พศ.กล่าวว่า มีแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหามูลก่อน “ถ้าเรามีหลักฐานอยู่ในมือ เราตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยได้เลย แต่เมื่อเราไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ เราก็ต้องหามูลเพื่อไม่ให้เป็นการแกล้งตั้ง เพราะการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย มันจะไปกระทบกับสิทธิเสรีภาพและมีเงื่อนไขในการตั้ง ดังนั้นต้องสอบสวนก่อน”

เมื่อถามว่า บุคคลภายนอกอีก 4 คน ที่เกี่ยวข้องเป็นคนของทางวัดด้วยหรือไม่ ผอ.พศ.กล่าวว่า คนที่เกี่ยวข้องถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ที่เห็นอยู่จะประกอบด้วย พระคุณเจ้า และบุคคลภายนอกที่เป็นตัววิ่งหรือตัวประสานงานกับวัด หรือพระกับเจ้าหน้าที่ เมื่อถามว่ามีวัดอื่นๆ มาร้องต่อ พศ.อีกหรือไม่ว่าถูกทอนเงินไป พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า มีพระบางรูปและฆราวาสบางคนมาให้เบาะแสเหมือนกัน ว่ามีรูปแบบการกระทำผิดอย่างไร ทั้งนี้ ใน 12 คดีนี้ไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก พื้นฐานของคดีอาจจะเหมือนกัน แต่วิธีการตัดต่อในรายละเอียดจะไม่เหมือนกัน ในแต่ละที่แต่ละเวลา เมื่อถามว่าจะมีการหารือกับทางมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อไหร่ ผอ.พศ.กล่าวว่า ค่อยๆ คุยกัน ขอไม่กำหนดเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เพื่อออกกฎหมายป้องกันการทุจริตของวัดต่างๆ หรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า ยังไม่ได้หารือ “แต่เรื่องนี้หากไม่มีการออกกฎหมาย ปัญหาแบบนี้ก็จะไม่หมด ถ้าผมเป็นคนมีอำนาจออกกฎหมาย มันจบไปแล้ว” เมื่อถามว่าเรื่องนี้ได้มีการเรียนให้ทางสมเด็จพระสังฆราชฯ ได้รับทราบหรือไม่ ผอ.พศ.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ของเราเองที่ทำผิด เราก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายของเรา แต่ในทางสงฆ์หากมีการกระทำผิดวินัย เราก็ต้องส่งพระสังฆาธิการ

เมื่อถามว่าเบาะแสที่ได้มาทั้งหมดต้องส่งต่อให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า “หาก ปปป.ต้องการ ทางเราก็ยินดีส่งให้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นสำนักพุทธศาสนา ก็จะยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่าเกิดเหตุเช่นนี้ ท่านก็หมดความศรัทธา พศ. เดี๋ยวจะไปกระทบต่อพระพุทธศาสนาด้วย เจ้าหน้าที่และฆราวาสที่สนองงานจะต้องสะอาดด้วย ก็ยอมรับว่ากรณีนี้กระทบต่อศรัทธาของประชาชน ไม่ค่อยน่าเลื่อมใส แต่อย่าลืมว่าพระดีมีมากกว่าที่มีปัญหา เจ้าหน้าที่ที่ดี ที่ตั้งใจทำงานก็มีมากกว่า”
กำลังโหลดความคิดเห็น